หลักวิชาที่ปราศจากศีลธรรม
วันที่ 21 กันยายน 2533
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมคณะนักเรียนโรงเรียนวาปีปทุม  มหาสารคาม

เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๓

หลักวิชาที่ปราศจากศีลธรรม

 

นี่บรรดาลูกหลานทั้งหลายมาจากทางไกล เป็นนักเรียนมาจาก อ.วาปีปทุม มาฟังการอบรม ไม่มีอะไรจะอบรมแหละ ต้องเอาธรรมมาอบรม เพราะธรรมนี้เคยให้ความร่มเย็นแก่โลกมานานแสนนาน กว้างที่สุดไม่มีอะไรเกินธรรมที่ให้ความร่มเย็นแก่โลก จึงต้องเอาธรรมมาสั่งสอนเรา ให้มีภาคปฏิบัตินะ สักแต่ว่าเรียนเฉยๆ ฟังเฉยๆ พระท่านก็เรียนได้ ๘-๙ ประโยค ๑๐ ประโยคก็เรียนได้ แต่ที่เรียนมานี้โยนเข้าในคัมภีร์ในตู้ในหีบเสีย เจ้าของอยากจะเป็นลิงเป็นค่างบ่างชะนีก็เป็นไปตามเรื่อง

ทีนี้ความเดือดร้อนมันก็ทำให้วุ่นละซี เพราะความทุกข์เดือดร้อนไม่ได้อยู่ในคัมภีร์นี่ มันอยู่กับคน คนทำไม่ดีความเสียหายก็เกิดขึ้นกับคนกับเรานั่นแหละ เพราะอะไรถึงเกิดที่นั่น ก็เพราะผู้นั้นเป็นผู้ทำเป็นผู้ก่อเหตุ ผลก็เกิดขึ้นที่นั่น ตู้คัมภีร์ท่านไม่ได้ก่ออะไร โยนเข้าในคัมภีร์ก็เป็นคัมภีร์อยู่นั้น เรียนมาเท่าไรก็ไม่สำเร็จประโยชน์ถ้าไม่ตั้งใจปฏิบัติตาม พระพุทธเจ้าสอนไม่เพียงแต่สอนให้ฟังเฉยๆ แล้วไปๆ นะ ฟังให้มีภาคปฏิบัติด้วย อันนี้เราเรียนวิชาอะไรมาก็เหมือนกัน ให้มีภาคปฏิบัติควบคู่กันไปด้วย วิชาเรียนมาอะไรๆ บ้างก็ให้มีภาคปฏิบัติติดแนบไปด้วย

เรื่องศีลธรรมมีไหมโรงเรียนหนึ่งๆ น่ะ ถ้าไม่มีศีลธรรมเข้าแทรกอยู่ในโรงเรียนหรือในชั้นนั้นๆ แล้ว ก็รู้สึกว่าบกพร่องเอามากทีเดียว เท่ากับว่านี่กำลังจะเรียนเพื่อความรู้แล้วก็เพื่อความลืมตัว ว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด ถ้าไม่มีธรรมเข้าเป็นเบรกห้ามล้อในทางผิดและเป็นคันเร่งในทางที่ถูกที่ดี หมุนความประพฤติเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปกับหน้าที่การงานด้วยความถูกต้องดีงาม นั่นคือธรรม จะยังผลดีให้เกิดขึ้นแก่ตน

เพียงหลักวิชาที่เราเรียนมาเฉยๆ ใครก็เรียนได้ แต่เรื่องกิเลสตัณหาความทะเยอทะยานที่จะทำให้เราเสียนั้น ไม่ได้ไปเรียนที่ไหนเพราะอยู่ที่หัวใจ ซึ่งคอยคิดเอาดอกผลจากเราที่เรียนมามากน้อยมาเป็นบริษัทบริวารของมัน แล้วก็ไสเราไปในทางเสียหาย ไปช่องไหนกิริยาอาการใด มีแต่ช่องความชั่วช้าเสียหายไปหมด ความจริงต้องเป็นอย่างนั้นถ้าเราไม่มีธรรมกำกับใจ ถ้ามีธรรมที่เรียนมาฟังมา ศีลธรรมท่านว่ายังไงก็ปฏิบัติตามศีลธรรมนั้น นั่นถ้าเป็นสัตว์ก็เรียกว่าสัตว์มีเจ้าของ เพราะสัตว์มีเจ้าของไม่ค่อยเป็นอันตรายง่ายเหมือนกับสัตว์ที่อยู่ตามลำพัง สัตว์อยู่ตามลำพังนั้นเป็นอันตรายและตายง่าย ผิดกับสัตว์ที่มีเจ้าของดูแลรักษาอยู่มาก

วิชาความรู้ที่ไม่มีเจ้าของคือศีลธรรมเป็นเครื่องคุ้มครองรักษาและปฏิบัติแล้ว จะไม่ได้เรื่องอะไรแหละ เรียนมามากมาน้อยมักเป็นเครื่องมือส่งเสริมในทางที่เสียหายไปเสียมากจนไม่อาจพรรณนานับอ่านได้ เราจึงอยากให้ลูกหลานทั้งหลายเป็นคนดีมีศีลธรรมประจำตัวแต่ยังเล็กทั่วแผ่นดินไทยที่เป็นชาวพุทธ เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งประเทศ การแนะนำสั่งสอนก็สั่งสอนเพื่อโลกสงสารเพื่อบ้านเมืองของเรา เพราะฉะนั้นจึงอดวิตกวิจารณ์ไม่ได้ว่า ถ้ามีแต่ความรู้ทางโลกล้วนๆ ไม่มีศีลธรรมเข้าเกี่ยวข้องเป็นภาคปฏิบัติติดแนบไปด้วยแล้ว มีทางเสียหายได้จริงๆ นี่ซิที่น่าวิตกอยู่เรื่อยมา

กิจการใดก็ตาม ราชการงานใดก็ตาม หน่วยงานต่างๆ ไม่มีประมาณ เพียงนำหลักวิชานี้เข้าไปทำงาน หลักวิชากับความโลภความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ความเอารัดเอาเปรียบมันไปด้วยกัน ความคดความโกง ความรีดความไถ ความกอบความโกยมันไปตามๆ กัน และก่อความเสียหายแก่วงงานนั้นๆ ไม่มีประมาณ กลายเป็นงานกอบโกยกันไม่รู้จักความอิ่มพอไปเสียสิ้น นี่แลหลักวิชาที่ปราศจากศีลธรรมภายในใจและความประพฤติ เรียนมามากเท่าไรยิ่งมีความเฉลียวฉลาดคว่ำกินหงายกินมาก คดกินโกงกินเป็นอุบายของกิเลสทั้งมวล กิเลสมันแหลมคมอย่างนั้นแล มันตีตลาดหมด เรายังภูมิใจว่าเราเรียนวิชาความรู้อย่างนั้นอย่างนี้ แต่กิเลสเอาตับไปกินหมดเราไม่เห็นรู้ เมื่อเอาธรรมเข้าไปจับก็รู้เอง ดังปราชญ์ทั้งหลายท่านรู้เรื่องของกิเลสตัวลามกจนกระเทือนโลกธาตุมาแล้ว

ถ้ามีธรรมแล้ว ชาติก็เท่ากับเป็นต้นไม้ต้นหนึ่ง กิ่งก้านสาขาดอกใบเหมือนกับเราๆ ท่านๆ ซึ่งเป็นคนของชาติบ้านเมือง ต่างคนต่างทำงานในหน้าที่หรือแผนกใดเพื่อชาติบ้านเมืองด้วยความสุจริตแล้ว ต่างคนต่างส่งเสริม ต่างคนต่างสะสมสมบัตินั้นๆ เพื่อบำรุงลำต้นคือชาติของเราให้มีความแน่นหนามั่นคง ไม่กินไม่คอรัปชั่นทุจริตคดโกง ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเพื่อรักษาสมบัติของชาติบ้านเมือง อันใดเป็นสมบัติของชาติก็ทราบว่านั้นคือหลักใหญ่ ไม่แตะไม่ต้องไม่บั่นไม่ทอนไม่คดไม่โกงเอาไปเป็นของตน

ชีวิตจิตใจของเราอยู่กับชาติ ถ้าชาติล่มจม เราคนเดียวจะหวังมีความสุขอยู่ในชาติที่กำลังล่มจมเป็นฟืนเป็นไฟนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นต้องต่างคนต่างรักษาชาติบ้านเมือง ด้วยการประพฤติปฏิบัติตัวดีต่อหน้าที่การงานของชาติ อันใดที่จะเกิดความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองของตนไม่แตะไม่ต้อง สมบัติอันใดที่จะเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองของเรา ก็ต่างคนต่างส่งเสริมต่างคนต่างรักษา สมกับความรู้วิชาของเราที่เรียนมา ไม่ใช่เรียนมาเพื่อทำลายชาติบ้านเมือง เรียนมาเพื่อทำชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองที่เรียกว่าวัฒนธรรม วัฒนธรรมเป็นยังไง มีแต่ชื่อเฉยๆ ไม่รู้ว่าวัฒนธรรมเป็นยังไง โลกวินาศมีเต็มหัวใจเราไม่ได้คิดบ้างไม่ดีเลย วัฒนธรรมก็คือเป็นผู้ปฏิบัติการงานเพื่อความเจริญรุ่งเรืองโดยทางศีลธรรมและเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขทั่วหน้ากัน ท่านเรียกว่าวัฒนธรรม

ธรรมเจริญที่ไหนย่อมเป็นความสงบสุขคนเรา ถ้าโลกกิเลสเจริญที่ไหนหาความสุขไม่ได้ มีแต่ความเป็นฟืนเป็นไฟไปตามๆ กัน ขอให้ลูกหลานทั้งหลายจำเอาไว้นะ หลักวิชาที่เราเรียนมานี้เพื่อรักษาชาติบ้านเมืองของเรา รักษาตัวของเราครอบครัวเหย้าเรือนของเรา หลักวิชาเหล่านี้ไม่มีวิชาแขนงใด ที่จะสอนให้ทำลายตัวของเราและสังคม ตลอดชาติบ้านเมือง มีแต่หลักวิชาที่สั่งสอนให้ปฏิบัติรักษาและส่งเสริมตัวของเรา ครอบครัวของเรา ตลอดสังคมชาติบ้านเมือง ให้เจริญรุ่งเรืองโดยทั่วหน้ากันเท่านั้น ไม่มีหลักวิชาใดที่จะสอนให้ทำลาย

เป็นยังไงเมืองไทยเราถึงหาความสงบสุขไม่เจอ ไปที่ไหนได้ยินแต่เรื่องความทุกข์เดือดร้อนทั่วดินแดน ในหนังสือพิมพ์ก็อ่านก็ดู หัวใจมีไม่คิดได้ยังไง เรื่องบอกว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ฟังเรื่องต่างๆ แล้วไม่ได้มีแต่คนโง่ มักมีคนฉลาดในทางก่อความเดือดร้อนเสียหายแก่ผู้อื่น ฉลาดกินฉลาดโกงเต็มไปหมดแทรกอยู่นั้น โอ้โหชาติจะหมดจริงๆ แล้วเหรอ มันถึงมีแต่เรื่องฟืนเรื่องไฟเผาไหม้กันอย่างนี้ ทำให้อดคิดไม่ได้นะ เราก็ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองคนหนึ่งแทบเป็นแทบตายเรื่อยมา ใครที่ว่าทำประโยชน์แก่โลกๆ โดยถ่ายเดียวนั้นมันฟังไม่สนิทใจนัก เมื่อไปเห็นและได้ยินความประพฤติการปฏิบัติที่เป็นฟืนเป็นไฟแก่กันแล้วมันสลดหดหู่อย่างมาก

กินเสียจนวินาศสันตะโรจะไม่มีอะไรเหลือในบรรดาสมบัติของชาติที่มีอยู่ มีแต่คนรู้คนฉลาดที่ไม่มองดูศีลดูธรรมเลยกินชาติบ้านเมือง และออกตัวว่าเป็นผู้รักษาชาติบ้านเมือง เป็นผู้ปกครองบ้านเมือง เป็นผู้ฟื้นฟูบ้านเมืองให้เจริญ ไม่ได้ว่านี่คือตัวสำคัญ ตัวกินชาติบ้านเมือง ตัวทำลายอยู่ในฉากเดียวกัน น่าทุเรศนะ หลักวิชาล้วนๆ โดยไม่มีหิริโอตตัปปธรรมแฝงอยู่บ้าง สมบัติของชาติต้องพังไปหมดไปโดยลำดับไม่มีเหลือ ถ้าต่างคนต่างไม่ส่งเสริม ต่างคนต่างไม่รักษาศีลธรรมให้แฝงกันไปด้วยกับการงานแผนกต่างๆ อย่างไรต้องเป็นไปเพื่อความล่มจมฉิบหายไม่อาจสงสัย

หลักวิชาเราที่เรียนมานี้เรียนไป ถ้าเพื่อไปส่งเสริมเพื่อไปรักษาสมบัติส่วนใหญ่ให้เป็นปึกแผ่นมั่นคง อย่าไปทำลายจะเสียหาย ที่เป็นอยู่ทุกแห่งหนเวลานี้ไม่ว่าทางวัดทางบ้าน ไม่ได้ตำหนิพูดตามความจริง ทางวัดก็โยนหนังสือธรรมะเข้าสู่คัมภีร์เสีย ทางบ้านก็โยนเข้าหลักวิชาเสีย เจ้าของจะเป็นเปรตเป็นผีเป็นนรกอเวจีอะไรก็เป็นไปได้ตามใจชอบ ต่างฝ่ายต่างก่อความเดือดร้อนวุ่นวายกันอยู่ทุกแห่งทุกหน ก็เพราะความทำผิดจากหลักแห่งความถูกต้องดีงามนั่นเอง ทางโลกทางธรรมเหมือนกัน ถ้าทำผิดแล้วเป็นพิษด้วยกันทั้งนั้นแหละ

ขอให้พี่น้องลูกหลานทั้งหลายได้นำไปประพฤติปฏิบัติ กำจัดสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย ต่างคนต่างรักษา อย่าเป็นต่างคนต่างทำลาย ถ้าต่างคนต่างทำลายต่างคนต่างจะฉิบหาย สุดท้ายหมดไม่มีอะไรเหลือ ไม่มีอะไรที่จะให้ฉิบหายต่อไปอีกแหละ มันเป็นฟืนเป็นไฟเป็นเถ้าเป็นถ่านไปด้วยกันหมดแล้ว จะมีคุณค่าอะไรบ้านเมืองเราชาติไทยเรา ถ้าเราไม่รักษามีแต่การทำลายด้วยความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ถ่ายเดียว ไม่มองดูชาติตาดำๆ ด้วยกัน เพราะฉะนั้นจึงให้ต่างคนต่างรักษา เพื่อมีสมบัติของชาติติดอยู่กับแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นที่รวมหายใจของคนไทยทั้งชาติ

เรียนนี้เรียนเพื่อความรู้ความฉลาดในการรักษาชาติบ้านเมืองนั่นเอง ไม่ใช่เรียนเพื่อความรู้ความฉลาดที่จะทำลายชาติบ้านเมือง ความรู้ความฉลาดในตัวของเราขยายออกไปๆ ใครก็มีแต่ความรู้ความฉลาด ขยายออกไปเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของชาติบ้านเมือง ทำไมบ้านเมืองจะเจริญไม่ได้ บ้านเขาก็เป็นบ้านคน บ้านเราก็เป็นบ้านคน เขาบำรุงรักษาเขาเจริญได้ บ้านเราบำรุงรักษาทำไมจะเจริญไม่ได้ ถ้าเราไม่ทำลายเสียอย่างเดียวเท่านั้น อันนี้พากันจำเอาไปประพฤติปฏิบัติ

หนังสือธรรมะนี้ให้ไปเพื่ออ่านนะ เพื่อพินิจพิจารณาไตร่ตรอง แล้วก็จะเป็นผลเป็นประโยชน์แก่ตัวของเราเอง ถ้ามีแต่โลกล้วนๆ หัวใจมีแต่โลกล้วนๆ ไม่มีธรรมะเข้าไปแทรกเลยนั้น มันจะมีแต่ความหวังนั่นแหละ หวังจนเป็นจนตาย นับแต่ปัจจุบันนี้จนกระทั่งถึงวันตายก็ไม่มีอะไรมาสนองความหวังแหละ ถ้าเราไม่สร้างความดีของเราให้มีความอบอุ่นภายในตัวเรา ถ้าสร้างตัวให้ดีอยู่แล้วหวังไม่หวังก็ตาม เหมือนกับเรารับประทานอิ่มแล้ว หวังไม่หวังมันก็อิ่มแล้วจะหวังอะไรอีก นี่ก็เหมือนกัน ปฏิบัติตัวให้ดี ต่างคนต่างปฏิบัติให้ดี เด็กก็ปฏิบัติตัวให้ดีตามหน้าที่ของเด็ก อย่ามีแต่ความเพลิดเพลินอย่างเดียว มันจะมีทางเสียหายติดนิสัยไปด้วย เวลาเติบโตขึ้นมาจะหาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ กลายเป็นคนจนตรอกจนมุมไปโดยไม่รู้สึก

เราเป็นนักเรียนศึกษาเล่าเรียนให้เข้าอกเข้าใจ ให้เคารพครูเคารพอาจารย์ กลับไปบ้านไปเรือนเคารพพ่อเคารพแม่ เคารพวัยวุฒิคุณวุฒิ เคารพคนเฒ่าคนแก่ เคารพท่านผู้มีบุญมีคุณ นักเรียนคนใดไม่เคารพครูเคารพอาจารย์เป็นต้น นักเรียนคนนั้นหาความเจริญไม่ได้ มีแต่ความฉิบหายป่นปี้นั้นแหละ ต้องมีความเคารพเป็นของสำคัญมาก เพราะนี้ปราชญ์ทั้งหลายท่านเทิดทูนกันมากมานาน จงพากันรักษามรดกนี้ไว้อย่าให้เสื่อมทรามและสูญหายไป

ครูก็มีความจงรักภักดีหรือมีความเมตตาสงสารแก่บรรดาศิษย์ และทำตัวเป็นแบบเป็นฉบับคือเป็นแบบพิมพ์ที่ดี อย่าเหลวแหลกแหวกแนว ศิษย์มองดูหน้าไม่ได้ละอายอาจารย์ เพราะอาจารย์หน้าด้านอย่างนี้อย่าให้มี หน้าด้านอะไร ก็ไม่รู้ว่าผิดว่าถูก อยากทำอะไรก็ทำดะไปเลย ลูกศิษย์คนดีเขาก็ไม่อยากมองหน้าซีเพราะอาจารย์อายไม่เป็น อาจารย์หน้าด้านสันดานหยาบคาย หมดยางอาย อาจารย์แบบนั้นมีไหมแถวนี้ อย่าให้มีนะ ถ้ามีแล้วเสร็จไปไม่รอด ต้องทำตัวให้เป็นแบบพิมพ์ที่ดี เด็กมองเห็นก็เคารพบูชากราบไหว้ได้สนิทใจและเคารพรัก

ถ้าลงครูลงอาจารย์ดีแล้วใจซึ้งมากนะลูกศิษย์ เราเคย อาจารย์ของเราครูของเราเป็นคนดีเราก็รู้ ครูไหนดีครูไหนไม่ดี ครูไหนไม่ดีเราไม่ค่อยเข้าสนิทนัก ถ้าครูไหนดีแล้วถึงไหนถึงกัน นี่เราเคยเป็นมาแล้ว เพราะเราก็เป็นนักเรียนขนาดได้ชั้น ป. ๓ เห็นไหมล่ะ เราเรียนจบ ป. ๓ ใช่เล่นเมื่อไร ถึงคราวจะคุยก็คุยบ้างซิคุยกับลูกหลานนะ ทำไมเราจะไม่รู้เรื่องเหล่านี้ล่ะ ครูดีครูไม่ดีเราก็รู้ อย่าว่าแต่นักเรียนดีนักเรียนไม่ดีอย่างเดียว ครูเป็นสำคัญมากเป็นแบบพิมพ์ เป็นต้นตำรับทีเดียวแหละ

ถ้าครูเกะกะเถลไถลหาเหตุหาผลหาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้แล้ว นักเรียนก็ว้าเหว่ นักเรียนเสียอกเสียใจ นักเรียนไม่ใช่มีคนเดียว ครูคนหนึ่งนักเรียนมีกี่คน จะเกิดความเดือดร้อนเสียหายเพราะครูไม่ดีเพียงคนเดียว เราปฏิบัติเพียงคนเดียวนี้ดีแล้ว ลูกศิษย์ลูกหาของเรามีความร่มเย็นไปมากขนาดไหน ให้เอานี้เป็นแบบเป็นฉบับ ครูให้ตั้งอยู่ในฐานะของครู เป็นที่ร่มเย็น เหมือนเป็นพ่อเป็นแม่ของนักเรียนนั่นแหละดี นักเรียนเป็นเหมือนลูกเต้าเหล่ากอของครู

ถ้าต่างคนต่างปฏิบัติตามหน้าที่ของนักเรียนหน้าที่ของครูแล้ว โลกจะมีความร่มเย็นเป็นสุข โรงเรียนไหนก็ดี สอบมักจะมีแต่ได้ๆ เพราะไม่มีเถลไถล ลูกศิษย์ก็ไม่เถลไถลเพราะอาจารย์ไม่พาเถลไถล อาจารย์ก็ไม่เถลไถล เด็กก็ถือเป็นแบบเป็นฉบับ ต่างคนต่างมีแบบฉบับที่ดีมาอวดหรือมาโชว์กัน โชว์ของดีโชว์เถอะ โชว์เท่าไรไม่ครึไม่ล้าสมัยดี นั่นละบ้านเมืองค่อยเจริญๆ

เอาละนะลูกเต้าหลานเหลนทั้งหลาย ขอให้นำธรรมะที่หลวงตาเทศน์ให้ฟังวันนี้ไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อรักษาชาติบ้านเมืองของเรา เฉพาะอย่างยิ่งตัวของเราเป็นอันดับหนึ่ง ให้มีแบบให้มีฉบับในตัวของเรา จะทำอะไรจะไปจะมา จะพูดจะคิดให้ใช้ความพินิจพิจารณาเสียก่อน จะจับจ่ายใช้สอยอะไรๆ ก็ดี ให้มีความรู้จักประมาณ อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมแล้วจะเสียคน ถ้าลงใจรั่วแล้วเก็บอะไรไม่อยู่นะ เหมือนเอาตะกร้าไปตักน้ำในบึงในบ่อ ฟาดลงไปในมหาสมุทร ยกขึ้นมาก็ซ่าหมดเลย ตะกร้าตักน้ำเป็นยังไง นี้ก็เหมือนกัน คนใจรั่วเอาเงินมาอย่าว่าเป็นเงินหมื่นเงินแสน เอาเป็นล้านๆ มาเทใส่ก็ซ่าหมด ตะกร้าตักน้ำคือคนใจรั่วเป็นอย่างนั้น

เอาละพอ

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก