เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓
ไม่มีธรรมใจไม่มีความหมาย
ทางราชการงานเมืองไม่มีอะไรมังวันนี้ปรกติเหรอ หรือมีเรื่องอยู่ (เขาทำงานตามปรกติ แต่กรุงเทพมีเสื้อแดงตามปรกติ ไปอยู่ที่ผ่านฟ้า) เป็นอย่างไรบ้างผ่านฟ้า (เขาไปตั้งม็อบอยู่ที่นั่น) ตั้งม็อบเพื่ออะไรล่ะ (เขาเรียกร้องประชาธิปไตยอะไรของเขาครับ) ทุกวันนี้ก็นึกว่าเป็นประชาธิปไตยแล้ว แล้วจะไปเอาประชาที่ไหนอีก มันจะไม่เป็นกบหานายอย่างเขาว่าเหรอ นิทานอีสป กบหานาย เอาอะไรมาให้ก็ไม่เอาๆ เอาขอนไม้มาให้ก็ไม่เอา อยู่เฉยๆ ฟาดเอาเหยี่ยวใหญ่มาให้ เห็นไหมล่ะ
เมื่อวานนี้ไปไหน (ไปวัดวังเขาเขียว อาจารย์โสภาครับ) ไกลอยู่นะเมื่อวานนี้ เราแก่มาแล้วชอบไปวัดนั้นวัดนี้ พระลูกพระหลาน ไปดุเตือนว่ากล่าว ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปเพื่อความอบอุ่น ว่าเป็นความยินดีของเรามาเยี่ยมลูกเยี่ยมหลาน ไปอยู่เรื่อยๆ อย่างนั้น
ชำระให้ดีนะพี่น้องทั้งหลาย ชำระใจสำคัญมาก กายวาจาไปจากใจ ใจได้รับการอบรมจากธรรม ไม่มีธรรมใจก็ไม่มีความหมาย ต้องมีธรรมเป็นเครื่องซักฟอกขัดเกลา แล้วใจก็สง่างามผ่องใสสงบร่มเย็น รู้จักดีจักชั่ว รู้จักบุญจักบาป คือใจนี้เหมือนผ้าขาว เอาสีอะไรใส่ปั๊บติดปุ๊บๆ ผ้าขาวเราติดง่าย สกปรกง่าย จิตใจทรมานยากนะ ทรมานยากที่สุดคือใจ ที่ให้ทรมานยากก็คือกิเลสตัวเป็นข้าศึกศัตรู กิเลสเป็นข้าศึกอย่างร้ายแรง ถ้ามีกิเลสหนาปัญญาหยาบจะไม่รู้จักสูงจักต่ำ ไม่รู้จักครูจักอาจารย์ ไม่รู้จักบุญจักบาปแหละ คนที่หนาแน่นด้วยกิเลส เพราะมันเป็นส้วมเป็นถานหมดทั้งตัวคน กิริยาแสดงออกมาก็เป็นส้วมเป็นถานกระเด็นออกมา หาความหอมหวนไม่ได้ละ นั่นละคือจิตไม่ได้อบรมศึกษา
เพราะฉะนั้นธรรมจึงเป็นของเลิศเลอในโลกมาแต่ไหนแต่ไร จอมปราชญ์ทั้งหลายยอมรับมาตลอด นั่นละธรรมสมควรแก่การซักฟอกจิตใจกายวาจาของโลกตลอดสังคมทั่วๆ ไป หน้าที่การงานให้รู้จักประมาณ การคบค้าสมาคมกันก็ให้พอเหมาะพอสม อย่าเตลิดเปิดเปิง นี่ละธรรม ถ้าธรรมมีในใจแล้วจะพอเหมาะพอดีทุกอย่าง ถ้าไม่มีธรรมแล้วเตลิดเปิงได้คนเรา มีแต่รูปแต่นามเฉยๆ.มันขึ้นอยู่กับการอบรมศึกษาซักฟอกมันก็ค่อยดีขึ้นไปๆ ถ้าธรรมดาเราก็เหมือนลิงเหมือนค่าง ถ้ามีขนบประเพณีเป็นเครื่องบังคับให้พองามตางามใจบ้าง อยู่ที่ไหนเหมือนลิงเหมือนค่าง ถ้ามีธรรมเข้าไปบังคับก็รู้สึกว่าสวยงาม กิริยามารยาทที่จะใช้ในตัวเองและสังคมต่างๆ ก็พอเหมาะพอสม ไม่แสลงหูแสลงตา
เพราะฉะนั้นการอบรมจึงเป็นของสำคัญ อบรมก็ไม่มีอะไรเหนือธรรม ท่านว่าโลกุตรธรรม ธรรมนี้เหนือโลกเลย ถ้าได้มีการอบรมมากน้อยก็รู้จักกาลเวลาฐานะสูงต่ำคนเรา หน้าที่การงาน การจับการจ่ายใช้สอย การเก็บการรักษาก็จะรู้จักประมาณไปตามๆ กัน ถ้าไม่มีธรรมก็มีแต่กิเลสเข้าไปโกยออกมาๆ หมดตัวไม่มีเหลือ ถ้ามีธรรมก็เก็บไว้กักไว้ อันนี้ใช้นั้น อันนั้นใช้นั้น อันนี้เก็บไว้เพื่อนั้นๆ นั่นมีธรรมเป็นผู้คอยเก็บรักษา
ระยะนี้ไม่สบาย มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ ใจสบาย ใจนี่ไม่มีอะไร พูดตรงๆ มันจวนจะตายแล้ว กระจ่างครอบแดนโลกธาตุใจนี้ ไม่มีอะไรเข้ามาแทรกเลยขึ้นชื่อว่าสมมุติ ดีชั่วต่างๆ อันนี้อยู่ในสมมุติ นั้นเหนือแล้วไม่มีอะไรเข้าไปนั้น เป็นจิตว่างงานว่างอย่างนั้นละ กิเลสเป็นเสี้ยนเป็นหนามถอดถอนออกมาเสียอย่างเดียวเท่านั้นโล่งหมดเลย กิริยาอาการจะเป็นอะไรก็เป็นไปตามของเขา แต่ส่วนจิตใจนี้ไม่มี สม่ำเสมอ โล่ง เรียกว่านิพพานเที่ยง ดูหัวใจรู้นิพพานเที่ยง กาลเวลาใดนอนหลับตื่นอะไรมานี้เสมอตลอดเวลา เหนือโลกตลอด
นี่เกิดจากการฝึกหัด ถ้าไม่ได้ฝึกหัดบ้างเลยไม่ดีมนุษย์เรา ให้มีการฝึกหัด ให้มีศีลมีธรรมประจำตัวไม่มากก็น้อย ถ้าปล่อยให้เป็นลิงเป็นค่างก็เป็นไปหมดทั้งโลกใช้ไม่ได้ อยู่ด้วยกันสองผัวเมียก็ทะเลาะกัน ออกจากนั้นลูกก็ทะเลาะ หมาก็กัดกัน ยุ่งในบ้าน นั่นไม่มีธรรมแล้วเป็นอย่างนั้น ถ้ามีธรรมแล้วก็สงบ สามีภรรยาร่วมกันมาด้วยความรักกันก็สงบเย็นไปตลอด ยอมรับเสียงกัน ยอมรับเหตุผล อย่าว่าตัวเป็นสามีอย่างเดียวใช้ไม่ได้ ว่าตัวเป็นเมียก็ถือสิทธิ์เป็นเมีย ต่างคนต่างถือสิทธิ์ไม่ลงกัน เมื่อไม่ลงกันแล้วเป็นอย่างไร มันกัดกันเหมือนหมาเข้าใจไหมล่ะ
ถ้าลงกันก็ยอมรับเหตุผลกลไกของกันและกันอยู่กันได้ตลอดไป ถ้าไม่ยอมรับเหตุผลแล้วอยู่ไม่ได้นะ ถือแต่ตัวเป็นใหญ่ ถือตัวเป็นอำนาจ ไปไหนก็เป็นเจ้าอำนาจไป ทะเลาะไปหมด ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคม ต้องมีศีลมีธรรมมีสูงมีต่ำมันถึงดีคนเรา วันนี้พูดเท่านั้นละ ไม่พูดมาก เหนื่อย เอาเท่านั้นละ
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และทางสถานีวิทยุเสียงธรรม FM103.25MHz พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ |