การฝึกทรมานตัวเอง
วันที่ 11 มีนาคม 2552 เวลา 8:20 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒

การฝึกทรมานตัวเอง

ก่อนจังหัน

       มันจะตายละพระวัดป่าบ้านตาด น้ำแกงน้ำอะไรท่วมหัว น้ำพริกน้ำแกง น้ำพริกฟาดตา ตามันบอด เข้าใจไหมล่ะ มันท่วม อย่างนี้ตาย ไม่คิดอ่านมากๆ ตาย ไปไม่รอด ภาวนาอืดอาดๆ ผู้ที่ดีดปึ๋งๆ โอ๊ย อดอยากขาดแคลนมาก มีมากก็ไม่เอา คือดัดอยู่ในตัวนั่นละ อะไรๆ มันจะเสริมกิเลสปัดออกๆ อะไรเสริมธาตุขันธ์และธรรมไปด้วยกันเพื่อความเจริญเอา อะไรมันจะไปเสริมกิเลสไม่เอา เหล่านี้ได้พิจารณา ท่านจึงสอนปฏิสังขาฯ ให้พินิจพิจารณาเรื่องอาหารการกิน ทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าเห็นแก่ได้แก่กิน พระพุทธเจ้าสอน ให้พิจารณาให้ดีเสียก่อน วัดนี้มันท่วมมันจะตายแหละพระเณร ท่วมๆ ตลอด เมื่อต่างคนต่างท่วมแล้วใครจะไปช่วยใครได้ ท่วมมาตั้งแต่หัวหน้าวัด แล้วใครจะช่วยใครได้ ให้พร

หลังจังหัน

         ตาที่เราได้ช่วยโลกหมดไปเท่าไร เฉพาะตานะ (๑๙๑,๕๓๐,๐๐๐ บาท) เฉพาะตาที่ช่วยทั่วประเทศไทยเรา ๑๙๑,๕๓๐,๐๐๐ นี่แหละเฉพาะตา เราก็ถือเป็นจุดสำคัญอยู่ด้วย รู้สึกว่าจะหนักกว่าเพื่อนหน่อย เพราะฉะนั้นการช่วยทางนี้เฉพาะตาเท่านั้นก็ตั้ง ๑๙๑ ล้าน ทั่วๆ ไปไม่มีรับมากอย่างนั้น อันนี้มาก ให้จริงๆ ตา  (๑๙๑,๕๓๑,๐๐๐ บาท ๒๔ โรงพยาบาล) นี่หมายถึงตาโดยเฉพาะๆ ๒๔ โรงที่ช่วยเฉพาะตา

         สำหรับโรงพยาบาลอุดรนี้เราปวารณาไว้เลยเป็นพิเศษ ได้ปวารณาไว้เลยว่าเฉพาะตาแล้วขัดข้องอะไรๆ พวกหมอเห็นสมควรที่จะสั่งเข้ามาให้สั่งเข้ามาเลย บอก พอใช้ได้แล้วให้ส่งบิลเข้ามาหาเรา เราก็ส่งเงินไปทางบริษัทเขา คือออกจากบริษัทนั้นบริษัทนี้เอามาเราก็ส่งไปตามบริษัทนั้น (๔๗ ล้านเฉพาะตาอย่างเดียวที่โรงพยาบาลอุดร) ฟังซิ ๔๗ ล้านเฉพาะตาในโรงพยาบาลอุดรแห่งเดียว

         ตาดูเหมือนหมดมากนะ ต้นเหตุเป็นมาจากเราไปเยี่ยมคนไข้ในโรงพยาบาล  ห้องต่างๆ ไม่ค่อยมีคนไข้มากนัก แต่ห้องตานี่ตลอดเวลา ตอนเช้าสายบ่ายเย็นเต็มไปหมด เราก็เลยถามหมอเป็นเพราะเหตุไร โรงพยาบาลสำหรับแผนกตานี้มันมีมากเอาเหลือเกิน มาไม่เคยบกบางคนไข้ เขาว่า โอ๊ย มันมาหมด ว่าอย่างนั้น คนไข้ในโรงพยาบาลทั่วๆ ไปมาธรรมดาเขา ไปที่ไหนมีโรงพยาบาลเขาก็ไปตามนั้นๆ แต่ตานี้มาหมด ว่าอย่างนั้น อ๋อ

นั่นละจึงได้ปวารณาตา เราให้หมดนะตาโรงพยาบาลอุดร ให้หมด คือไม่ต้องมาบอกเรา ถ้าหมอเห็นสมควรว่าจะจัดซื้อเครื่องมือตาเครื่องใดก็ตามแล้วให้สั่งมาเลย บอกอย่างนั้นละ เมื่อสั่งมาแล้วคุณภาพสมบูรณ์แล้วก็ส่งบิลมาให้เรา เราก็จ่ายเงินไปทางบริษัทเขา ตลอดมาราบรื่น ไม่มีขัดข้องนะ

ก็ดีอยู่เราได้ช่วยโลกเต็มกำลัง ในระยะหลังๆ นี้ได้ช่วยโลก ช่วยทุกแบบทุกฉบับ นะเราช่วยโลก แต่เวลาช่วยตัวเองนั้นก็เอาอีกแบบหนึ่ง หนักมากอยู่ เอาตายเข้าว่าเลย  เวลาได้ตัดสินใจลงตรงไหนแล้วเอาเท่านั้นละ ขาดสะบั้นไปเลย ถ้ามีเงื่อนต่อหรือขอผ่อนผันนั้นยาวไม่ได้เลย นี่ละเจ้าของดัดเจ้าของเป็นอย่างนั้นละ เวลานั่งภาวนา..เอาวันนี้ตลอดรุ่งตลอดเลย ลุกไม่ได้ มีเว้นข้อเดียว คือในวันนี้มีครูบาอาจารย์หรือพระเณรองค์ใดเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินขึ้นมาในวันนั้นก็ลุกได้ที่เรานั่ง เราจะนั่งตลอดรุ่งอย่างนี้นะเราลุกได้ข้อเดียว มีพระเณรครูบาอาจารย์องค์ใดก็ตามที่เจ็บไข้ได้ป่วยฉุกเฉินขึ้นภายในวัดนี้เราจะลุกออกไปช่วยได้เหตุการณ์นั้น

นอกจากนั้นสำหรับเราเอาเลยหมดเลย มอบหมด ปวดขี้ขี้เลย ตั้งแต่เป็นเด็กขี้ใส่ตักแม่ เอาตักแม่เป็นส้วมเป็นถาน แล้วขี้ใส่ตัวเองไม่ได้มีอย่างเหรอ เอาขนาดนั้นละ เป็นอย่างนั้นละนิสัยอันนี้ ถ้าลงได้ตัดสินใจแล้วขาดเลยเชียว ไม่มีเงื่อนต่อ ถ้าลงว่าเอาละ พอว่าเอาละเท่านั้นเหมือนหินหักต่อกันไม่ได้เลย ต่อก็เป็นรอยต่อ ไม่ต่อ ให้ขาดไปเลย เป็นอย่างนั้นละ

เวลาเราภาวนาของเราก็แบบเดียวกัน นั่งภาวนาจนก้นแตก คือนั่งตลอดรุ่ง มันไม่นั่งคืนหนึ่งคืนเดียวซิ นั่งไปนั่งมาก็ก้นแตก ทีแรกมันออกร้อนเป็นไฟเผาก้น ครั้นต่อมาพอง เพราะเรานั่งไม่หยุด ออกจากพองมันก็แตก แตกเลอะเลย นี่นั่งภาวนาก้นแตก จริง เราพูดเองเราทำเองเอาจนก้นแตก อันนี้เรามองไปที่ไหนมันเห็นแต่หมอนแตก เสื่อขาด แล้วนอกจากนั้นยังมัดเสื่อติดหลังมา มัดหมอนติดคอไปอีก จะไม่พอใช้ว่าอย่างนั้นเถอะ

เวลาจำเป็นให้มันมีเด็ดบ้างซิ การทำอะไรนี้ให้เด็ด ถ้าเด็ดได้ผล สมเหตุสมผล อันนี้เป็นนิสัย รู้สึกว่าจะเป็นตามนิสัยด้วย ว่าอะไรเป็นอันนั้นเลย ถ้าลงได้เอาละ เท่านั้นละขาดเลย เจ้าของเองเอามาต่อไม่ได้เลย ถ้าลงว่าเอาละ เจ้าของเองก็มอบไปเลย ไปพร้อมกันเลย นั่งภาวนาเอาขนาดนั้นละ ถึงได้มาเล่าให้พี่น้องทั้งหลายฟัง นี่รอดตายมาอย่างนี้ที่นั่งภาวนา เราเอาของเราเอาอย่างนี้แหละ เอาจนก้นแตกนั่งภาวนา

ก็สมเหตุสมผล กิเลสขาดสะบั้นลงไปตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภา ๒๔๙๓ หมด ไม่มีอะไรติดหัวใจเลย ตั้งแต่บัดนั้นมาไม่มีอะไรกวนใจ มีกิเลสตัวเดียวเท่านั้นชี้นิ้วได้เลย นอกจากนั้นไม่มีอะไรกวนใจเลย ตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งป่านนี้ไม่มี เอาจริงเอาจังมาก ถ้าลงได้ว่าเอานะ ถ้าลงได้เอานะหมดตัวเลย หมดชีวิตจิตใจไม่เหลือละ ถ้าไม่ถึงกาลเวลาที่กำหนดให้แล้วไม่ได้ เคลื่อนย้ายไปไหนไม่ได้ ปวดเยี่ยวเอาเยี่ยวเลย ปวดขี้ขี้เลย ไม่ลุก ไม่ลุกจริงๆ ถ้าลงว่าไม่ลุกแล้ว ตอนเช้าค่อยเอาไปซัก แต่มันไม่เคยปวดขี้นะ เยี่ยวไม่ต้องว่า มันเปียกหมดตัว ไม่ได้เยี่ยวละ คือมันเปียกหมดตัว เหงื่อมันออก ขี้ไม่มี ไม่เคยมี ถ้ามีก็เอาจริงๆ ละเต็มจีวรเลย ไม่ลุก ถ้าลงซัดกันเอาขนาดนั้นละ ไม่ดัดอย่างนั้นไม่ได้กิเลส ต้องเอาอย่างหนักทีเดียว มาเหยาะๆ แหยะๆ ไม่ได้นะ ทำอะไรถ้าว่าเอานะเท่านั้นละเป็นขาดสะบั้นไปเลย ทำเหยาะๆ แหยะๆ ไม่ได้

เหมือนอย่างเณรผองที่วัดห้วยทราย เราไม่ลืม ฟังเสียงตุ๊บ กลางคืนประมาณ ๓ ทุ่ม เรากำลังจะออกจากสมาธิ ฟังเสียงตุ๊บเสียงดังหนักด้วยนะ เอ๊ มันเสียงอะไรน้า เราอยู่กุฏิได้ยินเสียง ไม่นานได้ยินเสียงพุมพิมๆ พูดกันพุมพิมๆ มา มีเรื่องอะไรน้า เราเลยลงไปดู เป็นอย่างไร เณรผองตกกุฏิ มันเป็นอะไรมันถึงตก ทีแรกนั่งอยู่ข้างในมันง่วงนอน ทีนี้เอา..ดัดมัน มานี่ก็มานั่งอยู่ข้างนอก นั่งอยู่หมิ่นๆ เอ้า ถ้ามันง่วงให้มันตก พอดีมันง่วงจริงๆ ฟังเสียงตูม กลางคืนนะ เณรนั้นตกกุฏิ คือมันง่วงมันตก แกมาดัดมันอยู่ที่นั่นมันก็ตกที่นั่นเณรผอง เอามันขนาดนั้นละ ฟังเสียงตุ๊บ ใครเป็นอะไร ว่าเณรผองตกกุฏิ นั่งมันง่วงๆ ตก นั่งหมิ่นๆ ง่วงก็ตกกุฏิ เอามันขนาดนั้น ก็ยังดีอยู่

อีกรายหนึ่งมันเป็นบ้าอะไร เณรเหมือนกันละ นั่งภาวนาแสงสว่างมันออก แสงสว่างออกจากจิต ทีแรกนั่งอยู่ไม่เคลื่อนที่ แสงสว่างออกเหมือนว่าเอื้อมมือใส่มัน พอขยับออกไปแสงสว่างดวงใหญ่ มันตกมาจากบนอากาศ ผัวะลงนี้เลย สว่างจ้า แล้วแกก็ดู เหมือนว่าเอามือไปจับ มันก็ถอยไป นี่ก็ถอยออกไป ถอยไปมันก็ไปๆ เลย ไล่กันกลางคืนหาแสงสว่าง ไล่กลางคืน ให้หมู่เพื่อนมาไล่ช่วย ป่าสับปะรดแหลกหมดเลย พวกนี้ไล่แสงสว่างกับเณรนั้นละ เป็นเณรเหมือนกัน

นี่มันหลอกเห็นไหมล่ะ นั่งอยู่นี่แสงสว่างตกลงมาเอามือเอื้อม มันก็ห่างไป ขยับไปๆ สว่างไปก็ไล่ๆ กันเลย ป่าสับปะรดแหลกหมด ให้หมู่เพื่อนมาไล่ช่วย มันบ้า ภาวนานี้แบบบ้าเข้าใจไหม มี เห็นกับตาเราละอยู่ที่ห้วยทราย ฟังเสียงกวบกาบๆ กลางคืนไล่แสงสว่าง มันเป็นอย่างไร ไล่เข้าในป่าสับปะรด สับปะรดแหลกหมดเลยละ มาช่วยกันหาแสงสว่าง มันเข้าป่านี้ไล่เข้าป่านั้นเลย อย่างนั้นก็มีนักภาวนา

แล้วมีพระองค์หนึ่ง พระองค์นี้ก็สมเหตุผลอยู่ เป็นพระนักเลง แต่ก่อนเป็นเสือใหญ่ กลับตัวได้จากธรรมะของหลวงปู่มั่นเรานี่ละ แล้วมาบวช อันนี้ก็เหมือนกัน เด็ด เหมือนคำว่าเป็นนักเลงนั่นละ เด็ดมาก จึงได้เห็นเรื่องเจ้าของ มันมีทางเสือขึ้นมาที่นี่ ถ้ำแกอยู่นี้ เสือมันขึ้นมาตอนกลางวัน อันนี้หน้าผา ไปนั่งอยู่หน้าผาถ้าเผลอให้ตกตาย คือให้เลือกเอา จะเอาทางเสือขึ้นมา นั่งอยู่ที่ทางเสือขึ้นมากับนั่งอยู่ที่หน้าผาจะเอาอันไหน ให้เลือกเอา บอกว่านั่งอยู่ที่เสือมานี้รู้สึกจะไม่เผ็ดร้อนยิ่งกว่านั่งหน้าผา เลยไปนั่งอยู่หน้าผา ทางเสือขึ้นมาไม่นั่ง ทีนี้นั่งอยู่หน้าผาเลย โห จิตนี้ลงได้เต็มที่นะแปลกอยู่ คือเผลอไม่ได้ เผลอตกเลย ไปนั่งอยู่หน้าผาเผลอก็ตกเลย แล้วไม่เผลอเลย นั่นละจิตลงได้เต็มเหนี่ยวเลย แน่ะแปลกอยู่

วิธีดัดนะนั่น ท่านไม่ได้สอนกัน เป็นวิธีการของแต่ละองค์ๆ จะฝึกเจ้าของ ดัดเจ้าของทำอย่างนั้น อันนี้ท่านไปนั่งอยู่ที่หน้าผา เอาๆ เผลอให้มันตกเลย ไม่เผลอเลย มันกลัวตายยิ่งกว่ากลัวเหวว่าอย่างนั้นนะ เลยไม่เผลอ จิตลงเต็มเหนี่ยวเลย นั่นอย่างนั้นละการฝึกทรมานตัวเองหลายแบบ แล้วแต่ใครจะนำไปฝึกแบบไหนๆ ได้ทั้งนั้น เอาละให้พร

 

รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz

พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก