จิตว่างภายนอกภายใน
วันที่ 7 ตุลาคม 2551 เวลา 8:10 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑

จิตว่างภายนอกภายใน

ตั้งแต่พาพี่น้องทั้งหลายนำสมบัติเข้าส่วนรวมของเรา ก็รู้สึกว่าเป็นเนื้อเป็นหนังเป็นชิ้นเป็นอันจริงๆ ได้เยอะนะ ทองคำได้สักเท่าไร (๑๑ ตัน ๘๓๐ กิโลครับ) เออ ๑๑ ตันกับ ๘๓๐ กิโล ที่พาพี่น้องทั้งหลายหาสมบัติเข้าคลังหลวงของเรา นี่ละสมบัติเหล่านี้จะเข้าคลังหลวงทั้งนั้น

หลวงตาบัวนำพี่น้องทั้งหลายนี้เป็นธรรมล้วนๆ ไม่มีโลกที่เข้ามาแอบแฝงเหมือนปล่อยหมาเข้าถาน เข้าใจไหมปล่อยหมาเข้าถาน ปล่อยเข้าไปจับหางดึงมันไม่ยอมออก จับขาดึงออกจนหางขาดขาขาดไม่ยอมออก เข้าใจไหมปล่อยหมาเข้าถานน่ะ จับอะไรดึงแล้วขาดไปเจ้าของยังไม่ยอมออก ฟาดเสียจนกว่ามันจะอิ่ม พอออกมาก็เป็นฟักแฟงแตงโมกลิ้งไปเลยไม่มีแข้งมีขา เข้าใจไหม เป็นอย่างนั้นแหละ

นี่ละกิเลสตัณหากินไม่มีอิ่มพอ ถ้าธรรมแล้วพอ พอเป็นระยะๆ เป็นความอบอุ่นๆ พอ อยากในธรรมนี้ทำให้รื่นเริงบันเทิง อยากในทางโลกทำให้เดือดร้อนวุ่นวี่วุ่นวายกระเสือกกระสน กลัวจะไม่ได้อย่างใจ เป็นไฟเผาตนเองและผู้อื่นได้รับความกระทบกระเทือนไปตามๆ กันหมด ถ้าอยากเป็นธรรมแล้วไม่เป็น เป็นคติเครื่องเตือนใจที่เราได้นำมาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง มันหากเป็นอยู่ในจิตนี้ละ เวลาเรียนหนังสือก็เรียน เวลาเรียนจิตใจหนักแน่นอยู่ทางการภาวนา

ตั้งแต่อยู่วัดโยธานี่ภาวนาอยู่ตั้งแต่เริ่มบวช เห็นท่านพระครูท่านเดินจงกรมตอนเช้าแต่เช้าๆ เราเป็นนาคอยู่ในโบสถ์ ท่านก็อยู่ในโบสถ์แต่ว่าหลังโบสถ์ทางนู้น ตอนเช้าท่านออกเดินจงกรมตั้งแต่ตี ๔ ท่านออกนะ จนกระทั่งสว่าง พอสว่างปั๊บท่านก็เข้ามาทำวัตร ทำวัตรเสร็จก็ออกบิณฑบาตพอดีๆ เราก็ดูท่าน พอบวชแล้วไปเรียนภาวนากับท่าน อยากภาวนาจะให้ภาวนาอย่างไร เอ้อ เอาพุทโธละนะ เราก็เอาพุทโธ ท่านว่าอย่างนั้น ท่านเดินจงกรมท่านก็เอาพุทโธ เอาพุทโธนะ

เราก็เอาจริงๆ นะ เพราะจิตนี้มันไม่เหลาะแหละ ว่าอะไรจริงจังมาก ว่าเอาพุทโธนะ เราไปทำ ทำทีแรกก็ทำตามประสีประสา.ภาวนา เรียนหนังสือพอเที่ยงคืนหยุด จากนั้นไปก็ฝึกหัดนั่งภาวนาไป ๑ ชั่วโมงทุกวันๆ เลย ทีนี้เผอิญมันเป็นอย่างไรไม่ทราบนะ ภาวนาพุทโธๆ แล้วมันเหมือนเราดึงจอมแหเข้ามา แหที่ตากไว้นั่นละ เหมือนเราไปจับดึงจอมแหที่ตากไว้ดึงเข้ามาๆ ตีนแหก็ม้วนเข้ามา หดเข้ามาๆ ดึงเข้ามา หดเข้ามาๆ มาเป็นกองแห ลงเป็นกองแหกึ๊ก

นี่ละกระแสของจิต กระแสมันออกมาเป็นตีนแห มันกว้างขวางกระแสของจิต เวลามันหดเข้ามาๆ เข้ามาถึงตัวจิตจริงๆ นี้มันกึ๊กเลยเทียวนะ เราไม่เคยทำ เป็นขึ้นมาในใจ ก็บวชใหม่ๆ นี่ พุทโธๆ ถี่ยิบเข้ามา ดูอาการแปลกๆ เอาพุทโธกับสติจับติดปั๊บ จากนั้นก็รวม รวมแล้ว โห มันขาดไปหมดเลยนะ นี่ตั้งแต่เราบวชใหม่ๆ ไม่ได้ทราบจากใคร จากท่านพระครูเท่านั้นแหละ ว่าให้เอาพุทโธนะ นี่ก็ภาวนาพุทโธแหละท่านว่า เวลามันเป็นมันเป็นอย่างนั้นละ

วันนั้นจิตไม่ได้ไปไหนนะ ป้วนเปี้ยนอยู่กับคำภาวนาที่จิตลง ลงแบบอัศจรรย์มากอยู่นะวันนั้น แต่มันไม่นาน มันตื่นเต้น จิตรวมเข้าไปๆ นี้มันหดเข้าไปๆ พอเข้าไปถึงนั้นแล้วเหมือนว่าขาดหมดเลยโลก จิตกับโลกทั้งหลายนี้ขาดกันหมดเลย มันจ้าขึ้นภายในใจ โถ ทำไมเป็นอย่างนี้ มันตื่นเต้นที่นี่ ทั้งเป็นสุขทั้งอะไรเกิดความตื่นเต้น ไม่นานจิตก็ถอนออกมา เอาอีกวันหลังเลยไม่ได้เรื่อง มันไปขยับเอาตั้งแต่รางวัลที่ได้แล้ว มันไม่ได้ทำงาน ว่าอย่างนั้นเถอะนะ เคยได้แล้วก็ไปคิดตั้งแต่สิ่งที่ได้แล้ว

จนออกปฏิบัติเป็นให้ ๓ ครั้ง มันรวมอย่างอัศจรรย์นะ ตั้งแต่เรียนหนังสืออยู่ ๗ ปีมันเป็นได้ ๓ ครั้ง ทีนี้พอออกปฏิบัติเอาละที่นี่จะเอาให้มันจริงจังละ เอาจริงๆ แล้วก็ได้จริงๆ นะ นี่ละการภาวนาสำคัญมากนะ โถ เวลาจิตได้รวมนี่มันสว่างจ้าไปหมดเลย จิตดวงนี้ละ ไม่ใช่ธรรมดา เรายังไม่ลืมไปอยู่ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ตอนเช้าประมาณตี ๔ นี้ละลงไปเดินจงกรม ตอนนั้นจิตมันอยู่ในขั้นของความว่าง รูปกายอะไรอสุภะอสุภัง ทุกฺขํ อนิจฺจํ อนตฺตา เหล่านี้มันผ่านไปหมด ยังเหลือแต่ความว่างเปล่าของจิต ก็เกิดความอัศจรรย์ในตัวเองเหมือนกัน มันว่างไปหมดเลย ร่างกายตลอดต้นไม้ภูเขาในความรู้สึกว่างตลอด ส่วนเหล่านั้นเขาก็มีของเขาอยู่อย่างนั้นละแต่จิตนี่มันว่างไปหมด นี้ก็อัศจรรย์เหมือนกัน

จิตที่ว่างอยู่ในท่ามกลางแห่งสิ่งทั้งหลายที่มีเต็มโลกเต็มสงสาร แต่จิตนี้มันว่างไปหมดเลย ก็เป็นแล้วให้เห็นชัดๆ ไม่เรียนจากใคร เรียนจากธรรมะของพระพุทธเจ้านั่นแหละ จิตมันก็แน่นเข้าไปโดยลำดับ พอหยุดจากการศึกษาเล่าเรียนทีนี้เอาเต็มเหนี่ยวเลย ภาวนาพุทโธๆ เข้าอยู่ในป่าในเขาเรื่อยมา อาการของจิตเปลี่ยนไปเรื่อยๆนะเราภาวนาพุทโธๆ พุทโธอันเดียวออกจากจิตนี้ละมันค่อยเปลี่ยนสภาพไปเรื่อยๆ สว่างไสวกระจ่างแจ้ง จนเจ้าของเองก็อัศจรรย์ในเจ้าของเหมือนกัน เราเป็นแล้ว โถ จิตเราทำไมถึงอัศจรรย์นักหนา มองไปที่ไหนมันว่างไปหมดเลย ไม่มีอะไรเหลือ ว่างตลอด

นี่ละจิตเป็นขั้นๆๆ จนกระทั่งถึงว่างๆๆ ว่างไปหลายขั้นหลายภูมินะ ว่างอย่างที่สุดก็คือว่างข้างนอกด้วย ว่างข้างในนี้ด้วย ปล่อยข้างนอกด้วย ปล่อยข้างในด้วย สว่างรอบตัวไปหมด นั่นจิตเวลาว่างว่างทั้งภายนอกภายใน ไม่ได้ว่างตั้งแต่ภายนอก ภายในยังพะรุงพะรัง นี่มันว่างไปหมดเลย เหมือนกับคนที่อยู่ในห้อง เข้าไปยืนอยู่ในห้องนี้ ไปดูชมห้อง โอ๊ ห้องนี้ว่างสว่างไสวไปหมดนะ ให้มีอีกคนหนึ่งเข้ามาที่ความรู้สูงกว่านั้นให้มาดู คนนั้นบอกออกมาว่าห้องนี้ว่างเหลือเกิน ว่างไปหมดเลยไม่มีอะไรในนี้ คนที่อยู่ข้างนอกดูว่ายังไม่ว่าง ตัวท่านเองไปยืนขวางห้องอยู่นั้นมันยังไม่ว่าง ถ้าอยากให้ว่างตัวท่านต้องถอนตัวออกมามันถึงจะว่าง พอคนนั้นถอนตัวออกมาปั๊บห้องก็ว่าง

อันนี้จิตก็เหมือนกันปล่อยอะไรๆ ปล่อยไปหมดๆ เป็นห้องว่างๆ แต่ตัวเองยังไม่ว่างในตัวเองกับกิเลสอยู่ภายใน ทีนี้ก็ย้อนเข้ามาพิจารณาถึงจิตดวงนี้ ทีนี้จิตดวงนี้ก็ว่าง ว่างจากกิเลส ว่างภายนอก ว่างภายใน ปล่อยภายนอก ปล่อยภายใน พ้น นั่นมันเป็นขั้นๆ การภาวนา พอถึงขั้นว่างภายนอกภายในก็วางทั้งภายนอกวางทั้งภายใน ปล่อย ไปเลย อย่างนั้นละธรรมพระพุทธเจ้า ได้มาเล่าให้พี่น้องลูกหลานทั้งหลายฟัง เราได้ทำมาแล้ว

วันนี้คนก็มากอยู่นะ วันนี้วันอะไร (ตรงกับวันพระครับ) ตรงกับวันพระ มีจุดหมายอยู่นะ วันพระ มีจุดหมายอยู่ ชาวพุทธเรานิยมวันพระ เสาร์-อาทิตย์ก็มีบ้าง แต่วันพระนี้ถือสำคัญมากนะ ตั้งแต่วานนี้มาเมื่อคืนนี้ไม่สบาย มองดูอะไรเป็นพิษไปหมดเลย อาหารเคยขบเคยฉันก็เป็นพิษไปหมด ธาตุขันธ์มันพลิกอย่างไรไม่รู้ อาหารการกินนี้มันรับกันไม่ได้ วันนี้ก็รับนิดหน่อย

วันนี้วันอะไร (วันพระครับ) วันนี้วันพระวันสำคัญนะ ชาวพุทธเราถือวันพระเป็นวันสำคัญ วงราชการงานเมืองทั่วโลกเขาถือวันเสาร์-อาทิตย์เป็นสำคัญ สำหรับชาวพุทธเราถือวันพระเป็นสำคัญ วันไหนก็ให้ภาวนาดีๆ อย่าขี้เกียจขี้คร้านนะภาวนา เวลาจิตมันได้แสดงฤทธิ์กับกิเลสนี้ โถ อะไรจะอัศจรรย์ยิ่งกว่าจิตที่มีอำนาจปราบกิเลสให้อยู่ในเงื้อมมือ กิเลสหมอบไปหมด มีแต่ธรรมจ้าอยู่ข้างบน นั่นละธรรม ธรรมสว่างจ้า ที่ว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ คือธรรมได้ปรากฏขึ้นในพระทัยเต็มดวง กิเลสมุดมอดไปหมด

พระอรหันต์ทั้งหลายตรัสรู้ธรรมก็เหมือนกัน แต่ศัพท์พระพุทธเจ้ากับศัพท์พระอรหันต์ มีต่างกันบ้างในทางสมมุติ ว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม สาวกทั้งหลายบรรลุธรรม มันก็ฆ่ากิเลสอันเดียวกันนั้นแหละ ให้มุดมอดไปไม่มีเหลือ จากนั้นก็สว่างจ้า จิตของพระพุทธเจ้า-จิตของพระอรหันต์ท่านไม่ได้เหมือนจิตของพวกเราๆ ท่านๆ นะ ไม่เหมือน เป็นธรรมธาตุแล้วนั่น ขึ้นเป็นหลักธรรมชาติเต็มตัวแล้ว เป็นจิตธรรมชาติ วิมุตติจิตแล้วเลยกลายเป็นจิตธรรมธาตุ ธรรมชาติแล้วก็เป็นธรรมธาตุ นั่นละฝึกหัดเข้าให้ดีซิ จิตนี้ฝึกได้นะ พระพุทธเจ้าฝึกแล้วจึงมาเป็นพระพุทธเจ้า เป็นครูสอนโลก ครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็ฝึกแล้วมาเป็นครูสอนโลก ที่ว่าเป็นสงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา คือท่านฝึกท่านจนได้เป็นสรณะของโลก

นั่นแหละให้จำเอานะ วันนี้ก็พอละ วันพระเป็นวันสำคัญ วันอาทิตย์โลกถือเป็นความสำคัญอันหนึ่ง วันพระทางธรรมก็ถือเป็นวันสำคัญอันหนึ่ง ต่อไปนี้จะให้พร

(ทองคำ วันนี้ได้ ๕๕ บาท ๖๑ สตางค์ครับ) เกือบถึงกิโล ก็ได้ทุกวันๆ ทองคำก็เหลืองอร่ามในคลังหลวง จะไปไหนทองคำ เข้าคลังหลวงหมดเลย เราพาพี่น้องก้าวเดินเพื่อสมบัติเข้าสู่ส่วนใหญ่คือคลังหลวงของเรานี้ เอาจริงเอาจังมาก นี้ก็ได้ตั้งมากมาย เวลานี้ทองคำของเราตั้งแต่เริ่มได้มาถึงวันนี้ (๑๑ ตัน ๘๓๐ กิโล แล้ววันนี้เพิ่มอีก ๑ กิโล) นั่นละได้ขึ้นทุกวันอย่างนี้ละ ให้พร

 

รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz

พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก