เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑
สะทกสะท้านกับใครสามโลกธาตุนี้
ก่อนจังหัน
วัดป่าบ้านตาดมันเป็นแกงหม้อใหญ่ การขบการฉันของพระก็เป็นแกงหม้อใหญ่ ใครมามุ่งอรรถมุ่งธรรมให้พิจารณาด้วยดี เรื่องอาหารการกินทับหัวใจได้ ธรรมงอกเงยไม่ได้ แต่กิเลสกับพุงงอกเงยได้ กินแล้วนอนไม่ตื่น มันฝึกทรมานอะไรก็ไม่ทราบ เรามองดูมองไม่เห็น หลับตาดูนะ ผู้มาฝึกตนต้องทุกสิ่งทุกอย่างเขียมทั้งนั้น อดอยากขาดแคลนๆ แต่ธรรมกระจายๆ สว่างไสวอยู่ในใจ อันนี้มันมีตั้งแต่อาหารการกินสว่างไสวอยู่ในพุง ธรรมไม่มีในใจใช้ไม่ได้นะ เรามาหาอรรถหาธรรมให้ดูธรรม อย่าดูสิ่งเหล่านี้ ซึ่งที่ไหนมันก็มีไม่อดอยาก
ก็ไม่ทราบจะสอนใครว่าอย่างไร มันเป็นแกงหม้อใหญ่ สอนอะไรก็รวมไปหมดๆ เลยไม่ได้เรื่องราว ตามธรรมดาการสอนพระกับประชาชนญาติโยมแยกกันๆ สอนเฉพาะๆๆ เราเคยปฏิบัติมาอย่างนั้น ครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็ปฏิบัติอย่างนั้น อันนี้แกงหม้อใหญ่ๆ สอนอะไรก็ไม่ได้เรื่องได้ราว เลอะเทอะไปหมดเวลานี้
ให้ฟิตตัวเองนะการมาปฏิบัติธรรม ให้ดูใจกับธรรม เบาบางหรือหนักแน่นขนาดไหน อย่าไปดูภายนอกตายนะ จมนะ สอนอะไรก็เป็นเรื่องแกงหม้อใหญ่ๆ ไปหมด ไม่มีคัดไม่มีเลือก ไม่มีวรรคมีตอน ใช้ไม่ได้ เป็นแกงหม้อใหญ่ไปหมดเดี๋ยวนี้ เลอะเทอะทีเดียว วัดป่าบ้านตาดนี่เลอะเทอะมาก การสอนก็รวมไปหมดเป็นแกงหม้อใหญ่ๆ ไม่ทราบจะแยกจะแยะ สอนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเป็นวรรคเป็นตอนมันไม่มีนะเดี๋ยวนี้ กลายเป็นแกงหม้อใหญ่เลอะเทอะไปหมดนั่นละ ก็เราไม่เคยทำมานี่ แต่มันมาเป็นอย่างนี้จะให้ทำอย่างไร อะไรๆ ก็เลอะเทอะๆ ไปหมด แกงหม้อใหญ่ๆ ใช้ไม่ได้เลย
ให้พิจารณาคัดเลือกตัวเองให้ดีนะพระที่มาปฏิบัติมุ่งอรรถมุ่งธรรม มองดูหัวใจนั่นละสำคัญด้วยสติๆ ตลอดจะไม่ค่อยลืมตัว มันเลอะเทอะไปหมดเดี๋ยวนี้น่ะ เลยไม่ทราบว่าสอนใครเป็นอย่างไรๆ พระก็เลยเลอะเทอะๆ ไปหมด อะไรถ้ามันมากๆ คละเคล้ากันแล้วมันเลอะเทอะ วัดป่าบ้านตาดเป็นวัดเลอะเทอะนะเดี๋ยวนี้
หลังจังหัน
นี่ถังอะไร (ถวายสังฆทานเจ้าค่ะ มีพระพุทธรูปกับผ้าไตรเจ้าค่ะ) เรารับแล้วๆ เอากลับคืนเสีย พระพุทธเจ้าไม่พาแบกพาหามรูปเหล่านี้น่ะ จะมาให้พระแบกไม่แบก ลูกศิษย์ตถาคต ตถาคตไม่พาแบกไม่แบก เอา รับให้แล้วเอากลับคืนไป สิ่งเหล่านี้มันง่าย สร้างง่ายทำง่าย แบกหามกันอึกทึก เป็นศาสนวัตถุ มีแต่วัตถุ หัวใจที่จะสัมผัสสัมพันธ์กับธรรมที่เป็นของเลิศเลอไม่สนใจ หาแต่ของอย่างนี้ ง่ายนิดเดียว สร้างนั้นสร้างนี้สร้างพระพุทธรูปขึ้นที่หัวใจไม่สร้างนะ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมที่หัวใจ สาวกทั้งหลายตรัสรู้ธรรมที่หัวใจ เราตรัสรู้ธรรมที่ไหนได้เคยดูไหม ไปหาสร้างนั้นสร้างนี้ รูปนั้นรูปนี้ แล้วก็จะเอามาให้อาจารย์แบก เราไม่แบก เราแบกธรรมต่างหาก
เวลานี้เป็นเวลาช่วยโลก เวลาช่วยตัวเองจะเป็นจะตายไม่มีใครทราบนะ พูดตรงๆ ภูมิใจที่ได้ปฏิบัติมา ไปนั่งอยู่ก้อนหินฉันจังหันมีแต่ข้าวเปล่าๆ กับพวกป่าพวกเขา มีแห่งละสี่หลังคาเรือนห้าหลังคาเรือน ภูเขาเรามองไปเห็นอย่าเข้าใจว่าไม่มีบ้านคนนะ มี มีเป็นแห่งๆ อยู่หลังเขาเตี้ยๆ หรือชายเขา พวกนี้หากินตามป่าตามรก ไปบิณฑบาตอาศัยเขามากิน เขาก็มีศรัทธา โห พอใจมากนะ พวกอยู่ในป่าในเขาเห็นเราไปบิณฑบาต กุลีกุจอวิ่งเต้นขวนขวายตื่นเต้นกัน เขาอยู่ในป่าหัวใจเขาเป็นธรรม บิณฑบาตได้มาก็มานั่งบนก้อนหินฉันจังหัน ฉันก็มีแต่ข้าวเปล่าๆ แหละ มีเศษอาหารนิดหน่อยก็ไปวางให้กระแต กระแตอยู่ตามขอนไม้อยู่ตามอะไรไปวางให้กิน
เวลาทุกข์ทุกข์มากนะ เหมือนหนึ่งว่าในโลกนี้มีแต่เราคนเดียวตกนรกทั้งเป็น ตกนรกทั้งเป็นๆ นี่ละฝึกทรมาน ทางร่างกายก็ไม่ให้กินมาก พอถูพอไถพอมีลมหายใจได้ประกอบความเพียรเป็นที่พอใจ แต่ใจให้สง่างามด้วยอรรถด้วยธรรม ทั้งวันทั้งคืนหมุนติ้วๆ สติรักษาใจ เมื่อสติรักษาใจ ใจไม่มีสิ่งรบกวน สิ่งรบกวนก็คือสังขารนั่นละปรุงตัวเอง รบกวนตัวเอง ก็ยิ่งสงบ สติรักษาได้ดี จิตสงบเย็น จากนั้นก็ค่อยสง่างามขึ้นมา สง่างามภายในใจ จากนั้นๆๆ เรื่อยๆ ขึ้นไปแล้วจิตสว่างจ้าเลย นั่นเห็นไหมล่ะ
อย่างที่ได้ไปอัศจรรย์ตัวเองอยู่บนภูเขา ทำไมเราเกิดมาเราไม่เคยอัศจรรย์ตัวเอง ก็ได้อัศจรรย์แล้วบนภูเขาเพราะการปฏิบัติธรรม เวลาถึงขั้นสว่างนี้ โถ สว่างจริงๆ นะจิต เวลาล้มลุกคลุกคลานก็ฟัดกันแบบล้มลุกคลุกคลาน ให้ถอยไม่ถอย เอา ล้มลุกคลุกคลานซัดกันด้วยแบบล้มลุกคลุกคลาน พอตั้งได้ตั้ง ตั้งก็ซัดกันแบบตั้ง ตั้งได้ขนาดไหนซัดกันขนาดนั้น จนสง่างามจ้า
การปฏิบัติธรรมอะไรจะละเอียดยิ่งกว่าใจ สง่างามที่สุดก็คือใจ เลวร้ายที่สุดก็คือใจ ถ้าลงกิเลสความมืดบอดได้หุ้มห่อมันแล้วไม่มองเห็นอะไรละ พระอาทิตย์ร้อยดวงก็ไม่มีความหมาย ใจมืดตื้อตลอด พอธรรมซักฟอกเข้าไปด้วยความพากความเพียร จิตใจถูกขัดเกลาออกมาค่อยสว่างออกๆ พระอาทิตย์ร้อยดวงสู้ไม่ได้ นั่นเห็นไหมล่ะ นี่ละการฝึกหัด จิตใจเป็นของเลิศเลอ เลวร้ายที่สุดคือใจ เลิศเลอที่สุดคือใจ มาลงอยู่ที่ใจหมด ทุกข์มหันตทุกข์ก็อยู่ที่ใจ สุขบรมสุขก็อยู่ที่ใจ ตามแต่จะฝึกหัดได้มากน้อย ถ้าจะปล่อยให้กิเลสตัณหาเหยียบย่ำทำลาย ไม่ฝ่าไม่ฝืนไม่ดัดแปลงแก้ไขกันบ้างแล้วมันก็มืดตลอดตั้งแต่วันเกิดถึงวันตาย ตายแล้วยังไปเกิดภพที่มืดบอด ไปเกิดที่นั่นละถ้าจิตไม่ได้ฝึกฝนอบรมนะ
สถานที่ใดที่เลวร้ายจิตจะไปฝังอยู่ในนั้น นี่คือชอบสร้างตั้งแต่สิ่งเลวร้าย ความดีไม่สร้าง สร้างแต่ความเลวร้าย ทีนี้เวลาตายลงไปร่างนี้มันก็เป็นดินน้ำลมไฟ มันไม่เลวไม่ร้ายนะ ตัวจิตต่างหากเป็นตัวเลวร้าย ไม่ได้ฝึกแล้วก็มืดตื้อไปอีก ไปภพใดชาติใดมีแต่ความมืดตื้อ ความมืดตื้อกับความทุกข์มหันตทุกข์มันอยู่ด้วยกัน
ทีนี้เวลาเราสร้างจิตใจของเราอบรมจิตใจให้ดีแล้ว จิตใจมีความสว่างไสว ไปที่ไหนก็สว่างตลอด ยังไม่ตายมันก็เห็นชัดๆ เราก็เคยพูดแล้ว โถ ทำไมใจเราถึงได้อัศจรรย์ถึงขนาดนี้ นี่ถึงขั้น ทั้งๆ ที่ยังไม่พ้นนะ แต่มันสว่างกระจ่างแจ้งอัศจรรย์ขนาดนั้นในหัวใจเรา เราไม่เคยเป็น มันเป็นก็ต้องได้อุทานออกมา โถ ใจดวงนี้ทำไมถึงสว่างกระจ่างแจ้ง มันจ้าไปหมดเลยครอบโลกธาตุ ทั้งๆ ที่กิเลสยังอยู่นั้นละ มันอัศจรรย์ตัวเอง ยืนรำพึง โอ้โห ใจเรานี่ทำไมมันถึงสว่างไสวอัศจรรย์ถึงขนาดนี้ จ้าไปหมด ครอบโลกธาตุ กิเลสยังอยู่นะนั่น ทีนี้พอกิเลสขาดสะบั้นลงแล้วมันสว่างอะไรไม่ต้องถามกัน นั่นละมันต่างกันอย่างนั้นละจิต
กิเลสตัวมืดบอด มลทินเหมือนแก้วครอบไฟฟ้า ไฟฟ้าจะสว่างขนาดไหนเอาแก้วดำๆ ไปครอบปั๊บมันก็มืดตื้อ ภายในสว่างแต่ภายนอกมันส่งแสงออกมาไม่ได้ นี่กิเลสปิดบัง แก้วครอบกิเลส คือกิเลสปิดบังหัวใจมันก็มืด ทีนี้พอกระจายกิเลสออกไปด้วยความพากความเพียร พอออกหมดนี่จ้าไปเลย นั่น เคยมาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังอวดที่ไหน ไม่ได้อวด เราทำแทบล้มแทบตายผลปรากฏขึ้นมาอย่างไรมาเล่าให้พี่น้องทั้งหลายฟังเพื่อเป็นคติตัวอย่าง มันผิดไปแล้วเหรอ มันหยาบไปแล้วเหรอ ดูถูกเหยียดหยามกันไปอย่างนั้นนะ พวกกิเลสมันชอบเย่อหยิ่ง กิเลสคือตัวจองหองที่สุด ตัวเย่อหยิ่งจองหองพองตัวมากที่สุดคือกิเลส
ทำความดีจะมาเล่าความดีให้ฟังนี้กิเลสมันดูถูกเหยียดหยามนะ มันเย่อหยิ่งจองหอง ตัวมันมืดตื้อนะ ธรรมที่ท่านนำมาพูดสว่างกระจ่างแจ้ง กิเลสมันอวดดีของมัน อึ่งอ่างกับวัวว่าอย่างนั้นเถอะ โธ่ ใจดวงนี้ลองดูซิน่ะ ลองฝึกให้มันได้ดูซิน่ะ นี่สอนท่านทั้งหลายมานานสักเท่าไรๆ จวนจะตายก็ออกละธรรมะออกเรื่อยๆ ธรรมะที่ไม่เคยออกก็ออก ออกละ มันเต็มอยู่ในหัวใจ นอกจากจะควรพูดหนักเบามากน้อยเพียงไร เพื่อประโยชน์แก่ผู้มาฟังจะได้ขนาดไหนก็ออกขนาดนั้นๆ ถ้าผู้ที่มุ่งต่อมรรคผลนิพพานจริงๆ จังๆ ทางนี้ผึงใส่กันเลยเชียว ดึงลากกันขึ้นทันทีเลย
เพราะฉะนั้นการเทศน์สอนพระผู้ปฏิบัติเพื่ออรรถเพื่อธรรมจริงๆ ดังพ่อแม่ครูจารย์เทศน์นี้ โห ฟ้าดินถล่ม ของง่ายหรือเทศน์ เปรี้ยงๆ ผู้ฟังนี้กล่อมใจลง เทศน์สี่ชั่วโมง ไม่ได้กระดิกพลิกแพลง ลืมเนื้อลืมตัวไปหมด ธรรมะกล่อมเข้าไป จิตมันแน่วลง ฟังอย่างนั้นซิฟังธรรม เพราะฉะนั้นในครั้งพุทธกาลท่านเทศน์บรรดาประชาชนทั้งหลายได้สำเร็จมรรคผลนิพพานจำนวนมากน้อย จะไม่มากน้อยอย่างไรก็ธรรมทั้งนั้นออกจากพระทัยพระพุทธเจ้า ธรรมบริสุทธิ์เสียด้วย ชะล้างไปมันก็สะอาดซิ อะไรจะเหนือสิ่งชะล้างล่ะ มันก็สะอาด ใจเราก็ให้ฝึกหัดเสีย มันจะอะไรเหมือนกัน
นี่พูดเสียมันจะตายแล้ว มันจ้าครอบโลกธาตุใจดวงนี้น่ะของเล่นเมื่อไร กิริยาท่าทางนี้อยู่ในสนามโลกธรรม ตำหนิติเตียนติฉินนินทา ยกยอสรรเสริญกันได้ กิริยาที่แสดงได้ แต่อันนั้นมันเหนือหมดแล้วอยู่ภายในใจ ไปตำหนิได้อย่างไร สนามโลกธรรมก็คือสมมุติต่อสมมุติ ธาตุเขาธาตุเรา กิริยาของเขาของเรามากระทบกระเทือนกัน ใครพอใจก็ชมเชย ใครไม่พอใจก็ตำหนิติเตียน นี่ธาตุขันธ์อยู่ในโลกธรรม แต่จิตใจเหนือไปหมดแล้ว จ้าครอบโลกธาตุ
นั่นละใจเป็นอย่างนั้นละ ไม่มีอะไรวิเศษยิ่งกว่าใจและเลวยิ่งกว่าใจ ขอให้พากันฝึก พระพุทธเจ้าแท้ๆ ศาสดาองค์เอกแท้ๆ มาสอนโลกทำไมจึงไม่ฟังกัน ฟังตั้งแต่เสียงกบเสียงเขียดเสียงเพลงลูกกรุงลูกทุ่งไปอย่างนั้นเหรอ มันก็ได้แต่อย่างนั้นแล้ว มันจะได้ของดิบของดีอะไร มาคุยกันนี้หาความสุขความเจริญมาคุยกันไม่มี มีแต่เล่าเรื่องกองทุกข์สู่กันฟัง ไปในงานศพมันมีตั้งแต่เอาอะไรมาระบายกัน ไปในงานศพน่ะเป็นเวลามีโอกาสที่ได้ชุมนุมคุยกัน ไปในงานศพต่างๆ เช่นกรุงเทพฯนี่เขามีเมรุไปรอเผาศพนั่งเต็มทิศเต็มแดนอยู่ มีแต่คุยกันมาระบายความทุกข์ต่อกัน
อย่างวัดธาตุทองนี่แหละ ตั้งแต่ตั้งกรุงเทพฯมาจะไม่มีพระองค์ไหนเทศน์แบบเรา วัดธาตุทองพระเทศน์มันไม่ได้ฟังเสียงนะ นั่งคุยกัน เราก็ซัดเสียเปรี้ยงเลยทันที เงียบหมดเลยนะ เห็นไหมล่ะอำนาจของธรรม นี่จิตที่บริสุทธิ์เต็มที่แสดงต่อกองมูตรกองคูถ กองมูตรกองคูถมันหนาก็ซัดลงอย่างหนักน่ะซิ เงียบหมดเลย วัดธาตุทอง เอาวัดธาตุทองล่ะเขานิมนต์เราไปเทศน์ เทศน์มันไม่ได้ฟังเสียงเรานะ ก็ธรรมมันเหนือโลกอยู่แล้ว จะปราบโลกไม่ได้อย่างไร ซัดเปรี้ยงเลย เงียบหมดเลย
วัดธาตุทองก็มีเท่านั้นละมีพระบ้าองค์เดียวนี่ไปเทศน์ เงียบหมดเลยจริงๆ ขึ้นเปรี้ยงๆ เลย ถ้าลงมันได้ออกธรรมแล้วมันได้ฟังใครเมื่อไร อะไรจะเหนือธรรมวะ มันมาอะไร มันมาหาคุยกันเราก็ซัดกันเลย อู๊ย เงียบจริงๆ วัดธาตุทองก็มีคราวนั้นละที่เขาฟังเทศน์เงียบ นอกนั้นไม่เห็นมี เขาไม่ได้สนใจฟังเทศน์เรานะ สนใจตั้งแต่แวดๆๆ ใส่กัน อู๊ยเหมือนบ้า มาระบายความทุกข์ต่อกันฟัง นี่มันฟังทุกอย่าง พิจารณาทุกอย่าง ธรรมนี้คุ้นกับใครเมื่อไร ไม่ได้คุ้นกับใครนี่นะ อะไรๆ แง่ดีแง่ชั่วมันจะตามรู้ตามเห็นไปหมด นอกจากไม่พูดเท่านั้น ทีนี้เวลามันหนาแน่นขึ้นมากๆ นี้ก็ใส่กันสักทีหนึ่ง วัดธาตุทองเงียบหมดเลย เห็นไหมล่ะ
นั่นละธรรมเป็นอย่างนั้นละ สะทกสะท้านกับใครสามโลกธาตุนี้ อะไรเหนือธรรม ความเลิศเลอก็คือธรรม อันนี้มันเลิศเลออะไร มาจอแจๆ ลบธรรม เหยียบอรรถเหยียบธรรมทั้งๆ ที่ท่านกำลังเทศน์อยู่นั่น นี่ไม่เป็นอย่างนั้น ใส่เปรี้ยงๆ นี่ไม่ได้มาหาเอาอะไรนะ มาสงเคราะห์จิตใจต่างหากนี่นะมาเทศน์นี่ เราไม่มาหวังอะไร มันเป็นอย่างไรหัวใจเหล่านี้น่ะ เป็นลูกชาวพุทธไม่ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมจะไปฟังเสียงอะไร ซัดอย่างนั้นซิ อย่างนั้นแหละ มันไม่เหมือนใครนะนี่ถ้าลงมันได้ขึ้นแล้ว ก็มันเหนือทุกอย่าง นอกจากไม่ออกแสดงเท่านั้นเอง ถ้ามารมันหนักมากก็เอาสักทีหนึ่ง ถ้ามันไม่หนักมากก็เฉยหูหนวกตาบอดไป แต่เวลามันจะออกลวดลายนี่ โถ ว่าอย่างนั้นเลย บอกว่าโถเลย เปรี้ยงๆ เลยละ อะไรจะเลิศเลอยิ่งกว่าธรรม ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วจ้าครอบโลกธาตุ จะมาว่าอะไร ขี้หมูขี้หมามันจะเอาความวิเศษอะไรมาอวดธรรมวะ
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
จากเครือข่ายทั่วประเทศ
|