ไม่มีอะไรหนักยิ่งกว่ากรรมดีกรรมชั่วของเรา
วันที่ 8 มกราคม 2551 เวลา 19:00 น. ความยาว 66.35 นาที
สถานที่ : เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น

เมื่อค่ำวันที่ ๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑

ไม่มีอะไรหนักยิ่งกว่ากรรมดีกรรมชั่วของเรา

      วันนี้มีโอกาสได้มาเยี่ยมบรรดาพี่น้องทั้งหลาย เฉพาะอย่างยิ่งแถวเขื่อนอุบลรัตน์ และที่อื่นๆ จนกระทั่งถึงกรุงเทพฯ ก็ได้มารวมกันฟังเสียงอรรถเสียงธรรม เสียงธรรมกับเสียงโลกผิดกัน เสียงโลกเป็นเสียงสกปรกรกรุงรังเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ซึ่งกันและกัน หาความสงบไม่ได้ แต่เสียงอรรถเสียงธรรมเป็นน้ำดับไฟ สาดไปที่ไหนสงบงบเงียบลงไป ไฟร้อนๆ ก็ดับมอดลงไป มีความชุ่มเย็นเป็นสุขทั่วหน้ากัน

วันนี้พี่น้องทั้งหลายก็ได้สร้างบุญสร้างกุศลผลประโยชน์ ตามกำลังศรัทธาของตนๆ ได้มีโอกาสฟังธรรมเทศนาของครูบาอาจารย์ในวันนี้ เพราะเสียงธรรมนี้จะได้ยินลำบากมากอยู่ ไม่เหมือนเสียงโลกเสียงสงสารซึ่งหาความสงบไม่ได้ แต่เสียงธรรมไม่ค่อยมีปรากฏในโลก เพราะฉะนั้นคำว่าธรรมซึ่งเป็นน้ำดับไฟจึงระงับดับกันไม่ทันไม่ลง มีแต่ฟืนแต่ไฟ ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา ไฟราคะตัณหา ไฟความโลภ ความทะเยอทะยานอยากไม่มีจบมีสิ้น ไฟโมหะไม่รู้เนื้อรู้ตัวตั้งแต่เกิดมามีแต่ดีดแต่ดิ้นด้วยอำนาจแห่งความหลงโมหะมันครอบงำ เป็นอยู่อย่างนี้ตลอดมา ธรรมเป็นน้ำดับไฟสำหรับระงับดับไฟกองร้อนๆ คือ ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินาให้สงบเย็นลงไป

          วันนี้เป็นโอกาสอันดีที่พี่น้องทั้งหลายจะได้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรม เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่ได้เข้าวัดเข้าวาฟังธรรมจำศีลกับเขาเลยนั้น มีอยู่จำนวนมากในศาลาหลังนี้ แต่ตามเหวตามบ่อตามบึงตามอะไร ตามโรงระบำรำโป๊นั้นเต็มไปหมด มีแต่พวกนี้ละไป ส่วนวัดวาอาวาสที่จะสนใจฟังอรรถฟังธรรมเพื่อกล่อมใจ หรือชำระใจของตนให้สงบร่มเย็นเป็นความสุข เห็นใจเจ้าของที่มีราคาขึ้นมานั้นมีน้อยมาก ส่วนมากมีแต่คนไร้ราคา หาความสุขความเจริญทางจิตใจไม่ได้เลย ส่วนมากก็มีแต่เอาวัตถุสิ่งของมาอวดกัน คนนั้นมีนั้น คนนี้มีเงิน คนนั้นมีทอง คนนี้มีตึกมีรามบ้านช่อง มีบริษัทบริวารมาก มีไปหมด ถ้าสิ่งจะทำให้ลุ่มหลงงมงายนั้นมีไปหมด แต่สิ่งที่จะทำให้เบิกทางกว้างออกไปเพื่อความสุขความเจริญได้แก่ศีลธรรมนั้นไม่ค่อยมีกัน

เพราะฉะนั้นจึงเกิดมาด้วยความมืดบอด และอยู่ไปอีกก็อยู่ด้วยความมืดบอด ตายไปก็ตายไปด้วยความมืดบอด หาความสว่างกระจ่างแจ้งด้วยอรรถด้วยธรรมด้วยคุณงามความดีไม่มีเลยในบุคคลคนหนึ่งๆ นั้น เรายังพอใจอยู่เหรอ อย่างท่านแสดงไว้ว่า  โก นุ หาโส กิมานนฺโท นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ อนฺธกาเรน โอนทฺธา ปทีปํ น คเวสถ. ก็เมื่อโลกสันนิวาสนี้มันเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้กัน ด้วยความโลภความโกรธราคะตัณหาอยู่ตลอดมาทุกหัวใจสัตว์ ไม่มีวันสงบงบเงียบลงบ้างเลย แล้วท่านทั้งหลายยังหัวเราะรื่นเริงบันเทิงกันอยู่เหรอ ทำไมไม่เสาะแสวงหาที่พึ่ง คือศีลคือธรรมเข้าสู่ใจบ้าง นี่ท่านแสดง พระพุทธเจ้าท่านกระตุกเอาบ้าง เห็นว่ามืดบอดจนเกินไป ท่านก็กระตุกเอาบ้าง โก นุ หาโส ยังมีความรื่นเริงบันเทิงกับฟืนกับไฟอยู่ตลอดไปเหรอ จะไม่รู้เนื้อรู้ตัวบ้างเหรอ นั่นท่านสอนพวกเราท่านสอนอย่างนี้

จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายหันหน้าเข้าสู่อรรถสู่ธรรม เวลาจะหลับจะนอนก็ให้ไหว้พระเสียก่อน อิติปิโส สฺวากฺขาโต  สุปฏิปนฺโน แล้วไหว้พระตามกำลังของตนที่เรียนมาได้มากได้น้อย แล้วนั่งทำความสงบแก่จิตใจของเรา ซึ่งมันฟุ้งเฟ้อตั้งแต่ตื่นนอน ถ้าว่ารถก็ดับเครื่องไม่ลง ดับเครื่องไม่เป็น ติดเครื่องแล้วเอาความหลับเป็นการดับเครื่องรถคือความคิดความปรุงทั้งหลาย เป็นอย่างนี้ทุกหัวใจ หาที่เกาะที่ยึดไม่ได้เลย อยู่ด้วยความเคว้งคว้างไม่มีหลักมีเกณฑ์นี้ แล้วยังพอใจรื่นเริงบันเทิงอยู่กันไปอย่างนี้เรื่อยๆ แหละเหรอ ให้ตั้งปัญหาถามตนบ้าง ถ้าถามตนบ้างแล้วก็จะได้รู้ความเกิดมาของตน

การเกิดมานี้ผู้ไม่มีวาสนาพอจะเป็นมนุษย์เกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้นะ สัตว์ทั้งหลายเต็มแผ่นดิน ทั้งใต้ดินเหนือดินในน้ำบนบกเต็มไปหมดมีจำนวนมากขนาดไหน กับมนุษย์เราเท่ากำมือเท่านั้น มีมากเพียงกำมือหนึ่งมนุษย์ แต่สัตว์ทั้งหลายที่พลัดตกไปจากความดีงามไปเป็นเปรตเป็นผีเป็นยักษ์เป็นมารเป็นสัตว์นรกอเวจี มีจำนวนมากขนาดไหน ควรเอามาเทียบในตัวของเรา เดี๋ยวเราจะหลวมเข้าไปเป็นอย่างนั้นเข้ามาอีกแล้วก็จะจมไปอีกแหละ ให้รู้สึกเนื้อรู้สึกตัว

จิตใจเกิดมาไม่มีอารมณ์ธรรมติดเนื้อติดตัวติดใจบ้างเลย มีแต่อารมณ์ของโลกที่จะพาให้เดือดร้อนวุ่นวายหาจุดที่หมายไม่ได้ อย่างนี้ไม่สมควรแก่เราเป็นมนุษย์ซึ่งเป็นลูกชาวพุทธเลย เพราะเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ อย่างน้อย ๘๐% ถือศาสนาพุทธซึ่งเป็นศาสนาเอกของศาสดาองค์เอก ไม่มีศาสดาใดที่จะมาเสมอเหมือนพระพุทธเจ้าของเราซึ่งเป็นศาสดาของพวกเรา เพราะท่านองค์นี้ท่านเป็นผู้ตรัสรู้รู้แจ้งแทงตลอด เรียกว่าโลกวิทูรู้แจ้งโลกนอกโลกใน โลกผีโลกคน โลกเปรตโลกสัตว์นรก จนกระทั่งถึงโลกเทวบุตรเทวดา-อินทร์-พรหมถึงนิพพาน พระพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งแทงทะลุหมด ไม่มีใครที่จะเสมอเหมือนพระพุทธเจ้า

สำหรับเราเองเพียงดูเราก็ไม่รอบตัว บางคนไม่ดูเลย มีแต่ความเพลิดความเพลินตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งวันตาย เกิดมาก็ด้วยความจม ตายไปด้วยความจม หาความฟื้นฟูด้วยศีลด้วยธรรมไม่มีเลย นี่ควรจะคิดกันบ้างมนุษย์เรา แต่นี้ต่อไปให้ฟิตจิตใจเราเข้าสู่ธรรม พุทโธ ธัมโม สังโฆ นี้คือธรรมดวงเลิศ ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนแล้วในโลกทั้งสาม มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นธรรมที่เลิศเลอที่สุดแล้ว ขอให้น้อมนึกเข้ามาสู่ใจของตน อย่างน้อยเวลาจะหลับจะนอนขอให้ไหว้พระสวด อิติปิโส สฺวากฺขาโต สุปฏิปนฺโน ก่อน แล้วนั่งทำความสงบใจด้วยบทธรรมบทใดบทหนึ่งท่านเรียกว่าภาวนา

นึกพุทโธก็ได้ ธัมโมก็ได้ สังโฆก็ได้ เข้ามาบริกรรมกำกับใจของเรา มีสติควบคุมอยู่กับคำบริกรรมของตนในเวลานั่งภาวนา อย่างน้อยให้ได้ ๕ นาที เราตกนรกตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับ นานเท่าไร วันคืนหนึ่งเป็น ๒๔ ชั่วโมงตกตลอด แต่เราจะลากเราขึ้นสวรรค์เพียง ๕ นาทีด้วยการภาวนา คือพุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ โดยความมีสติกำกับรักษาเท่านี้ไม่ได้เหรอ ให้ตั้งหน้าตั้งตาถามตัวเองบ้างนะ เกิดมาไม่ถามตัวเองแหละไปถามแต่คนอื่น คนใดก็มีแต่คนโลเลโลกเลกตาฝ้าตาฟาง ตอบกันสุ่มสี่สุ่มห้า หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้

ถ้าถามธรรมในตัวเอง เราเกิดมานี้เราจะตายเหมือนโลกทั่วๆ ไป แล้วเรามีความดีงามอะไรบ้างติดเนื้อติดตัวเรา พุทโธเคยมีในหัวใจไหม ธัมโมเคยมีในหัวใจไหม สังโฆเคยมีในหัวใจไหม การให้ทานเราเคยได้ให้ทานมากน้อยเพียงไร การรักษาศีลรักษาธรรมอย่างน้อยศีล ๕ เราเคยได้รักษากับโลกแห่งชาวพุทธเขาบ้างไหม ให้พิจารณา การภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆ ซึ่งพระพุทธเจ้าเลิศด้วยการภาวนา เราเคยได้ภาวนาบ้างสัก ๑ นาทีไหม เหล่านี้เปล่าทั้งนั้นพวกเรา เรียกว่าเปล่าหมดไม่มีในตัว แสดงว่าขาดทุนมากมายก่ายกอง

เพราะฉะนั้นให้พากันตั้งเนื้อตั้งตัวระลึกถึงศีลถึงธรรม อันจะเป็นที่พึ่งเป็นพึ่งตายได้ก็คือศีลคือธรรม นอกนั้นเราอยากทำด้วยความทะเยอทะยานของเรา ทำไปเท่าไรมันก็มีแต่บาปแต่กรรม ทำความชั่วช้าลามกทุกแบบทุกฉบับ ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เบียดเบียนรีดไถคดโกงคนอื่น เหล่านี้มีตั้งแต่การสร้างบาปสร้างกรรม เอารัดเอาเปรียบเขา ไม่ได้สนใจที่ว่าหัวใจเขากับหัวใจเรามันเหมือนกันนี้ไม่คิด เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่กว่าใจของโลกทั้งหมด มีใจของเราดวงเดียวใหญ่กว่าโลก จึงเอารัดเอาเปรียบโลกได้ตลอดมา แล้วก็สร้างตั้งแต่กรรมคือความชั่วช้าลามกตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งวันตาย แล้วเวลาไปแล้วเราจะเอาอะไรที่นี่

บาปกรรมมันเต็มตัวแล้วจะเอาอะไรมาหาบมาหามมาใส่ได้ล่ะ รถไฟกี่ขบวนจะมาบรรทุกบาปกรรมของเราแต่ละคนๆ นี้ รถไฟกี่ขบวนถึงจะบรรทุกไปหมดที่เราสร้างเอาไว้นั่นน่ะ นั้นละบาปกรรมเหล่านี้ไม่มีอะไรมีน้ำหนักหนักมากยิ่งกว่ากรรมนะ สิ่งทั้งหลายที่ว่าบรรจุได้มากๆ ไม่มากเท่ากรรม กรรมนี้บรรจุไว้มากเต็มหัวใจสัตว์ ต้นไม้ภูเขาดินฟ้าอากาศแผ่นดินทั้งแผ่น ไม่มีอำนาจมากดถ่วงจิตใจเราให้จมลงในนรกได้ แต่การสร้างบาปสร้างกรรมฉุดลากเราได้ไม่สงสัยอันนี้ ไม่มีสิ่งใดจะหนักยิ่งกว่ากรรมชั่วที่เราทำลงแล้ว ดึงลงได้จนถึงจมในนรกอเวจีได้ไม่สงสัย ส่วนกรรมดีก็เหมือนกันดึงเราขึ้นตั้งแต่ภูมิมนุษย์นี้ไปจนกระทั่งถึงสวรรค์ ๖ ชั้น พรหมโลก ๑๖ ชั้น เข้าถึงแดนนิพพาน นี่คือบุญคือกุศลมีน้ำหนักมาก เรียกว่ากรรมดี ดึงขึ้นถึงนิพพานเลย

บุญกับบาปนี้มีน้ำหนักมากที่สุด บาปก็ดึงลงให้จมลงในนรกได้ไม่สงสัย สิ่งอื่นสิ่งใดไม่มีน้ำหนัก ไม่มีกำลังมาก ที่จะฉุดลากสัตว์โลกผู้สร้างบาปสร้างกรรมนั้นให้จมลงได้เหมือนกรรมชั่วนี้เลย และในขณะเดียวกันไม่มีกรรมใดที่จะดึงบุคคลผู้สร้างบุญสร้างกุศลสมภารใส่หัวใจแล้วขึ้นสวรรค์ ขึ้นพรหมโลกจนถึงพระนิพพานได้เลย นอกจากกรรมของตัวเองที่สร้างไว้นี้เท่านั้น ให้พึงพากันทราบว่าอะไรมันหนักในโลกนี้ ไม่ได้มีอะไรหนักยิ่งกว่ากรรมดี-กรรมชั่วของเรา ที่เราสร้างแล้วกดเราลงให้เต็มเหนี่ยวถึงนรกอเวจีได้ไม่สงสัย สิ่งเหล่านั้นมากดไม่ได้ แต่กรรมชั่วนี้กดลงได้ให้จมลงในนรกอเวจี กี่กัปกี่กัลป์ให้จมอยู่นั่นได้ทั้งนั้นแหละ

ทีนี้กรรมดีก็เหมือนกัน เมื่อเราสร้างไปมากๆ กรรมดีมีกำลังมากฉุดเราขึ้น ฉุดเราขึ้น ฉุดขึ้นจนกระทั่งถึงแดนนิพพาน หายสงสัยเรื่องความทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีในพระนิพพาน เป็นความเที่ยงตรงคือพระนิพพาน นี่ละอำนาจแห่งกรรมดีมีน้ำหนักขนาดนี้ ท่านทั้งหลายอย่าไปคิดว่าสิ่งใดที่ว่ามีน้ำหนักมากๆ ไม่มีน้ำหนักมากยิ่งกว่ากรรมดี-กรรมชั่วของตนที่สร้างเอาไว้ จะกดถ่วงตนลงให้เต็มเหนี่ยวก็ได้ จะยกตนขึ้นให้ถึงพระนิพพานก็ได้ ด้วยอำนาจแห่งกรรมดีของตน

เพราะฉะนั้นจึงพากันเชื่อกรรมนะ พระพุทธเจ้ายอมรับแล้วเรื่องกรรม กรรมดี กรรมชั่วพระพุทธเจ้าทรงมองทะลุหมดแล้ว ว่าให้คุณให้โทษแก่สัตว์ได้อย่างแท้จริง อย่างอื่นไม่สามารถมาเป็นได้ แต่เรื่องกรรมดี-กรรมชั่วนี้สามารถที่จะบังคับและที่จะยกผู้ที่ทำความชั่ว-ความดีนั้นให้กดลงและให้ขึ้นไปได้เหมือนกรรมดี-กรรมชั่วนี้เลย พากันจดจำเอา

เราอยู่เฉยๆ เวลาอยู่ในมนุษย์นี้ก็เขาเหมือนเรา เราเหมือนเขา ทุกข์ก็ไม่มากนัก แต่ไปเมืองผีเมืองเปรตนั่นซีทุกข์ลำบากมากที่สุด ตั้งร้อยวันก็ไม่ได้หนึ่งวันในนรกอเวจี นั่นเขาเรียกว่าปีทิพย์ ตั้งร้อยปีทิพย์ เพียงชั้นต่ำๆ เท่านั้นก็ร้อยปีทิพย์ถึงจะได้เป็นวันหนึ่งคืนหนึ่งในแดนสวรรค์ สูงขึ้นไปเท่าไรตั้งหมื่นๆ ปีเท่ากับได้วันหนึ่งคืนหนึ่งในแดนสวรรค์ ในแดนพรหมโลก ถึงพระนิพพานแล้วไม่มีปีมีเดือน คือนิพพานนั้นเที่ยงไม่เคลื่อนไหวไปไหน ทางด้านกฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เปลี่ยนแปลงไม่มีเลยในพระนิพพาน เที่ยงตรง นี่ละกรรมของผู้สร้างได้ถึงสุดขีดแล้ว เรียกว่าถึงพระนิพพานเป็นเมืองเที่ยงตรง ตรงแน่ว นี่การสร้างความดี

ทีนี้การสร้างความชั่วก็แบบเดียวกันอีก ใครสร้างความชั่วได้มากน้อยเพียงไรก็จะเป็นผู้ขนเอากรรมของตนนั้นละมาเป็นข้าศึกต่อตนเอง ทรมานตนเองไปทุกภพทุกชาติตลอดไปเลย ถ้ายังมีกรรมชั่วอยู่ภายในจิตใจมากน้อยเพียงไรก็จะทำคนนั้นให้ได้รับความทุกข์ความลำบาก กรรมเป็นสิ่งที่ใหญ่โตมากที่สุด อย่ามองข้ามไปนะ กรรมดี-กรรมชั่วมีน้ำหนักมาก มีกำลังมาก ไม่มีอะไรที่จะเหนือกรรมไปได้เลย นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ ไม่มีอานุภาพใดที่จะมีกำลังมากยิ่งกว่าอานุภาพแห่งกรรมดีและกรรมชั่วไปได้เลย ท่านสอนไว้อย่างนี้

อะไรจะใหญ่ขนาดไหน หนักขนาดไหน สู้กรรมดี-กรรมชั่วที่สัตว์แต่ละรายๆ ทำลงไปไม่ได้ ถ้าทำลงไปแล้วกดจริงๆ ถ้าเป็นความชั่ว ถ้าเป็นความดีก็ยกขึ้นจริงๆ สูงส่งจนถึงพระนิพพานได้ ถ้าทำกรรมชั่วก็กดลงไปจนถึงนรกอเวจี จมอยู่นั้นกี่กัปกี่กัลป์ก็ขึ้นมาไม่ได้ นี่ละกรรมจึงเป็นของมีน้ำหนักมาก จึงพากันให้พิจารณาถึงเรื่องความดีความงาม อย่าทำตามความอยากโดยถ่ายเดียว ความอยากมันจะพาไปทางต่ำเสมอ ถ้าสิ่งใดธรรมไม่ชอบแล้วกิเลสมันชอบ มันพาทำสิ่งนั้นละ ถ้าทำสิ่งนั้นไปแล้วมันก็เป็นภัยแก่ตัวเอง เป็นภัยแก่ตัวเองแล้วก็บีบบี้สีไฟตัวเองอย่างนั้นละ

ไม่มีสัตว์ตัวใดจะเหนือกรรมไปได้นะ ไม่มีในโลกอันนี้บรรดาสัตว์จะเหนือกรรมดี-กรรมชั่วไปได้ กรรมดีเป็นผู้ตกแต่งในทางดีโดยถ่ายเดียว กรรมชั่วเป็นผู้ตกแต่งในทางชั่วและกดสัตว์โลกลงไปโดยถ่ายเดียว ไม่มีอันใดที่จะใหญ่ยิ่งกว่ากรรมดี-กรรมชั่ว ให้พากันระมัดระวังทุกคน ลูกหลานที่มาฟังเทศน์วันนี้ หลวงตาได้อุตส่าห์พยายามทั้งๆ ที่ร่างกายชำรุดทรุดโทรมมาก เทศน์ก็ลำบากลำบน ธาตุขันธ์ไม่อำนวย ก็ได้เทศนาว่าการให้พี่น้องทั้งหลายฟัง พอเป็นคติเครื่องเตือนใจนำไปปฏิบัติตนให้เป็นคนดี

อย่าทำตามความอยากความทะเยอทะยาน จะพาเราให้ล่มจมได้ ให้ทำสิ่งที่ดีงาม จอมปราชญ์นักปราชญ์ทั้งหลายท่านว่าเป็นสิ่งที่ดี เอา..ยากก็ให้ทำ ฝืน ฝืนกิเลส กิเลสมันไม่อยากให้ทำความดี ให้ฝืนมันทำลงไปโดยลำดับจนกระทั่งมันชิน เวลาคนทำความดีมากเข้าๆ ไม่ได้ทำอยู่ไม่ได้นะวันหนึ่ง เหมือนกันกับคนทำความชั่ว ไม่ได้ทำอยู่ไม่ได้วันหนึ่ง พวกลักพวกขโมยนี่เหมือนกัน ไม่ได้อะไรคว้าเอาเขาเรียกสากมอง สากมองครกกระเดื่องเขาตำข้าว ได้ขโมยนั้นก็เอา ไม่ให้เสียลวดลายนักเลงโต ชอบฉกลักปล้นขโมย วันหนึ่งๆ กินอยู่ปูวายกับความขโมย ไม่ได้ขโมยอยู่ไม่ได้ มันปวดหัว ไปไหนต้องสะพายยาทันใจไปด้วย ถ้าวันไหนไม่ได้ขโมยมันปวดหัว ต้องเอายาทันใจมากินแก้ปวดหัว ถ้าวันไหนได้ขโมยเขามาแล้วยาทันใจก็นอนหลับสนิท ไม่ถูกรบกวนมากนัก

นี่ละเรื่องคนเคยทางไหนทำทางนั้น ทำความดีก็เหมือนกัน ทีแรกไม่อยากทำ ครั้นทำไปๆ มันมีความดูดดื่ม มีรสมีชาติต่างกันกับรสของความชั่วทั้งหลาย ดูดดื่มไปทางที่ดี ไม่ได้ทำความดีอยู่ไม่ได้ สุดท้ายทำความชั่วไม่ได้ ทำได้แต่ความดีโดยถ่ายเดียวเท่านั้น เป็นอย่างนั้นนะ ให้พี่น้องทั้งหลายฝึกนะจิตนี่ เอาอะไรไปสอนมันติดทั้งนั้นแหละ ความชั่วยิ่งติดง่าย ความดีสอนนี้ติดยากแต่ติด ถ้าเราพยายามสอน พยายามฝืนความชั่ว ทำตามความดีไปมากๆ แล้วเราก็จะค่อยเป็นคนดี ไปอยู่ภพใดชาติใดขึ้นชื่อว่าคนดีแล้วไม่มีตกระกำลำบากแหละ มีแต่ความสุขความเจริญ เสวยผลคือสมบัติทิพย์ของตนที่ได้สร้างไว้แล้วตั้งแต่อดีต จะเป็นภพใดชาติใดก็ตาม นี้เป็นเครื่องหนุนเราให้มีความสุขความเจริญตลอดไป

ผิดกันกับคนสร้างความชั่ว ไปเกิดในภพใดๆ มีตั้งแต่ความชั่วช้าลามก ไปได้ผัวได้เมีย ก็ไปเรียนวิชาหมากัดกัน ผัวกับเมียเลยเป็นคู่ต่อสู้กัดกันเลย ก็เพราะกรรมของคนทั้งสองนั่นละมันสร้างมาให้สมประกอบ ทีแรกก็รักกันสองสามวัน ต่อมาก็เรียนวิชาหมามาทะเลาะกันกัดกันไปเรื่อยๆ เป็นอย่างนี้นะ พากันจำเอา ให้เอาวิชาธรรมเข้าไปไม่ทะเลาะ ไม่ว่าผัวพูดถูก เมียพูดถูก ให้ยอมรับกัน จะถืออำนาจว่าเราเป็นเมีย ถืออำนาจว่าเราเป็นผัว ไม่ยอมลงกันนี้แตกกระจัดกระจายกันไปได้เลยแหละ ถ้าต่างคนต่างยอมรับความผิดถูกชั่วดีจากกันและกันแล้วอยู่กันได้จนกระทั่งวันตาย ยังเสียดาย ยังคิดถึงอาลัยอาวรณ์ต่อกัน นี่ละคือความดี ยอมรับเหตุต่อกันแล้วก็เป็นความดีต่อกัน ให้พากันจดจำเอาไว้

วันนี้จะเทศน์เพียงเท่านี้ เทศน์มากกว่านี้ก็เหนื่อยแล้ว ธาตุขันธ์ไม่อำนวยเหมือนแต่ก่อน  แต่ก่อนเทศน์ไปเป็นชั่วโมงๆ กว่าๆ เดี๋ยวนี้ไปไม่ได้แล้ว กำลังวังชาหมดไปๆ จึงขอฝากธรรมะทั้งหลายที่มาแสดงในวันนี้ ให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายได้นำไปคิดไปอ่านไปบำเพ็ญในตัวเอง การทำบุญให้ทานอย่าตระหนี่ถี่เหนียว เรามีพอได้พอเป็นพอไปมากน้อยเพียงไรให้แบ่งกินแบ่งทาน อย่าหวงไว้ใส่พุงอันเดียวอันนี้ ตายแล้วพุงเละไม่ไปไหน แต่จิตไม่ได้มีบุญมีกุศลเป็นเครื่องเสบียงหนุนตัวเองแล้วจิตนี้จะจมนะ ต้องสร้างความดีงามไว้สำหรับอาหารของจิต สร้างวัตถุทั้งหลายนี้ไว้เป็นอาหารของกาย กายตายไปแล้วก็อาศัยอาหารของจิตคือสร้างความดีงาม จิตก็ไปเป็นสุขๆ สุคโตๆ ถ้าผู้สร้างได้มากๆ ถึงนิพพาน

นี่ละอำนาจแห่งการสร้างความดี อย่าพากันปล่อยกันวางนะ ศาสนาจะไม่มีในใจของมนุษย์เราจะไปอยู่กับหัวใจใดล่ะ หัวใจมนุษย์เป็นหัวใจที่ควรแก่อรรถแก่ธรรมแก่ศาสนา ถ้าลงมนุษย์เรารับอรรถรับธรรมไม่ได้แล้วทีนี้จะไปอาศัยอะไรล่ะ ให้พากันจำตรงนี้ให้ดีนะ เอาละวันนี้เทศน์เพียงเท่านี้ เห็นว่าสมควรแก่ธาตุแก่ขันธ์กาลเวลา ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ

 

รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก