เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐
จิตไม่มีที่ยึดว้าเหว่
สำหรับวัดนี้มีอะไรก็อย่างว่าแหละ คือสงเคราะห์โลก อะไรๆ ใครถวายมาออกหมด ออกเพื่อโลกๆ ทั้งนั้นไม่ได้เพื่อวัดเพื่อเรา เพื่อโลก สมควรจะไปทางวัดก็ไป สมควรจะไปทางชุมนุมชนฝ่ายฆราวาสก็ไป แจกออกไปแยกออกไปๆ ผ้าไม้พับก็เยอะนี้ก็แจกไปตามโรงพยาบาลแต่ละโรง โรงละหนึ่งไม้ๆ ไปตลอด จากนั้นก็แจกที่จำเป็น
กฐินวัดโพธิฯ วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน สำหรับเงินส่วนกลางที่จะเอาเข้าเจดีย์เรากะไว้ ๕ ล้าน นอกจากนั้นก็ถวายพระ เจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ผู้สวดอะไรๆ เป็นลำดับลำดา แล้วพระเณรทั้งวัดก็ให้เสมอกันหมด ให้องค์ละพันๆ พระเณรที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานสวดงานกฐิน
แม่บ้านผู้กำกับใครทราบไหมเป็นยังไง (ดีขึ้นกว่าวันก่อนเจ้าค่ะ ลูกสาวผู้กำกับฝากมากราบขอความเมตตาอย่าให้ติดเชื้อภายใน) ไม่รู้จะเมตตาใคร ใครก็ให้แต่เราเมตตาๆ เราเองผู้เมตตาก็จะตายอยู่เหมือนโลกทั่วๆ ไป มันกลืนไม่ได้คายไม่ออกนะ เขามีแต่ขอเมตตา กลัวตายๆ ส่วนหลวงตาก็จะตายกับเขา มันน่าคิดอยู่ (คือเขาไม่มีที่ยึดเจ้าค่ะ พอที่จะไว้ใจได้) อันนี้เรายอมรับว่าจิตไม่มีที่ยึดนี้ว้าเหว่มากนะ โรคจิตวุ่นวายนี้หนักกว่าโรคในร่างกาย คือโรคในร่างกายเป็นอย่างนี้เสริมเข้าไปหาโรคจิต โรคจิตเลยวุ่นใหญ่ อันนี้ละหนักมาก
คนตายได้ง่ายก็เพราะโรคจิตวุ่นวาย กวน เสริมโรคร่างกายเข้าไปอีก นี้พูดจริงๆ เราไม่มี เรื่องอย่างว่าเราไม่มีเราบอกตรงๆ จะอยู่ก็อยู่ไป จะไปแล้วเหรอไป แน่ะ เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรขัดข้องในสมมุติอันนี้ พูดให้ชัดเจนให้ลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายฟังเสีย ว่าเราไม่มีในสมมุติอันนี้ หมด เพียงแต่ขันธ์เท่านั้นที่มันเกี่ยวข้องกันอยู่กับจิตที่เป็นผู้รับผิดชอบ รับทราบๆ เพียงเท่านั้น ก็ไม่กังวลอีกแหละ เพียงรับทราบๆ จะเป็นจะตายน้ำหนักเท่ากัน ที่ให้ความเป็นอยู่มีน้ำหนักมากกว่าก็เพื่อ เวลามีชีวิตอยู่ก็ทำประโยชน์ให้โลก เราจึงเอนมาทางความเป็นอยู่มีน้ำหนักมากกว่าความตายไป ถ้าไม่เช่นนั้นก็เสมอกันเลย เราไม่มีอะไร
ภายในมันประจักษ์อยู่แล้ว สนฺทิฏฺฐิโก สนฺทิฏฺฐิโกขั้นสุดยอดเสียด้วยไม่ใช่ขั้นธรรมดามันก็รู้อยู่แล้ว อะไรๆ จะขาดเหลือไปไหนตัวนี้ขาดไปไหนไม่มีเลย มีแต่อันนั้นขาดอันนี้ขาดตามสมมุติ อันนี้เลยสมมุติไปแล้วไม่มีอะไรขาด พอดีๆ ตลอดเลย เพราะฉะนั้นการไปการอยู่เมื่อไรได้ทั้งนั้นสำหรับเราเอง เราพูดให้ชัดเจน สมกับที่ว่าเราเทศน์สอนทั่วประเทศไทย ออกช่วยชาติคราวนี้เรียกว่าเทศน์มากที่สุด พระในประเทศไทยจะไม่มีใครเทศน์มากยิ่งกว่าเรา เรานี่เทศน์มากที่สุด เฉพาะเทศน์งานช่วยชาติ ไปจังหวัดไหนๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จังหวัดละ ๒-๓ ครั้ง สี่ครั้งก็มี นอกนั้นก็ไปจังหวัดละหนๆ เทศน์ๆ บางจังหวัดถึง ๓ หนก็มี อย่างนั้นละเทศน์มากที่สุด
ก็มีแต่กิริยาอันนี้ละ ที่ว่ากิริยาคือร่างกายนี้มันก็เหมือนสมมุติทั่วๆ ไป มันอยู่ท่ามกลางแห่งโลกธรรม อยู่สนามโลกธรรมอันนี้กับทั้งหลายสมมุติเหมือนกัน ควรติ ติ ควรชม ชมได้เหมือนกันหมด เว้นแต่จิตที่ผ่านหมดแล้ว ไม่มีเข้ามาเกี่ยวข้องเลย นั่นละจิตที่พ้นสมมุติแล้วเป็นอย่างงั้น ไม่มีอะไรเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็มีแต่สมมุติอยู่ด้วยกัน ควรติก็ติ ควรชมก็ชม จึงเรียกว่าสนามแห่งโลกธรรม ได้แก่สมมุติต่อสมมุติอยู่ด้วยกัน เช่นของเราก็สมมุติ เหล่านี้ก็สมมุติอยู่ด้วยกัน ติได้ชมได้ ส่วนธรรมชาตินั้นผ่านหมดไม่มีอะไรที่จะตำหนิที่จะชมอีกแล้ว อันนั้นพ้น พ้นสมมุติ สมมุติคือการติการชม เลยสมมุติไปแล้ว ไม่มีติมีชม มีแต่ความพอดีเท่านั้นละ
นักภาวนาก็ให้ภาวนานะ การภาวนาสติเป็นสำคัญ เราย้ำแล้วย้ำเล่า ใครที่ยังตั้งสติไม่ได้ ยังตั้งตัวไม่ได้ ให้เอาสติจับเข้าไป ตั้งได้แน่นอน สตินี้ตั้งได้ ขอให้สติจับติดเถอะ วันทั้งวันไม่ให้เผลอ เอ้า เอาลองดูซิน่ะ เพียงสามวันจะได้เห็นผลชัดเจน จิตของเราที่มันว้าวุ่นขุ่นมัว มันปรุงมันแต่งคือสติเผลอ ความคิดความปรุงเป็นกิเลสทั้งนั้นออกไปกว้านไฟเข้ามาเผาเราๆ พอสติครอบเอาไว้แล้ว ไม่ให้มันคิด ทีนี้กิเลสจะเท่าภูเขาก็ออกไม่ได้ ต่อไปสติมีกำลังมากครอบภูเขากิเลสนั้นออกสงบราบ
สติเป็นสำคัญการภาวนา ถ้าภาวนาไม่มีสติแล้วไม่เป็นท่า ต้องสติเป็นสำคัญ การเทศน์อย่างนี้เราทดสอบมาหมดแล้ว ทดสอบในตัวของเราเองเวลาดำเนิน ทดสอบภายในตัว พิจารณาๆ บวกลบคูณหารไปในตัวๆ อะไรที่ถูกต้อง ยึดไว้ๆ เป็นหลักๆ แล้วนำมาสอนโลก เราได้เป็นหลักแล้ว นำมาสอนโลก
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ |