เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐
ใช้ยานอนหลับ
โยม: ปัญหาธรรมะจากปทุมธานีเจ้าค่ะ ขณะนี้ลูกบริกรรมพุทโธ ลูกเคยใช้อานาปานสติอย่างเดียว พอลมหายใจไม่ปรากฏ สติเผลอได้ จิตออกคิดฟุ้งซ่าน แต่ด้วยพระธรรมเทศนาของหลวงปู่ ลูกจึงมาบริกรรมพุทโธ แม้ลมหายใจจะหายไป แต่จิตก็ค่อยสงบดีขึ้น และฟุ้งซ่านน้อยลงมากค่ะ แต่ยังไม่เห็นดวงจิตสว่างไสวค่ะหลวงปู่ ลูกพิจารณาอสุภะจากตัวของลูกเอง เช่นลอกหนังออกดูเนื้อแดงภายใน ดูความเน่าเปื่อยผุพัง ดูอวัยวะภายใน เกิดความสลดสังเวชน้ำตาไหลอยู่บ้าง ถ้าครั้งต่อๆ ไปกำหนดซ้ำแบบเก่า ก็จะไม่ค่อยได้ผลค่ะ การพลิกแพลงพิจารณาแง่ต่างๆ เพื่อให้ซ้ำเก่าก็ไม่ชำนาญ ประกอบกับถูกรบกวนการภาวนา ทำให้ยังพิจารณาได้ไม่นานนัก จึงขอประทานเมตตาโปรดกรุณาชี้ทางให้ด้วยเจ้าค่ะ
หลวงตา: เท่าที่เขาทำมานี้ถูกต้องแล้ว ให้ทำย้ำเข้าไป ทำตรงนั้นละ มันจะละเอียดเข้าไปๆ ทำดังที่เคยทำนะ
โยม: แล้วเขามีต่ออีกนิดนึงว่า การที่เขาถูกรบกวนการภาวนานั้น เขารู้สึกถูกกดบีบแรงๆ บริเวณศีรษะ ใบหน้า ดึงรั้งเส้นผมเหมือนกับมีของแหลมกดที่เหงือกบ้าง ฟันบ้าง ทำให้รู้สึกปวดเจ็บเสียวและหนักศีรษะค่ะ ลูกแยกเวทนาและจิต กำหนดสติไว้ที่จิต แม้รู้สึกเจ็บปวดอยู่ แต่จิตก็เป็นปรกติอยู่ค่ะ นอกจากนี้บ่อยครั้งยังรู้สึกถูกบีบกดบริเวณกลางอก จึงรู้สึกหนักปวดลมเดินไม่สะดวก ลูกก็พยายามบริกรรมพุทโธ ตลอด ๔-๕ เดือนที่ผ่านมา บ่อยครั้งขณะทำกิจการงานต่างๆ ขณะนอนต้องใช้ยานอนหลับช่วย จึงพอหลับได้บ้าง ลูกไม่ทราบสาเหตุ และเป็นทุกข์ว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นอีกนานเท่าไหร่
หลวงตา: นอนไม่หลับต้องใช้ยานอนหลับหรือ
โยม: ค่ะ เขาต้องใช้ยานอนหลับ
หลวงตา: อย่าใช้ ผิด ผิดกับหลักธรรม เอ้าเมื่อมันไม่หลับ ฟาดมันได้ห้ากัปห้ากัลป์ ให้เห็นเถอะน่ะ ให้ได้ออกประกาศลั่นโลกบ้างว่า ภาวนาตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งจะตายนี้นอนไม่หลับ มันอะไรกัน นอนไม่หลับไม่ต้องถือเป็นอารมณ์ แต่สติกับจิตให้ติดกัน หลักใหญ่มากอยู่ตรงนี้ จะหลับหรือไม่หลับก็ตาม เรื่องอาการเหล่านี้มันเอาแน่ของมันไม่ได้ ต้องถือจิตเป็นหลัก การภาวนาอย่าปล่อยจิตกับสติ ความรู้กับสติให้อยู่ด้วยกัน ไม่เสียหาย เรื่องว่าก้าวหน้าไม่ต้องบอกละ จะค่อยขยายตัวออกๆ การภาวนามีสติควบคุม สตินี่สำคัญมากทีเดียว การภาวนาอย่าข้ามสติเป็นอันขาด สตินี้ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงวิมุตติหลุดพ้น จากสติธรรมดา เป็นสติสืบต่อเนื่อง สติปัญญาอัตโนมัติ ฟาดถึงมหาสติมหาปัญญา ออกจากการตั้งสติในเบื้องต้น ให้พากันจำเอา
นี่เราทำมาแล้วทุกอย่างที่มาสอนนี้ จึงสอนด้วยความแม่นยำ ไม่ผิด เราผ่านมาหมด สำหรับพระพุทธเจ้ายกไว้เลยนะ เราตัวเท่าหนู มันผ่านยังไง ก็เล่าให้ลูกศิษย์ลูกหาฟัง เพื่อเป็นคติเครื่องเตือนใจ สติสำคัญมาก อย่าปล่อย อยู่ที่ไหนให้มีสติ แต่สติจดจ่อกับคำบริกรรมหรือจุดใดจุดหนึ่ง นั้นก็ออกทำการทำงาน สัมปชัญญะ สติมีรอบตัวๆ สติวงใน สติวงนอก เข้าใจ
อยากเห็นนักภาวนาได้เห็นความอัศจรรย์ของเจ้าของ ส่วนมากจะเห็นแต่อันนั้นอัศจรรย์ อันนี้ดีอย่างนั้น อันนั้นดีอย่างนี้ หาตำหนิติชม ส่วนตัวใหญ่มันไม่มาติชมเจ้าของ เจ้าของก็ไม่มาติเจ้าของด้วยนะ ให้ดูตรงนี้ละ จะเห็นทั้งความติความชมของตัวเอง แล้วก็แก้ไขดัดแปลงเรื่อยๆ
โยม: ขอถามปัญหาหลวงตาว่า ลูกหลานเวลาจะทำความเพียร เช่นทำวัตรเช้า เย็น สวดมนต์อิติปิโส จิตมันไม่ยอม มันบอกว่าโกหก
หลวงตา: ตัวมันว่าโกหกนั้นแหละ ตัวมันโกหก เข้าใจไหม ย้อนศรซิ
โยม: เพราะอาการสำนึกในคุณพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ และแบบการทำวัตรเช้า-เย็น หรือสวดมนต์อิติปิโสนั้นไม่จริง โกหก จิตมันบอก เขาเคยฝืนพยายามฝึกหัดจิตก็ไม่ได้ แต่เวลาเขาสวดกับหมู่คณะทั่วไป หรือกับครูบาอาจารย์ ก็จะไม่มีอาการอย่างนั้น เขาก็จะได้ปีติชุ่มเย็นดี แต่เวลาสวดคนเดียว อาการจะเป็นแบบนี้มาแล้วทุกที
หลวงตา: อย่างนั้นแหละสัตว์เราปล่อยให้กินอยู่นี้ มันไม่เป็นไรๆ พอจะเฆี่ยนจะฆ่าจะตีมันนี้ มันจะแสดงกิริยาตอบรับใช่ไหม นี่ละต่อต้านกัน สู้กัน เข้าใจไหม กิเลสมันสู้ธรรม เป็นยังงั้นละ แล้วมีอะไรอีกล่ะ
โยม: เขาบอกว่าเป็นแบบนี้มานานแล้วทุกที พยายามไหว้พระสวดมนต์เป็นมรรคเป็นผลแก่ตนเอง ตามที่หลวงตาสอนอยู่ แต่ไม่อยากให้มันเกิดอาการที่เรียกว่า ตัวเองพูดโกหก และคนอื่นเขาก็จะได้ยินด้วย
หลวงตา: เวลามันเกิดให้มันเกิด เรื่องมันเกิดเราก็เคยพูดแล้วว่า กิเลสเกิด ธรรมเกิด นี่เราอยู่บนภูเขา ถึงเวลาลงมาบิณฑบาตในหมู่บ้าน กำหนดดู ถ้านานกว่านี้จะเดินบิณฑบาตไม่ถึงหมู่บ้าน เลยเอาเสียวันนี้ละ กำหนดออกไป พอไปถึงกลางทาง ไปก้าวไม่ออก นี่ยังไม่ถึงหมู่บ้าน พักนั่งอยู่กลางทาง นี่กิเลสเกิดนะ ก็เคยเล่าให้ฟังแล้ว นี่ท่านพยายามทำความเพียรจะฆ่ากิเลสให้ตาย แต่กิเลสยังไม่ตาย ท่านกำลังจะตายเวลานี้รู้ไหม นั่นเรียกว่ากิเลสเกิดหักเราไม่ให้เราเข้มแข็ง ให้อ่อนแอตามมัน พอมันดับลงไปปั๊บ กิเลสดับ ธรรมขึ้นเลย นี่ละเรียกว่ากิเลสเกิดเกิดที่ใจ เพราะกิเลสกับธรรมอยู่ที่ใจ เวลาโอกาสของกิเลสมีมาก มันจะมีแต่กิเลสหลอกเรื่อยๆ เวลาธรรมมีมาก ตีกิเลสเรื่อย ทีนี้พอมันพูดอย่างนั้นจบลงไป ว่าอดอาหารเพื่อจะฆ่ากิเลสให้ตาย แต่เวลานี้กิเลสยังไม่ตาย ท่านกำลังจะตายรู้ไหม ทางนี้มันก็ขึ้นรับกันปุ๊บ นี่ธรรมเกิด การกินนี้กินมาตั้งแต่วันเกิด ไม่เห็นวิเศษวิโสอะไร อดเพียงเท่านี้จะตายหรือ เอ้าตายก็ตาย นั่นเห็นไหม พุ่งเลย ไม่ฟังเสียงกิเลสหลอก นี่ละกิเลสเกิด แล้วธรรมเกิด เกิดอย่างนี้แหละ
(กลุ่มงานวิสัญญีพยาบาล โรงพยาบาลสกลนคร ขอเมตตาเครื่องมือทางการแพทย์ดังต่อไปนี้ ๑) เครื่องติดตามสัญญาณชีพ ในระหว่างการดมยาสลบ จำนวน ๘ เครื่อง ราคาเครื่องละ ๓๒๕,๐๐๐ บาท เป็นเงินจำนวน ๒,๖๐๐,๐๐๐ บาทถ้วน ๒) เครื่องช่วยหายใจขณะดมยาสลบ ๑ เครื่อง ราคาเครื่องละ ๓๗๐,๐๐๐ บาท ๓) เครื่องนึ่งฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ด้วยไอน้ำ...รวมทั้งสิ้น ๖,๔๗๐,๐๐๐ บาท) โรงพยาบาลจังหวัดสกลนครไม่เคยได้ขออะไรเราให้หมดเลย เงินมีในกระเป๋าก็จริงแต่ไม่มีคุณ เมื่อแยกออกมาแล้วมีคุณเป็นลำดับลำดา เพราะฉะนั้นเราจึงเอาออกมาอย่างนี้ตลอดแต่ไหนแต่ไรมา เราไม่เคยเก็บ มีเท่าไรก็เพื่อประโยชน์แก่โลกๆ เก็บไว้ไม่เกิดประโยชน์ นำออกไปปั๊บเกิดประโยชน์ปุ๊บๆ
โยม อันนี้เกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขพระราชบัญญัติเงินตรา เพื่อให้อำนาจแบงก์ชาติล้วงบัญชีของคลังหลวงมาใช้อย่างสะดวกคล่องคอนั้น ได้มีสื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตถึงความมีพิรุธ ของขบวนการล้วงบัญชีคลังหลวงดังกล่าว คือ ตามที่กระทรวงการคลังได้นำเสนอร่างพระราชบัญญัติเงินตรา เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๐ และได้รับอนุมัติเพื่อนำเสนอสภาต่อไปนั้น อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา นายฉลองภพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กลับกล่าวว่าไม่เห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัติเงินตรา ที่ตนเองเสนอให้ตราเป็นกฎหมาย
โดยหนังสือพิมพ์ข่าววุ่น ฉบับวันที่ ๒๕ กันยายน ได้เสนอข่าวว่า นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับมาตรา ๓๔/๓ ตามพระราชบัญญัติเงินตรา ที่ให้อำนาจแบงก์ชาติสามารถใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปลงทุนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น จากเดิมที่ลงทุนไม่ได้ โดยคาดว่าจะเสนอให้แก้ไขมาตราดังกล่าว นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังกล่าวว่า ตามมาตรา ๓๔/๓ ได้ระบุให้นำเงินทุนสำรองไปหาผลประโยชน์ในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น หรือทำสวอปได้ ซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ดังนั้นหากเกิดการขาดทุน จากการนำทุนสำรองไปหาผลประโยชน์ ผู้ว่าการแห่งประเทศไทยต้องรับผิดชอบ และสมควรถูกปลดออกจากตำแหน่ง
การที่กระทรวงการคลังออกมาคัดค้านร่างพระราชบัญญัติเงินตรา ที่จะล้วงบัญชีคลังหลวงออกมาใช้ ทั้งๆ ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้รับผิดชอบ สื่อมวลชนจึงตั้งข้อเสนอตั้งข้อสังเกตถึงความมีพิรุธในการแก้ไขกฎหมาย เพื่อล้วงบัญชีคลังหลวงออกมาใช้ อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนทั้งไทยรัฐและผู้จัดการได้เสนอข่าวในเช้านี้ว่า นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยกรณีที่ยังไม่สามารถพิจารณาแก้ไขพระราชบัญญัติเงินตราได้ทัน ในวันที่ ๔ ตุลา สาเหตุหนึ่งเนื่องจากเหลือสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติผู้สนับสนุนน้อยลง ทั้งนี้เนื่องจากวันที่ ๔ ตุลา ยังมีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติอยู่ พระสงฆ์ที่ติดตามเรื่องจึงยังคอยฟังข่าวอย่างใกล้ชิด ในบริเวณใกล้เคียงรัฐสภา และมีฆราวาสจำนวนหนึ่งสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ นอกรั้วรัฐสภา
หลวงตา เรื่องนี้พระของเราฝ่ายศาสนาฝ่ายพระ เฉพาะอย่างยิ่งวัดป่าบ้านตาดได้เข้าไปแทรกแซงอยู่นั้น เพื่อดูหาเหตุผลหลักความจริงเป็นยังไงๆ จะเอามาพูดให้เราฟังพูดง่ายๆ เราพิจารณาเรียบร้อยแล้วควรจะพูดยังไงไม่พูดยังไงก็เป็นเรื่องของเรา พระเราเข้าไปอยู่ในนั้นมีนะ แล้วเรื่องนี้ลงเอยยังไง ที่ว่าพระเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่นั้น
โยม อ๋อ พระก็คงยังติดตามอยู่ค่ะ
หลวงตา ยังติดตามอยู่เหรอ เรื่องนี้ก็ไปจากเรานั่นละ ก็เรามันเป็นหัวใจของชาติว่าไง มาทำสุ่มสี่สุ่มห้ากับเราไม่ได้ ทำอีลุ่ยฉุยแฉกไม่ได้ เกือบเป็นเกือบตายการช่วยชาติของเรา ไม่ใช่ธรรมดา เราบวชมาเราไม่เคยสนใจว่าจะช่วยชาติบ้านเมืองประเภทดังที่ช่วยอยู่เวลานี้นะ ก็ได้หลวมตัวเข้ามาช่วยแล้ว เมื่อช่วยแล้วเป็นยังไงก็ต้องฟัดกันเข้าใจไหม จึงเรียกว่าช่วยจึงเรียกว่านักสู้ซี สู้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เราเสียหายที่ตรงไหน หลักธรรมวินัยไม่ขัดข้อง อะไรที่ขัดต่อธรรมวินัยไม่เล่นด้วย กลับตัวทันทีเลย อะไรที่เป็นทางเดินตามธรรมวินัยและถูกต้องแม่นยำเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมแล้วเอา เอาตรงนั้นๆ นะ
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ |