คาถาดับไฟนรก
วันที่ 7 มีนาคม 2550 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐

คาถาดับไฟนรก

         อยู่หนองผือเวลาว่างๆ เรามันเป็นนิสัยอย่างนี้ด้วย ชอบจะสอดจะแทรกถามนั้นถามนี้อยู่เรื่อยๆ ต้องระวังนะ ไม่ระวังมันจะเป็นลิงตัวอยู่วัดอุดรสมพร คือพวกเขาขายน้ำร้อนน้ำอะไรต่ออะไร เขาไปรับประทานที่วัดอุดมสมพร แล้วก็มีลิงตัวหนึ่งขี่คอเขาไป วัดอุดมสมพรมีแมวตัวหนึ่งใหญ่นะ ตัวยาว มันก็อยู่ตามประสาของมันหน้าศาลา พวกที่ไปขายของเขามีลิงขี่คอเขาไปด้วย พอไปถึงนั้นแล้วเขาก็ขึ้นไปรับประทานอาหาร เขาปล่อยลิงลง ลิงก็ขึ้นต้นไม้ มันเห็นแมว แมวตัวนั้นมันเชื่อง ลักษณะแมวก็เป็นอย่างนั้น หมอบเฉย

ลิงมันก็แบบลิงว่างั้นเถอะ ไปก็ด้อมทางนั้นด้อมทางนี้ อยากเล่น มันเป็นสัตว์อะไรคงว่างั้น ด้อมทางนั้นแล้วด้อมทางนี้ แมวก็เฉย ใกล้เข้าไปๆ ทางแมวก็ยังเฉยอยู่ มันเข้าไปข้างหลังจะจับหาง ค่อยๆ จับเบาๆ แมวมันก็เฉย ลิงก็เล่นนั้นเล่นนี้เหมือนระวังอยู่ ทางแมวก็ยังเฉย จับหางเบาๆ ก็เฉยๆ ก็เลยไปทางหน้าไปลูบจมูกมันละซี มันก็ใส่แม้วทีเดียวฟาดใส่หน้า มันตบมันกางเล็บใช่ไหม ทางนี้ก็ก้อกๆ วิ่งขึ้นต้นไม้ เจ็บด้วยแมวมันตบแรง เพราะเล็บมันก็เหมือนเล็บเสือนั่นแหละเล็บแมว ลิงก็ร้องก้อกๆ อยู่ข้างบน ทั้งเจ็บทั้งเคียดแค้น

แมวพอตบลิงแล้วมันก็วิ่งไปใต้ถุนออกไปทางโน้น ลิงก็ร้องก้อกๆ คือทั้งเจ็บทั้งเคียดแค้น ทั้งผูกแค้นผูกโกรธเหมือนว่าผูกกรรมผูกเวรแหละ จากนั้นก็ลงจากต้นไม้จะไปแก้ลำกัน เรียกว่าแก้แค้น มันเดินไปข้างหลัง แมวก็หมอบของมัน พอผ่านเข้าไปใกล้ๆ ก็ไปจับหางแมวกระตุก แมวก็ร้องแม้วแล้ววิ่ง ทางนี้ก็ขึ้นต้นไม้ คงว่านี่เห็นไหมกูแก้แค้นมึงได้แล้ว ความหมายว่างั้น แต่มันไม่ได้เจ็บนะแมว พอลิงจับหางกระตุกแมวก็ร้องแม้ว ลิงก็โดดขึ้นต้นไม้ คงว่ากูแก้แค้นมึงได้แล้ว

ไม่ระวังมันจะเหมือนลิงเราว่างั้น กับพ่อแม่ครูจารย์มั่นมันหากมี ถามสอดทางนั้นแทรกทางนี้ เพื่อหาความรู้แปลกๆ ต่างๆ กับท่าน แต่ต้องระวังเหมือนแมวกับลิงก็แล้วกัน เข้าใจไหมล่ะ แมวมันเชื่อง ไอ้ลิงมันลิง จับนู้นจับนี้พอไปจับโดนจมูกมันก็ตบเอาหลงทิศไปเลย อันนี้เราต้องระวัง เวลามีโอกาสท่านเล่าให้ฟัง เรื่องขบขันก็คือเวลาบวชเป็นเณร ท่านว่าพวกเณรใหญ่เณรเล็กเณรน้อยติดกันไป เวลาจะฉันนี้ต้องเณรใหญ่ ท่านเล่าท่านเฉยนะ เรามันจะตาย ท่านเล่านี่เฉย ให้เณรใหญ่เสกปฏิสังขา เป่าคำข้าวแล้วก็ยื่นให้เณรองค์สุดท้าย เพราะพวกนี้ยังไม่ได้ปฏิสังขา เรียนปฏิสังขายังไม่จบ ต้องให้เณรใหญ่ผู้เรียนจบแล้วเสกปฏิสังขา เสกเป่าแล้วก็ยื่นให้ๆ ไม่อย่างนั้นไฟนรกเผา ท่านว่างั้น

นี่เพื่อดับไฟนรก ท่านเล่าให้ฟัง ก่อนจะกินต้องได้เสกปฏิสังขาเสียก่อน ถ้าใครยังเสกยังเป่าไม่ได้ก็ให้เณรที่เป็นหัวหน้าที่ใหญ่กว่าเพื่อนปฏิสังขาแล้ว เสกเป่าแล้วยื่นมาให้ๆ พวกเณรนี้ก็เอาไปต่อเลย เพื่อดับไฟนรก ท่านพูดเฉยนะแต่เรามันจะตาย นี่เรียกปฏิสังขา พิจารณาก่อนจะขบจะฉัน ปฏิสงฺขา โยนิโส ปิณฺฑปาตํ ปฏิเสวามิ, เนว ทฺวาย น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย, ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ฐิติยา ยาปนาย วิหึสุปรติยา พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย. อิติปุราณญฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ นวญฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามิ, ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสติ อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จาติ. นี่ปฏิสังขา เราก็ยังได้อยู่ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ค่อยกลัวไฟนรก เราได้คาถาดับไฟนรก

พวกเณรใหญ่ละเสกเป่าแล้วก็ยื่นคำข้าวไปให้เณรสุดท้าย พวกนี้ยังไม่ได้ปฏิสังขา เวลาฉันลงไปแล้วไฟนรกจะเผาหัวอกมัน ท่านว่า เวลาได้อันนี้ไปแล้วก็ใช้ดับไฟนรก ท่านเล่าให้ฟัง ท่านเล่าเฉยๆ นะท่านไม่ค่อยหัวเราะ แต่เรามันจะตายซี ท่านเมตตาดีนะ เราก็ต้องระวังแบบแมวกับลิงนั่นละ ไม่งั้นถูกตบหน้าจะว่าไง เราถามท่านเรื่องนั้นเรื่องนี้ ได้อุบายต่างๆ ไม่มีใครกล้าถามท่านง่ายๆ หนา ก็มีแต่เรานี่ละ มันหากมีอุบายวิธีการที่จะเข้า เข้าวิธีนั้นเข้าวิธีนี้ มีแต่เราละ พวกพระทั้งหลายก็จะคอยได้ฟังจากเราแหละเป็นผู้สอดผู้แทรกถามนั้นถามนี้เรื่อยไป ท่านก็ค่อยเล่าไป เราถามไประวังไปด้วยนะ ไม่ใช่จะถามสุ่มสี่สุ่มห้า ถามไประวังไป ท่านก็เล่าไปให้ฟัง

เวลาเทศน์ก็เหมือนกัน ถ้าเราไปนี้ได้ฟังจนได้แหละฟังเทศน์ หากมีเรื่องนั้นเรื่องนี้ สอดนั้นสอดนี้ บางทีไปโดนท่านท่านก็เอ๊ะขึ้นมา ไม่ใช่ท่านว่างั้น นั่นละธรรมะจะเริ่มออกแล้วนั่น ไม่ใช่ แล้วท่านก็ตอบปึ๋งออกมา ทีนี้ก็เริ่มเรื่อย ได้ฟังเทศน์จนได้ เพราะฉะนั้นท่านอาจารย์หลุยท่านจึง...ก็เรากับท่านอาจารย์หลุยสนิทกันมากนี่นะ เราเดินจงกรมอยู่ในป่าตอนกลางคืน วันนั้นเราจะไม่ไปหาท่าน คือคืนที่ผ่านมาเราไปแล้ว วันหลังมานี้ไม่ได้ไป ทีนี้ท่านอาจารย์หลุยท่านอยากไป ท่านก็เลยถามว่าเราอยู่ไหน ไปหาที่กุฏิไม่เห็น นู่นอยู่ทางจงกรมในป่า ท่านก็เดินกุบกับๆ เข้าไปกลางคืนนะ ฟังเสียงกุบกับๆ

แต่เราคิดนี่เราคิดเกี่ยวกับเรื่องพ่อแม่ครูจารย์นะ หรือท่านเป็นอะไรนา พระเณรส่วนมากจะต้องมาหาเรา หรือท่านเป็นอะไร เสียงเดินใส่รองเท้ามืดๆ โครมครามๆ เข้าไป พอไปใกล้ๆ ทางจงกรม เรายืนอยู่นี่ ใครมานี่เราว่า ผมเอง ท่านว่างั้น พอท่านรู้จากเสียงว่าถูกองค์แล้ว ท่านก็คว้าแขนเราจับแขนจูงเลยเทียว จะเอาไปไหน ไปฟังเทศน์ละซี อ้าวเมื่อคืนนี้ผมไปแล้ว ท่านอาจารย์ทำไมไม่ไป ก็อย่างนั้นละซี ผมไม่ได้ไปเมื่อคืนนี้ แล้วไปแต่ท่านอาจารย์ไม่ได้เหรอ โอ๋ย ไม่ได้เดี๋ยวถูกท่านเขกเอา แล้วก็จูงแขนออกมาเลย จนมาถึงที่โล่งถึงค่อยเดินตามหลังท่านไป ท่านอาจารย์หลุยนิสัยท่านอย่างนั้น จับแขนเราจูงออกมาเลยจากทางจงกรม ไปก็แหย่เรื่องนั้นเรื่องนี้ ได้ฟังจนได้นั่นแหละถ้าเราไป หากมี ได้ฟังจนได้นั่นแหละ

พอลงมาแล้ว นั่นเห็นไหมล่ะ ไปแต่ผมนี่ถูกท่านเขกเอาแล้ว ท่านมหาไปด้วยฟังเทศน์วันนี้จุใจ ท่านว่างั้น สำหรับเราไม่ค่อยมีอะไรกับพ่อแม่ครูจารย์ ขึ้นเมื่อไรได้ทั้งนั้นเรา องค์อื่นจะขึ้นได้ง่ายๆ เหรอ ไม่ได้นะ สำหรับเราขึ้นเมื่อไรได้ขึ้นหาท่าน มันหากมีจังหวะจะพอเหมาะสมที่ท่านไม่ดุ ไม่เคยดุนะ เราไปเวลาไหนท่านอยู่เงียบๆ องค์เดียว ปั๊บขึ้นเลย ท่านก็ไม่ว่าอะไร องค์เหล่านั้นไม่ได้นะ พระกลัวมากที่สุดเลย เรื่องเราอยากได้ความรู้แปลกๆ ต่างๆ ก็เวลาไปหาท่านโดยเฉพาะ กราบเรียนถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ซอกแซกซิกแซ็ก คอยฟังไปๆ แต่ท่านเมตตาอยู่นะกับเรา ท่านไม่เคยดุ ไปหาท่านเมื่อไรไปได้ อยู่องค์เดียวก็ขึ้นไปเลย องค์อื่นไม่ได้นะ ต้องระวัง ไม่มีใครกล้าแหละ ก็มีแต่เราองค์เดียวเข้านอกออกในได้ ท่านก็ไม่ดุนะ เราก็เข้าในจังหวะไม่ดุนั่นแหละ อย่าไปเข้าแบบลิงจับจมูกแมวก็แล้วกัน เดี๋ยวมันตบเอา

จอมปราชญ์ในสมัยปัจจุบันคือพ่อแม่ครูจารย์มั่น ฉลาดแหลมคมมากทีเดียว เพราะฉะนั้นการเข้าหาท่าน จะพูดจาพาทีเรื่องอะไรต่ออะไรต้องระวัง ไม่งั้นถูกสับเอาหลงทิศไปละ แต่เราไม่เคยถูกนะ ก็ได้ฟังจากเรานั่นแหละส่วนมาก ไม่ใช่โม้คุยนะ ส่วนมากถ้าเราไปได้ฟังแหละ หากมีสอดนู้นแทรกนี้ สอดไปสอดมาผิดบ้างถูกบ้าง เดี๋ยวท่านก็เอาออกมาละ เปรี้ยงออกมา ได้ฟังละที่นี่ฟังเทศน์ท่าน กลางคืนเงียบๆ แต่ก่อนไม่มีฆราวาสนะ มีแต่พระล้วนๆ  อยู่หนองผือก็ไม่มี เพราะทางรถไม่มี ต้องเดินด้วยเท้า ใครจะไปจากพรรณานี้ขึ้นล้อขึ้นเกวียนก็มี เดินไปก็มี เพราะไม่มีรถคนจึงไม่ไปหาท่านได้อย่างง่ายดาย ท่านอยู่สบายๆ

เวลาท่านเทศน์ โถ ฟังซิว่าจิตเรามันดับอยู่ถึงสามวัน เราไม่ลืม ดับพรึบเลย ความรู้รู้อยู่แต่ว่าภายนอกดับหมดเลย ไม่รับทราบอะไร ทราบแต่จิตที่มันดับลงไปแล้วมันสว่างไสวอยู่ในนั้น ดับถึงสามวัน เราไม่ลืมนะฟังเทศน์ท่าน เทศน์ของท่านเอาออกมาจากหัวใจล้วนๆ คือท่านทรงไว้หมดแล้ว ออกตรงไหนปั๊บๆๆๆ ออกเลยๆ ท่านไม่ได้ไปหาคว้าทางนู้นคว้าทางนี้ในตำรับตำรา พูดแล้วยกมือไหว้ สำหรับท่านเองออกจากนี้เลย ออกจากนี้

         เพราะฉะนั้นเวลาท่านมรณภาพแล้ว แหม เหมือนฟ้าดินถล่มนะ ลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายนี้วิ่งวุ่นหาครูหาอาจารย์ เพราะต้นโพธิ์ใหญ่โค่นล้มลง รู้สึกว่าว้าเหว่มากทีเดียว ตอนพ่อแม่ครูจารย์มั่นมรณภาพ เหมือนฟ้าดินถล่มในวงกรรมฐานเรา เพราะร่มโพธิ์ร่มไทรอยู่ที่นั่นแห่งเดียว ตอนนั้นก็เป็นตอนที่จิตของเรากำลังหมุนติ้วๆ เสียด้วย หมุนทั้งวันทั้งคืน ท่านก็ป่วยหนักทางธาตุทางขันธ์ เราก็หนักทางด้านจิตใจระหว่างกิเลสกับธรรมฟัดกันอยู่บนหัวใจ บางคืนไม่นอนตลอดรุ่ง มันเป็นของมันเอง มันไม่ยอมนอน มันฟัดกันอยู่อย่างนั้น

นั่นละที่ว่าธรรมแก้กิเลส เมื่อถึงกาลเวลาธรรมมีกำลังมากแล้วนี้แก้กิเลสโดยอัตโนมัติ เช่นเดียวกับกิเลสเวลามันมีกำลังมากมันเหยียบอยู่บนหัวใจสัตว์เหยียบย่ำไปมาอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน คิดยิบแย็บออกมา ตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัสสัมพันธ์อะไรกิเลสออกแล้วๆๆ ธรรมไม่ได้ออก นั่นเวลากิเลสมีกำลังกล้าเป็นอย่างนั้น แต่ทีนี้เวลาเราบำเพ็ญธรรมไปธรรมมีกำลังกล้าแล้วเช่นเดียวกันอีก อยู่ที่ไหนมีแต่ธรรมฟัดกิเลส อยู่เฉยๆ ไม่อยู่ แม้ที่สุดฉันจังหันอยู่นี้มันไม่ได้สนใจกับอาหารการกินนะ จิตของมันหมุน มันฟัดกันอยู่ภายใน

พอเข้าทางจงกรมลืมเวล่ำเวลา เอาความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจนจะก้าวขาไม่ออก นั่นละเป็นเครื่องตัดสินใจว่าหยุดเดินจงกรม ไม่งั้นมันเพลิน มันลืมเวล่ำเวลาไปหมด มันฟัดกันอยู่ภายในจนกระทั่งก้าวขาไม่ออก เออ เอาละที่นี่ เหนื่อยมากแล้วก็ไปพัก เวลาธรรมะฆ่ากิเลสด้วยความมีกำลังของตนแล้วฆ่าเป็นอัตโนมัติ อยู่ที่ไหนฆ่าตลอดเวลา เหมือนกิเลสทำลายสัตว์โลกด้วยกำลังวังชาของมัน อะไรปั๊บนี้กิเลสออกก่อนๆๆ ทีนี้เวลาธรรมะมีกำลังแล้วธรรมะออกตลอดเลย แย็บทางไหนธรรมะออกแล้วๆ

จำให้ดีนะ ถอดออกมาจากหัวใจนะนี่ เราปฏิบัติเป็นอย่างนั้น ลงทางจงกรมแล้วลืมจนจะก้าวขาไม่ออก นั่นละเป็นเครื่องตัดสินกัน หยุด คือมันจะก้าวขาไม่ออก  ถ้าลงลงทางจงกรมมันลืม มันหมุนอยู่ภายในไม่ได้ออกข้างนอก ตานี่ฝ้าฟาง บางทีเดินเข้าป่าโครมครามๆ คือจิตไม่ออก มันก็เลยตาฝ้าตาฟาง เดินซุ่มซ่ามๆ เดี๋ยวโครมครามเข้าป่า คือจิตมันหมุนของมันอยู่อย่างนั้น

ที่ว่าพระโสณะท่านประกอบความเพียรจนฝ่าเท้าแตก แต่ก่อนเราก็เห็นในตำรา จะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็ขอนซุงอย่างว่า  เอาแน่กับมันไม่ได้ พอไปถึงขั้นนี้แล้วมันรับกันเลยนะ ว่าท่านเดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตก จะไม่แตกได้ยังไง พอก้าวลงทางจงกรมนี้ไม่ได้สนใจกับเวล่ำเวลานะ หมุนกันตลอด แต่อยู่เฉยๆ มันก็หมุนของมันแล้ว ยิ่งขึ้นเวทีด้วยแล้วมันจะหยุดได้ยังไง หมุนติ้วๆ จนกระทั่งจะก้าวขาไม่ออก

เรียกว่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามากแล้ว หยุด ฝ่าเท้านี้ออกร้อนเหมือนไฟลนนะ จนได้มาดูฝ่าเท้าเจ้าของ ไม่ลืมนี่นะ ฝ่าเท้านี่มันแตกเหรอ มันเป็นยังไงถึงพิลึกพิลั่นนัก ครั้นมาดูมันไม่แตก แต่เวลามาลูบอย่างนี้ไม่ได้นะ พอมาลูบมันเสียว เจ็บ นี่มันกำลังหนังบางๆ มันจะเข้าถึงเนื้อ มันกัดเข้าไปๆ บางเข้าไปๆ ที่พระโสณะท่านว่าเดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตกแตกอย่างนี้แหละ คือมันกัดเข้าไปๆ จนกระทั่งถึงเนื้อ

อันนี้เรายังไม่ถึงนั้นหากเป็นพยานได้ ฝ่าเท้านี่เหมือนไฟลน ออกร้อน เหอ ฝ่าเท้าแตกเหรอ มาดูฝ่าเท้า เอ๊ก็ไม่แตกน้า พอลูบคลำนี้มันเสียว มันจะทะลุถึงเนื้อ แต่ยังไม่แตก พูดชัดๆ กิเลสแตกเสียก่อน ถ้ากิเลสไม่แตกจะแตกแน่ๆ ฝ่าเท้า แล้วก็เชื่อทันทีเชื่อพระโสณะท่านเดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตก คือระหว่างธรรมกับจิตหมุนกันตลอดเวลา ไม่สนใจกับความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอะไร จนจะก้าวขาไม่ออกถึงจะหยุด คือจิตไม่ออก มันหมุนอยู่ภายในตลอดเลย

นี่ก็ยังไม่ฝ่าเท้าแตกเป็นแต่เพียงออกร้อนมาก เวลามาลูบคลำๆ มันเสียว ถ้านานกว่านี้ไปแตก คือมันจะทะลุถึงเนื้อ พอทะลุถึงเนื้อเรียกว่าฝ่าเท้าแตก จะให้มันแตกอย่างนี้ไม่แตก คือมันกัดเข้าไปๆ บางเข้าไปๆ ถึงเนื้อแล้วก็เรียกว่าฝ่าเท้าแตก นี่เชื่อทันทีเชื่อพระโสณะ ก็เรามันเป็นอย่างนั้น อย่างหนึ่งก็ตั้งแต่ว่ามันจะทะลุถึงเนื้อวันไหน ถ้าหากว่ากิเลสไม่พังก่อนแล้วทะลุแน่นอน แต่นี้กิเลสมันพังแล้วความเพียรมันก็ถอยของมัน เป็นปรกติธรรมดาต่อไป เป็นอย่างนั้นนะ

เรื่องความเพียรเมื่อถึงกาลเวลาที่ธรรมมีกำลังแล้วจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ มันจะหมุนเป็นธรรมจักรๆ ตลอดเวลา แต่เวลากิเลสมีกำลังมากนี้จูงเข้าไปทางจงกรมเหมือนจูงหมาใส่ฝนละ ร้องแหง็กๆ มันไม่อยากเข้า แต่เวลาธรรมมีกำลังกล้าแล้วหมุนติ้วตลอดเลย ให้พากันจำเอา พูดเหล่านี้ถอดออกมาจากหัวใจที่เจ้าของประกอบมาแล้วทั้งนั้น ไม่ได้มาพูดเล่นๆ นั่นละความเพียรท่านผู้ทรงมรรคทรงผลท่านเป็นอย่างนั้น

พอฉันจังหันแล้วเข้าทางจงกรมก็เงียบเลยเอาเลย จิตกับสติหมุนกันอยู่ตลอดเวลา แล้วกิเลสมันจะยกกองทัพภูเขามาจากไหนมันจึงจะไม่พังด้วยอำนาจของความเพียรล่ะ มันพังจนได้นั่นละ ความเพียรไม่ถอยๆ เดี๋ยวกิเลสก็พังไม่มีเหลือ เวลามีกำลังแล้วถอยไม่ได้ความเพียร มีแต่จะหมุน นิพพานอยู่ชั่วเอื้อมๆๆ ตลอดเวลา นั่นละท่านบำเพ็ญมรรคผลนิพพาน มันอยู่กับทุกคน สำหรับธรรมะพระพุทธเจ้าตรัสไว้ชอบแล้ว ไม่หลอกลวงโลก ตรัสไว้อย่างตรงแน่วทีเดียว ขอให้ปฏิบัติตามนั้นเถิด ถึงขั้นเป็นเป็นอย่างที่ว่าแหละ

อย่างที่ว่าพระโสณะฝ่าเท้าแตก ไม่แตกยังไงมันหมุนตลอดเวลา ถึงความเพียรกล้าแล้วหมุนตลอดเวลา นอนก็ไม่หลับ นอนกลางคืนนี้มันไม่นอน จิตมันหมุนของมันอยู่นั้น สุดท้ายก็ลุกขึ้นนั่ง นั่งก็ฟัดกันเลยแล้วก็สว่างเป็นวันใหม่ วันนี้ไม่หลับ กลางวันมันยังจะไม่หลับอีก มันจะตายแล้วนะนี่ นี่ละเรียกว่าความเพียรกล้า กล้าขนาดนั้น ไม่รู้จักหยุดจักหย่อน ถ้ากิเลสไม่พังเสียเมื่อไร เหมือนว่านิพพานอยู่ชั่วเอื้อมๆๆ ตลอดเวลา แล้วสุดท้ายก็ผ่านได้ไม่สงสัย ความเพียรถึงขั้นนี้แล้วไม่ต้องบอก ความเพียรกล้านี่ถึงขั้นนี้แล้วหมุนไปเองๆ ตลอดเวลา ได้รั้งเอาไว้ๆ รั้งให้หลับให้นอน ให้เข้าสมาธิอยู่สงบ ต้องได้บังคับเต็มเหนี่ยว บางทีต้องเอาพุทโธมาบังคับ เอาพุทโธ บริกรรมพุทโธถี่ยิบให้อยู่กับพุทโธคำเดียว ถ้าออกนี่ปั๊บมันจะออกทางด้านปัญญา

เพราะปัญญามันผาดโผนโจนทะยานมาก ต้องรั้งเอาไว้ด้วยสมาธิ โดยจะกำหนดธรรมบทใดก็ตาม พุทโธก็ได้ ธัมโมก็ได้ สติจับติดอยู่นั้นไม่ให้ออก แล้วจิตก็สงบแน่วลงไป พอเรารามือสักหน่อยนี้ปัญญาออกแล้วนะ มันจะพุ่งของมัน นั่นละท่านประกอบความเพียร องค์นั้นสำเร็จอยู่ในเขาลูกนั้นในป่านั้น ก็สำเร็จด้วยวิธีนี้แหละ ท่านไม่หยุดไม่ถอย เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านั้นก็พอหอมปากหอมคอ  พูดธรรมะให้ฟัง เรื่องธรรมะพระพุทธเจ้าคือตลาดแห่งมรรคผลนิพพาน ให้จำเอาไว้ ไม่มีคำว่าครึว่าล้าสมัย มีแต่กิเลสนั่นแหละตัวล้ำยุคล้ำสมัยมันเหยียบธรรมให้ก้าวขาเพื่อความเพียรไม่ออก จะให้พร

 

รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตาที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุเสียงธรรม FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก