เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๐
โลกหาความสุขได้ยาก
ใครๆ ก็ร่ำลือว่าหลวงตาบัวเป็นพระอรหันต์ เราไม่เห็นเป็นบ้ากับใคร ทำให้ถึงที่สุดของจิตแล้วหายสงสัยหมด ไม่ตื่นไม่เต้นกับอะไร ความสรรเสริญเยินยอ ความติฉินนินทา มีน้ำหนักเท่ากัน จะยกอันไหน อิฐก้อนนี้น้ำหนัก ๑๐ กิโล ทองคำมีน้ำหนัก ๑๐ กิโล จะยกอันไหน ให้เรายกไม่ยก ทั้งสองหนักด้วยกัน แน่ะ ความสรรเสริญมีน้ำหนักเท่ากัน ธรรมชาตินั้นไม่หนัก ไม่ได้ยกด้วย อันหนึ่งยกแทบเป็นแทบตาย ทองคำน้ำหนัก ๑๐ กิโลยกแทบตาย อิฐก้อนนี้ ๑๐ กิโลยกน้ำหนักเท่ากัน ให้เลือกเอา ไม่เลือก ไม่ยกไม่หนัก นินทามาก็ไม่หนัก สรรเสริญมาก็ไม่หนัก เพราะไม่ยกไม่ติด พอแล้วเรื่องหัวใจดวงนั้น นั่นละจิตพระพุทธเจ้า จิตพระอรหันต์ เป็นจิตประเภทนั้นแหละ พอทุกอย่าง จะเอาอะไรมาเพิ่มก็ไม่มีอะไรเลิศยิ่งกว่านั้น เข้าไม่ติด
ขอให้พากันทำเถอะ จิตนี้ไม่มีเพศหญิงเพศชาย อยู่กับการฝึกอบรมตัวเอง ถ้าไม่ฝึก จะชื่อเป็นเทวดา ชื่อจรวดดาวเทียม ก็มีแต่ชื่อไม่เกิดประโยชน์อะไร ถ้าฝึกแล้วอยู่ที่ไหนดีหมด ก็เราฝึกให้ดี จิตใจเป็นของฝึกได้ จิตใจกับธรรมสมควรแก่กันอย่างยิ่งทีเดียว ธรรมกับใจเข้าถึงกันแล้วเจริญๆ ถ้ากิเลสเข้าไปแล้วเหยียบลงๆ ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ สนใจ ทางโลกทางสงสารก็ต้องหมุนไปเพื่อธาตุเพื่อขันธ์ ความเป็นอยู่ปูวาย ทางด้านจิตใจยิ่งแล้วไม่มีที่พึ่งที่เกาะ ทางร่างกายจิตใจไปแอบแฝงนิดหน่อยว่าเรามีอันนั้นๆ ภูมิใจนิดๆ ถ้าเป็นอัตสมบัติคือธรรมสมบัติภายในจิตใจ อยู่ไหนสบายหมด ไม่ขึ้นอยู่กับความมีความจน ธรรมชาตินี้คำว่าจนไม่มี สมบูรณ์แบบ นั่น
พุทธศาสนาคือตลาดแห่งมรรคผลนิพพาน บุญกุศลอยู่นั้นหมด ให้พากันฝึกฝนอบรมนะใจ อยู่ประเทศไหนๆ ก็คือ สพฺเพ สตฺตา อันว่าสัตว์ทั้งหลายเหมือนกันหมด ความทุกข์ความสุขอยู่ด้วยกัน มีอยู่กับทุกคนไม่มีอะไรบกพร่อง ความทุกข์ไม่บกพร่อง ความสุขจะมีบ้างเล็กๆ น้อยๆ ถ้าสุขกับสมบัติอะไรนี้ก็ประเดี๋ยวประด๋าวๆ ถ้าความสุขด้วยธรรมแล้วไม่เป็นอย่างนั้น อยู่ไหนสบายหมด
ท่านจึงให้อบรมจิต ถ้าอบรมจิตแล้วอยู่ที่ไหนสบาย ไม่ขึ้นอยู่กับความมีความจน มีอยู่นี้สบายอยู่นี้ อยู่ที่ไหนก็สบายหมดจิตอันนี้ ไม่พรากจากกันกับธรรม สิ่งเหล่านั้นพรากได้ ได้มาตอนนี้เสียไปตอนนั้น ดีใจตอนนี้เสียใจตอนนั้น แทรกกันอยู่อย่างนั้น ถ้าธรรมในใจแล้วไม่มีอะไรมาแทรก ยิ่งใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วเรียกว่าธรรมธาตุ ธรรมธาตุเต็มส่วนอยู่ในขันธ์นั่น ท่านเรียกว่าพระอรหันต์ ให้ชื่ออย่างหนึ่งขึ้นมา ธรรมธาตุครองขันธ์อยู่นั้น ท่านไม่วิตกวิจารณ์กับอะไร สมบูรณ์แบบตลอด ความเป็นความตายมีน้ำหนักเท่ากัน
ถ้าธรรมดาแล้วท่านมักจะไปแหละ พอเห็นธาตุขันธ์ไม่เป็นท่าแล้วก็ปล่อยเลย พอปล่อยปั๊บหมดสมมุติ สมมุติมีอยู่ในขันธ์ รับผิดชอบเท่านี้ พอลมหายใจขาดลงเท่านั้นอันนี้ก็หมดความหมาย ธรรมชาตินั้นสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องมารับผิดชอบ ให้ฟื้นฟูธรรมขึ้นสู่หัวใจ บ้านเมืองเราจะมีความสงบนะ โลกทั้งโลกเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้กันมันเจริญที่ไหน เจริญด้วยฟืนด้วยไฟ กัดฉีกกันกินเป็นเถ้าเป็นถ่าน รบกันที่นั่นฆ่ากันที่นี่เพื่อหาความสุข มันมีแต่หาความทุกข์ทั้งนั้น ฆ่าเขาตายคนหนึ่งเท่ากับฆ่าเราตายคนหนึ่ง เขาเจ็บเท่านั้นเราเจ็บเท่านี้ เท่ากันๆ เพราะฉะนั้นท่านจึงไม่ให้เบียดเบียนทำลายกัน เพราะเป็นการทำลายตัวเอง เช่นเดียวกับการทำลายคนอื่น ท่านสอนไว้อย่างนั้นธรรม
เราจะเห็นได้ชัดเจนจิตที่บริสุทธิ์เต็มส่วนแล้วไม่มีอะไรกับอะไรเลย ในโลกไม่มีสมมุติไม่มี จะเบียดเบียนอิจฉาอะไรใครเท่าเม็ดหินเม็ดทรายไม่มี สมบูรณ์แบบ เต็มไปด้วยความเมตตาสงสารโลกเท่านั้นเอง ให้พากันตั้งใจอบรมจิตใจบ้าง การวิ่งเต้นขวนขวายในเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ต่างคนต่างดิ้นต่างดีดอยู่แล้ว การขวนขวายอรรถธรรมเข้าสู่ใจนี้มีน้อยมาก เพราะฉะนั้นโลกจึงหาความสุขได้ยาก ถ้ามีธรรมในใจมีมากมีน้อยมีความสุขนะ เอาเท่านั้นละ พูดเท่านั้นพอ จะให้พร
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz |