เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๙
อย่าวุ่นเรื่องโลกเกินไป
ข้างในก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาภาวนา อย่ามาวุ่นเรื่องโลกเกินไป เมื่อคืนวานก็เห็นเปิดไฟดูเรื่องของเขาทางกรุงเทพ เห็นเปิดไฟจ้า เรามาถามดูเกี่ยวกับเรื่องม็อบ มาดูอะไร ที่คุณสนธิพูดเราก็ไม่ทราบนะ จะมาปรึกษาหารือกับเราหรือขออนุญาตจากเราไม่มี เมื่อคืนวานนี้นะ เห็นมาเปิดจ้าอยู่นี้ เรามาถามดูว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับม็อบๆ แม็บๆ ว่างั้น เห็นเปิดไฟอยู่ มาเปิดขึ้นมาในกลางวัด
ถ้าเป็นเรื่องธรรมล้วนๆ ไม่มีปัญหา แต่เรื่องโลกล้วนๆ เข้ามาอยู่ในวัด เฉพาะอย่างยิ่งวัดกรรมฐาน ควรจะปรึกษาหารือกับเรา คือต้องขออนุญาต จากปรึกษาหารือแล้วขออนุญาตจากเราแล้วค่อยเอามาตั้งตรงนี้ เพราะเป็นเรื่องโลกล้วนๆ ไม่ได้มีเรื่องธรรมใช่ไหมล่ะ ไม่มีเรื่องธรรม พระเอามาไว้ในวัดขัดข้อง ผิด พระไปเกี่ยวข้องผิด นี่วัดป่าบ้านตาดก็ผิดมาแล้ว เราก็อนุโลม เรื่องมันเป็นไปแล้วนี่ เรามาเห็นมันเปิดอยู่แล้วโดยที่เราไม่ทราบเลย นี่ละมันค่อยลุกลามเข้ามาอย่างนี้ เราก็อนุโลม ก็เฉยไปเลย มาดู ๔ ทุ่มยังเปิดกันอยู่
เมื่อค่ำวานนี้ตอน ๖ โมงเย็น เห็นคนเพ่นพ่านๆ เข้ามานี้ เป็นเวลาเราด้อมออก เราจะออกไปดูข้างนอก ๖ โมงเห็นคนเพ่นพ่านๆ เลยถาม มาอะไรกัน ไม่กล้าตอบเรา เรายังไม่คิดถึงเรื่องที่เขาจะมาดูอันนี้ซ้ำอีกนะ เขาจะมาซ้ำของเขาอีก เราดุเอา แล้วเราก็ออกไปข้างนอก พอกลับเข้ามาเห็นคนมาเพ่นพ่าน มันมาอะไรกันอีก มาทราบว่าเขาจะมาซ้ำอันนี้ของเขาอีก ทีนี้เอาละนะ บอกให้เลิก ปิดทันที เห็นไหมล่ะ เพราะมันโลกล้วนๆ นี่นะมายุ่มย่ามอะไร
คนที่มาทำนี้อย่างน้อยต้องปรึกษาหารือเรา มากกว่านั้นมาขออนุญาตจากเราถึงถูก นี่ผิดทั้งสองด้านเลย มาปรึกษาหารือก็ไม่ปรึกษา มาขออนุญาตก็ไม่ขอ แต่มาเห็นเพ่นพ่านๆ อยู่ตามศาลานี่ คนเต็ม นี้เป็นยังไงผิดหรือไม่ผิด ท่านทั้งหลายที่มาอยู่กันเต็มศาลา ได้คิดบ้างหรือเปล่า มันผิดอย่างนี้ละ มันยุ่มย่ามๆ เข้ามาโดยไม่รู้ตัวเลย ต้องคิดทุกอย่างไม่คิดไม่ได้
ข้างในมันมากต่อมากคนเต็มอยู่นั้น มาภาวนาหรือมาโม้มาคุย หรือมายกโทษยกกรณ์กัน ข้างในนั้นน่ะ เรานานๆ ก็ด้อมๆ เข้าไป นี่ก็ไม่ได้ไปหลายวันแล้ว ตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพนี้ยังไม่ได้เข้าไปเลยข้างใน เพราะงานเราข้างนอกยุ่งตลอด เราจะเข้าไปเวลาว่างประมาณบ่ายๆ นั่นแหละ ๔ โมงบ้างอะไรบ้าง เข้าไปก็เพียงผ่านๆ เฉยๆ ใครอยู่ที่ไหนต้องอยู่เพื่อบำเพ็ญธรรมนะ ไม่ว่าทางด้านโน้นด้านนี้อยู่ในเขตของวัดนี้ ให้ตั้งใจปฏิบัติกัน
พูดให้เต็มสัดเต็มส่วน ผู้หญิงนิสัยวอกแวกคลอนแคลนมากกว่าผู้หญิงที่เชื่องๆ เราไม่ได้ยกโทษ เราเกิดกับผู้หญิง แม่เราเป็นผู้หญิงเราเกิดมา อยู่มานานแล้ว ผู้หญิงนิสัยอ่อนแอ มักโยกคลอนเร็ว เดี๋ยวโยกทางโน้นเดี๋ยวคลอนทางนี้ เดี๋ยวยุแบบนั้น เดี๋ยวยุแบบนี้ ส่วนมากเป็น ผู้ชายไม่ค่อยเป็น เราไม่ได้ยกว่าผู้ชายไม่ได้เป็น เป็นเหมือนกันแต่มีส่วนน้อยมาก ผู้ชายหนักแน่นกว่าผู้หญิง ผู้หญิงนี้มีอ่อนแอโยกคลอนได้ง่าย มักมีเรื่องยุ่งมากกว่าผู้ชาย แต่ไม่ได้ออกรัฐบาล รัฐบาลมีแต่ผู้ชายทั้งนั้น พวกตัวเป้งๆ ตัวสำคัญ กินบ้านกินเมืองก็พวกนี้แหละพวกรัฐบาล
เราตำหนิผู้หญิงนี้ ผู้หญิงอยู่บ้านนอกคอกนาธรรมดาเขาไม่ได้มีเสียหายอะไร อย่างมากเขาก็เห่าใส่กันว้อแว้ๆ เท่านั้น อันนั้นมันไม่ได้เห่า มันกัดกินตับกินปอดของคนทั้งประเทศ นี่ผู้ชายนะ ส่วนมากต่อมากผู้ชายอยู่ในวงรัฐบาล ร้ายแรงมากผู้ชาย เราอย่าไปชมผู้ชายทีเดียวอย่างนั้นอย่างนี้ นี่หมายถึงชมทั่วๆ ไป แต่จุดใหญ่เป็นยังไง ผู้ชายละตัวสำคัญ เราต้องแยกแยะซิ อย่าให้โยกคลอน หูเบาใจเบา มองดูแต่เรื่องของคนอื่นไม่มองดูเรื่องของเจ้าของ จากนั้นมาก็เกิดเรื่องแหละ ซุบๆ ซิบๆ มีตั้งแต่เรื่องหมากัดกัน ไม่ใช่เรื่องอรรถเรื่องธรรมนี่เสีย มักมีอยู่มากกว่าผู้ชาย
เฉพาะในวัดนี้เราปกครอง ในพระนี่ไม่มี พระที่จะให้เรายุ่งอย่างนี้ไม่มี ประการหนึ่งมันเด็ดต่างกัน กับพระนี่เด็ดแบบหนึ่ง กับทางฝ่ายครัวเป็นผู้หญิง ถ้าจะตีแรงมันก็จะตาย ตีเปี๊ยะๆ แป๊ะๆ ไปอย่างนั้นละ ทางพระทางผู้ชายไม่ได้ตีตูมเลย ถ้าเอาแล้วตูมเลย ควรไล่หนีไล่หนีทันทีเลยพระ เด็ดต่างกัน แล้วพระก็เรียบอยู่ตลอด ไม่ว่าข้อวัตรปฏิบัติทุกสิ่งทุกอย่าง ต่างองค์ต่างทำหน้าที่ของตนแล้วเข้าที่ภาวนาเงียบๆ พระนะ แต่โน้นไม่ได้เงียบอย่างนั้น มันเงียบแบบหนึ่งแล้วไปขึ้นอีกแบบหนึ่งอยู่ข้างใน ผิดกันนะ เราเป็นผู้ปกครองดู
การเก็บความรู้สึกนี้ ถ้าเป็นหลักใหญ่ที่เหมาะสมถูกต้องก็คือว่า ผู้ใหญ่ต้องเป็นผู้เก็บความรู้สึกไว้ได้มากที่สุด ไม่ได้ยิบแย็บออกมาง่ายๆ เหมือนผู้น้อย อะไรๆ รับทราบๆ เก็บไว้ๆ ทั้งหมด ผู้ใหญ่ต้องเป็นอย่างนั้น จะเป็นวอกแวกคลอนแคลนเหมือนผู้น้อยไม่ได้ เราได้เห็นชัดเจนในเวลาเราปกครอง เหตุการณ์นั้นแหละเป็นเครื่องพร่ำสอนเราเองในตัว เราพร่ำสอนพวกลูกศิษย์ลูกหา แต่เหตุการณ์ต่างๆ ก็มาพร่ำสอนเรา เข้าใจไหม ให้เราเก็บสิ่งนั้นมาเก็บสิ่งนี้มาพินิจพิจารณาบวกลบคูณหารดู ไม่ใช่มาฟังเฉยๆ นะ พิจารณา สมควรจะออกแง่ไหนมุมใดแล้วออกๆ ไปอย่างนั้นแหละ
เพราะฉะนั้นอยู่ข้างในนั้นให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติภาวนา อย่าไปมองดูโทษคนนั้นคนนี้ อย่ามองดีกว่า ให้มองดูโทษของหัวใจตัวเอง มันจะออกตรงนั้นละก่อนเพื่อน ออกที่หัวใจเรา มันคิดเรื่องนั้น แล้วส่อดูคนนั้นดูคนนี้ นินทาคนนั้นนินทาคนนี้ ส่วนจะสรรเสริญคนนั้นคนนี้ไม่ค่อยมี มีแต่เรื่องนินทากันซึ่งเป็นเรื่องไม่ดีทั้งนั้น สำหรับผู้มาบำเพ็ญธรรมไม่ดีเลย อย่านำมาใช้ ให้ดูตัวเองเป็นสำคัญมาก การปฏิบัติต้องดูตัวเอง มหาเหตุอยู่ที่หัวใจของทุกคน เรามาภาวนาให้ดูหัวใจเรา นั่นละดูถูกจุด แล้วระงับดับกันลงได้ที่ตรงนั้นๆ ถ้าดูภายนอกมันเหมือนไฟได้เชื้อ ลุกลามไปเรื่อยๆ ถ้าดูภายในใจแล้วดับ
การแนะนำสั่งสอนพระเราก็ไม่ค่อยได้สอนเวลานี้ รู้สึกว่าพระห่างเหินต่ออรรถธรรมจากครูบาอาจารย์อยู่มากตั้งแต่อายุเรา ๘๐ ปีมาเราหยุด แต่ก่อนติดแนบมาเลย การสั่งสอนไม่ลดไม่ละ พออายุ ๘๐ แล้วก็ปล่อย มาขึ้นใหม่ก็ตอนชาติบ้านเมืองนี่แหละ ไม่เช่นนั้นก็จะไปเรื่อยๆ แต่นี้ตอนชาติบ้านเมืองมาขึ้น เราออกเป็นผู้นำเลยพลิกใหม่เป็นนักเทศน์ไปเลยที่นี่ ทีนี้กลายเป็นนักเทศน์แล้ว เทศน์ทั่วประเทศไทยจะว่าไง ก็เลยหนักไปอีกแบบหนึ่ง เลยห่างเหินในการแนะนำสั่งสอนพระ
เช่นจะประชุมพระ อบรมสั่งสอนพระโดยเฉพาะเดี๋ยวนี้ ตั้งแต่อายุ ๘๐ ปีมาแล้วไม่ค่อยมี นอกจากมีวันสำคัญวันเข้าพรรษา ออกพรรษาไม่ค่อยได้เทศน์ วันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญ อบรมทุกปีถ้าวันเข้าพรรษา วันนั้นเป็นวันมีโอกาสอบรมพระเณร ธรรมดาที่เราจะเรียกประชุมกันให้อบรมไม่ค่อยมีแล้วเดี๋ยวนี้ แต่ก่อนบอก วันไหนจะประชุมบอก ห่างกันอย่างนั้นละ พระก็ได้อาศัยฟังเทปบ้างอะไรบ้าง แล้วฟังเราพูดเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ ได้เห็นอยู่ตลอด การเห็นก็เป็นอาจารย์อันหนึ่งสอน เป็นการเตือนอันหนึ่ง อย่างเราเห็นครูบาอาจารย์ มันหากเป็นอยู่ในจิตของใครของเรานั้นแหละ เป็นการเตือนอยู่ในตัว เมื่อได้เห็นครูบาอาจารย์อยู่เรื่อยๆ ถึงท่านไม่เทศน์ก็ตาม ทางสายตาก็บอกการพร่ำสอนในตัวเอง ได้ระมัดระวังอยู่ตลอด
เดี๋ยวนี้การสอนพระห่างเหินมากละทุกวันนี้ พระก็หลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ จะทำไง ที่ก็จำกัดสำหรับพระ รับได้เพียง ๕๐ องค์ในวัดนี้ มากกว่านั้นเหลือเฟือ ที่พักที่อยู่ไม่สะดวก ถี่กันเข้าไป การประกอบความเพียรไม่สะดวก ต้องให้อยู่ในที่เหมาะสมๆ ทางด้านนี้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นจึงไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง เข้าไปยุ่งไม่ได้ เขียนแล้วห้ามเข้านั่น เป็นทำเลของพระภาวนา ส่วนในครัวไม่ได้ติดประกาศ เห็นแต่หน้าวัดว่า สถานที่ปฏิบัติธรรม ไม่มีกิจห้ามเข้า เขียนไว้นั้น แต่ข้างในเขียนกันว่ายังไงก็ไม่รู้นะ เปิดโล่งตลอดเวลาเรื่องหมากัดกัน ไม่ได้เขียนไว้บ้างหรือ หือ เรื่องหมากัดกันไม่ได้ติดไว้ตามที่ครัวและทางแยกไหนๆ เปิดโล่งตลอดเวลาเรื่องหมากัดกัน เราไม่ได้เขียนไปให้ส่งไปให้เท่านั้นเรื่องหมากัดกัน มันไม่ใช่เรื่องบำเพ็ญธรรม
ให้ตั้งใจปฏิบัตินะ อย่าวอกแวกคลอนแคลนเกินไป ผู้หญิงส่วนมากจิตใจอ่อนแอวอกแวกคลอนแคลน ปกครองถ้าว่ายากแต่ไม่ยากใหญ่ ยากยิบๆ แย็บๆ เหมือนปกครองเด็ก เข้าใจไหม ปกครองผู้หญิงเหมือนปกครองเด็ก คล้ายกันนั่นแหละ ปกครองผู้ชายเหมือนปกครองผู้ใหญ่ มันหนักเข้าไปเป็นลำดับลำดา เราเลยกลายเป็นนักปกครองอยู่ในตัว แต่ละเอียดลออไม่มีใครทราบ นี่พิจารณาหมดเลย อย่างวงรัฐบงรัฐบาลเขาก็ว่าปกครองเขา แต่ก็ไม่พ้นที่เราจะไปสอดแทรกอยู่ในนั้น เรื่องราวเข้าไปทุกซอกทุกมุม แล้วเก็บไว้ๆ เฉย นอกจากถึงกาลอันควรที่จะออกแล้วก็ออกเอง
การปกครองสำคัญที่ปกครองใจตัวเอง ให้ปกครองใจตัวเองทุกคนๆ ถ้าต่างคนต่างปกครองใจตัวเองด้วยสติ ระมัดระวังความคิดความปรุงที่เป็นกิเลสอยู่เสมอแล้ว เรื่องเหล่านี้จะไม่ออก แล้วภายในของเราจะค่อยสงบลงไปๆ นี่ละการประกอบความเพียรท่านประกอบกันอย่างนั้น วันนี้ก็พูดเพียงเท่านี้ละ ต่อไปนี้จะให้พร
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |