นิมนต์พระไปฉัน
วันที่ 13 กรกฎาคม. 2548 เวลา 8:15 น.
สถานที่ : ศาลา สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม

เมื่อเช้าวันที่ ๑๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

นิมนต์พระไปฉัน

 

ก่อนจังหัน

มาเยี่ยมพี่น้องทั้งหลายแต่ละครั้งๆ นี่โกยเงินไปเป็นล้านๆๆ นะ โกยเงินไปจากพี่น้องทั้งหลายเป็นล้านๆๆ ก็กระจายออกไปทั่วประเทศ โกยออกจากนี้ไปกระจายทั่วประเทศ มาแต่ละครั้งๆ นี่เงินน้อยเมื่อไร ขนไป ขนไปแล้วเอาไปไหน กระจายไปหมดเลย อย่างนั้นแหละเราไม่เอา บาทเดียวเราก็ไม่เอา ทุกอย่างมันท่วมท้นอยู่แล้ว ผู้ที่อดอยากขาดแคลนมีมาก เพราะฉะนั้นพอได้ปั๊บออกปุ๊บๆๆ หมดตลอดๆ อย่างนั้นละ ได้มาเท่าไรหมด นี่ละช่วยโลกเราช่วยอย่างนั้น

         เมื่อมาเห็นสิ่งที่ขัดข้องต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ของเรา เราจึงกระเทือนใจมากนะ เพราะเราช่วย เราอุ้มจริงๆ ช่วยจริงๆ เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่มีที่ต้องติตัวเอง เลย ที่ช่วยเราช่วยจริงๆ แล้วมาเห็นทำลายต่อหน้าต่อตา แหม มันดูไม่ได้นะ เพราะฉะนั้นควรว่าก็ว่าเอาบ้างซิ คนหนึ่งหามาแทบล้มแทบตาย คนหนึ่งเอาไฟมาเผา มันเข้ากันได้ยังไง ก็ว่าเอาบ้างซิ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่ในความรับผิดชอบด้วยกัน เช่นอย่างวงรัฐบาลก็ครอบไปหมดแล้ว ทางนี้ก็เข้าในจุดเดียวกัน อันนี้เพื่อส่งเสริม แล้วอันใดๆ มาแยกแยะให้เห็นว่าเป็นการทำลายก็ว่าเอาบ้างซิ จะไม่ว่ายังไง เพราะเป็นความรับผิดชอบด้วยกัน

         นี้ละเรื่องภาษาธรรมเหนือโลกตลอด พูดได้ทุกอย่าง ผิดถูกชั่วดีประการใดพูดได้ทุกอย่างๆ ไม่มีสะทกสะท้านกับสิ่งใด เพราะเป็นความถูกต้องแล้ว ควรติติได้ทันที ควรชมชมได้ นี่เรียกว่าภาษาธรรม ธรรมสอนโลกต้องสอนอย่างนั้น โลกมันสกปรก ธรรมสะอาดเอามาชะล้างของสกปรก นั่น เราว่าโลกสกปรกเขาก็มาตำหนิเรานะ ดีไม่ดี ยังจะไปเข้าข่ายเข้าเข่ยอะไรไปหาวงราชการรัฐบาลเข้าไป เอ้าว่ามา นั่นเรา อะไรจะสะอาดยิ่งกว่าธรรม ของสกปรกอะไรจะเกินโลก ว่าอย่างนี้เรา เราพูดอย่างนี้ผิดไปไหน พระพุทธเจ้าสอนโลกก็สอนอย่างนี้นี่นะ จะให้เราว่าไงอีก เงียบเลย อ้าวเอามาซิ

         ธรรมผิดที่ไหน สอนให้ดียังกลับมาต่อสู้ เอามูตรเอาคูถมาโปะธรรม ธรรมเป็นของสะอาด มูตรคูถสกปรก มันจะรับได้ยังไง ก็ปัดกลับคืนตีหน้าเจ้าของนั่นแหละ ไม่ไปตีใคร นี้จริงๆ เราไม่เคยมีอะไรกับโลก เราสอนโลกทุกอย่างด้วยความเมตตาล้วนๆ ยังจะมาหาเรื่องหาราวกับเราอีก มันพิลึกกึกกือ มันหมดราคา มันบัดซบพอแล้วนะมันถึงมาตำหนิธรรม คนเราเรียกว่าเป็นคนบัดซบ หมดค่าหมดราคาแล้ว มูตรคูถเขายังเป็นปุ๋ยเอาไปใส่ต้นไม้อะไรยังงอกงามขึ้น ไอ้มูตรคูถในหัวใจคนมันเลวมากนะ

         สอนแทบล้มแทบตายนะ ช่วยเต็มกำลังความสามารถ ดีดดิ้นมาเท่าไรได้ ๗ ปีนี้เราได้หยุดได้อยู่เมื่อไร เราเอาอะไรสักชิ้นหนึ่งเราไม่เอานี่นะ เราช่วยโลกทั้งนั้น แล้วไม่มีคุณค่าบ้างเหรอ พิจารณาซิน่ะ อย่างที่มาเหล่านี้เหมือนกัน เราไม่ได้มาเพื่อเราแม้นิดหนึ่งเราไม่มี เรามาเพื่อโลกทั้งนั้นแหละ โลกมันเดือดร้อนวุ่นวาย เราหมุนเพื่อใคร เราก็หมุนเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของเราทั้งนั้น เราไม่ได้หมุนเพื่อเรา เราพูดจริงๆ เม็ดหินเม็ดทรายเราไม่มี เราวางหมดปล่อยหมด มีแต่ช่วยโลกโดยถ่ายเดียวเท่านั้น

         เราหมุนทุกวันนี้หมุนเพื่อโลกนั่นเอง ไปไหนมาไหนเพื่อโลกทั้งนั้น ไม่ได้เพื่อเรา เราพอทุกอย่างแล้ว หัวใจเราเราก็พูดแล้วนี่น่ะจ้าครอบโลกธาตุ อะไรจะเลิศยิ่งกว่าอันนั้นพอที่จะเอาไปเพิ่มไปเติม มันเลิศพอแล้ว พูดให้มันชัดอย่างนี้ซิ ธรรมต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา เลวบอกว่าเลว ดีบอกว่าดี ใครจะว่าอะไรไม่สนใจกับใคร ธรรมไม่สนใจกับใครๆ ไม่อย่างนั้นไม่เรียกว่าธรรม ต้องเป็นตัวของตัวร้อยเปอร์เซ็นต์เรียกว่าธรรม นี่พูดอย่างนี้มันก็ออกทั่วประเทศ พูดนี้ออกไปหมด ออกทั่วประเทศ พูดเพื่อประโยชน์แก่โลก เสร็จแล้วให้พร

 

หลังจังหัน

         การนิมนต์พระไปฉันที่นั่นที่นี่ เราสั่งไว้เลยตั้งแต่เริ่มสร้างวัดทีแรก เพราะมันยุ่งกับการขบการฉัน การขบฉัน เช่นจากวัดป่าบ้านตาดไปอุดรฯ เราตั้งนาฬิกาดู อย่างน้อย ๓ ชั่วโมงทั้งไปทั้งกลับมาถึงวัด นี่อย่างน้อยนะ มากกว่านั้นปรกติมันมักจะ ๔ ชั่วโมง วันละ ๔ ชั่วโมง พระสละเวลาเพื่อการขบการฉันวันละสามสี่ชั่วโมงๆ ไม่ได้นะ มันขัดกับพระปฏิบัติ เราสั่งเสียแต่ต้นเลย ขออย่าได้มานิมนต์พระวัดป่าบ้านตาดไปฉันที่นั่นที่นี่ เราบอกเลย แล้วชี้แจงเหตุผลให้ทราบ พระเหล่านี้ท่านมุ่งมาเพื่ออรรถเพื่อธรรมล้วนๆ อย่าให้ท่านกังวลในการอยู่การกินกับประชาชนญาติโยมมากไปเลย ขัดกับการปฏิบัติของพระผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรม เราว่างั้น จึงขอบิณฑบาตผ่านทั้งหมดเลย

หากว่ามีความจำเป็นจริงๆ เป็นกรณีพิเศษแล้ว เอา เราจะจัดให้เอง ถ้าเป็นกรณีพิเศษ คือไม่ได้ตรงไปทีเดียวนะ มีข้อแม้เอาไว้สำหรับความจำเป็น ถ้ามีความจำเป็นจริงๆ เราจัดให้ทั้งวัดเลย จะเอากี่องค์จัดให้เลย เป็นความจำเป็นด้วยเหตุผล มีเท่านั้น ไม่ให้ซ้ำกัน นอกจากนั้นก็ให้พระท่านฉันสบายๆ ตอนเช้าบิณฑบาตมาขบฉันเดินจงกรม บิณฑบาตกลับมาก็เดินจงกรมกลับมา ฉันเสร็จแล้วเข้าป่าๆ ท่านชำระจิตใจของท่านท่านทำอย่างนั้น

ทีนี้ไปฉันโน้นไปฉันนี้กว่าจะกลับมาวันหนึ่งอย่างน้อย ๓ ชั่วโมง เราตั้งนาฬิกาดูแล้ว จึงขอบิณฑบาตในอุดรฯ ทั้งหมด ขออย่าได้มานิมนต์พระในวัดป่าบ้านตาดไปฉันบ้านนั้นบ้านนี้เลย ให้ท่านมาเต็มตามความมุ่งหมายของท่านที่มุ่งอรรถมุ่งธรรม พระในวัดนี้ไม่มีน้อยๆ ฝรั่งมีตั้งแต่ต้นมาแล้วพระฝรั่งก็ดี พระไทยก็เต็ม มาทุกภาคมาเต็มอยู่ในวัด ท่านมามุ่งอรรถมุ่งธรรม ท่านไม่ได้มุ่งมายุ่งเหยิงวุ่นวายอย่างนี้ มันขัดต่อความตั้งอกตั้งใจของท่าน จึงขอบิณฑบาตผ่าน เพราะฉะนั้นวัดป่าบ้านตาดจึงไม่ได้รับนิมนต์ไปฉันที่ไหนเลยตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ นอกจากเป็นกรณีพิเศษแล้วเราจัดให้เองๆ ไม่ให้ซ้ำกัน ไม่เช่นนั้นเลอะเทอะหมด..วัด

เราพยายามรักษาวัดไว้อย่างนั้นตั้งแต่ต้นเลยไม่ให้เลอะเทอะ วัดไหนจะไปฉันที่ไหนๆ ก็ตาม วัดนี้ขอ..เราบอกอย่างนั้นเลย เพราะเป็นที่รวมของพระที่มุ่งอรรถมุ่งธรรมอย่างยิ่งจากภาคต่างๆ ทั่วประเทศไทย มารวมที่นี่ทั้งหมดเพื่อธรรม จะแยกท่านไปฉันโน้นฉันนี้เลยผิดความมุ่งหมาย อรรถธรรมไม่ได้เรื่องได้ราว เพราะฉะนั้นวัดป่าบ้านตาดจึงไม่ได้รับไปฉันในที่ต่างๆ ตลอดมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ไม่ไป เราพยายามรักษาพระนะ

การปฏิบัตินี่เข้มงวดกวดขันตลอดมา อย่างที่ช่วยชาติบ้านเมืองพระเณรได้อ่อนแอลงเมื่อไร ถึงเวลาจำเป็นเราก็ขอท่านมาช่วยเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็ปัดเข้าไปที่เก่าๆ ที่ทำความเพียร งานของท่านคือเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาที่เป็นงานของพระ ท่านมาหาเรา เราจะสั่งอะไรเสียอะไรท่านก็ต้องปฏิบัติตามเรา ทีนี้เราเป็นผู้รับผิดชอบก็ต้องพิจารณาผลได้ผลเสียกับพระทั้งหลายที่มา ด้วยเหตุนี้เองเพื่อความมุ่งมั่นของท่านนั้นได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย จึงไม่รับนิมนต์ไปฉันที่นั่นที่นี่ตลอดมานะจนกระทั่งทุกวันนี้ ไม่ไปฉัน..วัดป่าบ้านตาด

เว้นแต่มีข้อแม้ จำเป็นจริงๆ เราจัดให้เองไม่ยากอะไร แต่ไม่ให้ซ้ำซาก เท่านั้นละ นอกจากนั้นให้เป็นปรกติ พระท่านเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาทั้งวันทั้งคืน ท่านชำระจิตใจของท่านเพื่อความผ่องใสของใจ จะได้เห็นอรรถเห็นธรรมเห็นความสว่างไสว เห็นความสุขความเจริญจากพุทธศาสนาโดยทางจิตตภาวนาอย่างแท้จริง วัดนี้จึงเข้มงวดกวดขันตลอดมา ไม่ให้อ่อนนะ ถึงจะช่วยบ้านช่วยเมืองเราก็ไปเฉพาะเราๆ หากมีความจำเป็นที่จะให้ท่านช่วยเหลือบ้างเล็กน้อย ก็ขอท่านมาช่วยระยะเดียวแล้วก็ปัดกลับคืนที่ทำงานของท่านตามเดิม

ที่ทำงานของท่านคือสถานที่เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา พระวัดนี้เป็นอย่างนั้นตลอดมานะ ไม่มีจะมาเพ่นพ่าน ไม่ได้นะเรา อย่างศาลา..กลางวันนี้ก็เห็นองค์สององค์ที่มารักษาศาลา นอกนั้นไม่ออกมา ท่านทำความเพียรอยู่โน้นทั้งหมดเลย นอกจากเวลาปัดกวาดทำความสะอาด ข้อวัตรปฏิบัติเป็นความสามัคคี ท่านจะพร้อมกันหมดเลย พรึบๆๆ เต็มวัดเลยละ จากนั้นแล้วเงียบเลย เป็นอย่างนี้ตลอดมา เราไม่ให้เคลื่อนคลาดเรื่องข้อวัตรปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพาน ไม่ให้หย่อนยาน ปฏิบัติอย่างนี้เรื่อยมา เพราะท่านเหล่านั้นมาก็มาเพื่อรับโอวาทฟังเสียงอรรถเสียงธรรมจากเรา เราจะสั่งเสียท่านไปที่ไหนก็ได้

สั่งสุ่มสี่สุ่มห้าก็ไม่ได้ซิ เราเป็นหัวหน้า ต้องได้คิดได้อ่านเพื่อพระทั้งหลายที่มา ทุกภาคเลยในเมืองไทยเราอยู่นั้นเป็นประจำ นอกจากนั้นพระเมืองนอกเมืองนาก็มาเต็ม ท่านมุ่งมามุ่งอรรถมุ่งธรรมทั้งนั้น เราจึงได้เล็งธรรมเป็นสำคัญยิ่งกว่าอื่น การงานอะไรไม่จำเป็นไม่ให้พระมายุ่งนะ เรารักษาเพื่ออรรถเพื่อธรรม เพราะเราเห็นธรรมเป็นของเลิศเลอสุดยอดแล้ว ในโลกนี้ไม่มีอะไรเสมอธรรม ขอให้ธรรมได้สง่าขึ้นภายในใจมันจะลบไปหมดทุกอย่างเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ว่ามีราค่ำมีราคามีอะไรๆ นี้จะลบไปหมด เพราะธรรมเหนือกว่าทุกอย่างมันลบของมันเองๆ ไปโดยลำดับ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องได้สอนเพื่ออรรถเพื่อธรรม ให้เห็นความสำคัญของใจ

ใจนี้ละเป็นผู้ที่จะครอบครองมหาสมบัติอัศจรรย์อยู่ที่ใจ ให้บำเพ็ญรักษาจิตให้ดีพี่น้องทั้งหลาย สิ่งเหล่านั้นวุ่นกันทั้งโลกทั้งสงสาร เห็นใครเอาความสุขมาอวดกันมีไหม ไม่มีนะ ทั่วโลกมีแต่โลกวุ่นวาย สกปรกรกรุงรังอยู่ในโลกนี้หมด ธรรมสะอาดสุดยอดๆ ท่านจึงต้องได้ปฏิบัติต่อธรรมเพื่อนำธรรมะที่สะอาดมาสอนโลก โลกมันวุ่นวาย ถ้าไม่มีธรรมเป็นน้ำชะล้างแล้วไม่ได้ละ ไม่มีความสะอาด ความสกปรกคือความทุกข์อันหนึ่ง ความสะอาดมากน้อยความสุขก็ปรากฏขึ้นมา เพราะฉะนั้นจึงต้องได้ชำระจิตใจซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่จะรับความทุกข์และความสุข อยู่ที่ใจทั้งนั้น

ใจนี้ดีดดิ้นเท่าไรความทุกข์ทั้งหมดจะมารวมอยู่ที่หัวใจหมด แบกหมดโลกอันนี้ ใจเป็นผู้แบกทุกข์ดวงเดียวเท่านี้ ต่างคนต่างแบก ทีนี้เวลาชำระใจให้สะอาดสะอ้าน สิ่งรกรุงรังหนักหน่วงทั้งหลายนั้นค่อยลดลงไปๆ จางไปๆ จิตค่อยเด่นขึ้นๆ สง่างามขึ้นมา เมื่อจิตสง่างามอยู่ที่ไหนสบายหมด สำคัญที่จิตสง่างาม จัดแจงแต่งจิตใจของเราให้ดี เรามีแต่จัดแจงภายนอก โลกอันนี้โลกจัดแจงแต่งภายนอก อันนั้นไม่ดี อันนี้ไม่ดี ยุ่งไปหมดทั้งโลก มีแต่ของไม่ดี ตกแต่งอันนั้น ตกแต่งอันนี้ เพื่อจะมีความสะดวกสบายสวยงามตาเท่านั้นก็เอา ส่วนใจรกขนาดไหนไม่ดู

ใจรกรุงรัง ไม่ตกแต่งไม่ชะล้างเลยนี่เสียตรงนี้ ธรรมจึงต้องชะล้างภายในจิตใจ ทีนี้เวลาชะล้างภายในใจสะอาดสะอ้านแล้ว รู้จักเหตุจักผลความพอดิบพอดีทุกอย่างเลย นั่นละใจ ประมวลความรู้จักประมาณทุกอย่างมาอยู่ที่ใจ ถ้าใจไม่มีประมาณแล้วเลอะเทอะไปหมดนั่นแหละ สำคัญความรู้จักประมาณไม่รู้จักประมาณ คือการดูใจชำระใจ ถ้าใจมีความสงบร่มเย็น ใจจะมีเขตมีแดนมีประมาณของตัวเอง พอดีไม่พอดีจะรู้เองๆ ทุกอย่างก็เลยเรียบๆ ไปตามๆ กัน

การอยู่การกินใช้สอย โลกอันนี้อยู่กินใช้สอยกันทั้งนั้นแหละ แต่ให้อยู่พอประมาณ อย่าให้ดีดให้ดิ้นเลยโลกเลยสงสาร ถ้าว่าได้มาก็จะให้เลยโลกเขา ทุกอย่างให้เลยโลกเขา ถ้าว่าอำนาจก็ให้เลยโลก ทุกอย่างให้เลยโลกเขา แต่เลวเลยโลกเขาไม่ว่านะ มันเลวเลยโลกเขาคนประเภทนั้น ธรรมะจับเข้าไปปั๊บรู้ทันที ที่ว่าเลยโลกเขาไม่เลยโลกเขากับธรรมะที่พอแล้วปัดหมดเลย ไม่มีอะไรเลิศยิ่งกว่าธรรมที่พอแล้วภายในใจ เอาตรงนั้นนะวัดกัน

ใจสะอาดเสียอย่างเดียวสบายหมด ถ้าใจยุ่งเหยิงวุ่นวาย เอาเงินกองเท่าภูเขามา ไปนอนทับกองเงินก็ไปร้องทุกข์อยู่บนกองเงินนั่นละ ความทุกข์อยู่ที่ใจไม่อยู่ที่สมบัติเงินทอง เพราะฉะนั้นขอให้ชำระใจซึ่งเป็นเจ้าของสมบัติทั้งหลายให้ดี การใช้สอยสมบัติต่างๆ ที่มีมานี้จะเป็นผลเป็นประโยชน์เรื่อยไป ไม่เป็นความเสียหายแก่ตนและส่วนรวม เพราะความมีมากมันลืมตัวคนเรา ธรรมะท่านไม่ให้ลืมตัว ให้รู้จักประมาณ การสอนธรรมจึงสอนเข้าสู่ใจ โรงงานใหญ่อยู่ที่ใจของทุกคนๆ จะไปประกอบหน้าที่การงานใดขึ้นจากใจทั้งนั้น ถ้าใจได้รับการอบรมในทางที่ถูกที่ดีแล้วความเหมาะสมจะอยู่ที่ใจ สั่งการสั่งงาน ไม่ว่าสั่งการงานในตัวเอง สั่งการสั่งงานไปภายนอกก็เรียบร้อยดีงามทุกอย่าง

ขอให้พากันหนักแน่นในทางจิตใจนะ ใจนี่เป็นของเลิศเลอสุดยอดแล้ว ถ้าเปิดความสกปรกออกได้ ความสกปรกได้แก่ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง ขี้ราคะตัณหา ขี้สามสี่กองนี้มันบังคับหัวใจ สกปรกที่สุด ทุกข์ที่สุด อยู่ที่ขี้สามกองนี้ส่งเสริม พอเปิดอันนี้ออกๆ แล้วความสะอาดสะอ้านจะขึ้นมาๆ สะดวกสบาย นั่น วันนี้ไม่พูดอะไรมากละให้ท่านทั้งหลายจำเอานะ แล้วหลังจังหันแล้วประมาณสัก ๑๑ โมงครึ่งมังก็จะได้ไปเทศน์ที่ไหน  ไปเทศน์ที่ไหนจำไม่ได้แหละ โยนขึ้นเวทีไหนก็ต่อยเลย ตกเวทีแล้วมาเลย ไม่ได้คำนึงคำนวณว่าเทศน์ที่ไหนๆ

วันนี้ก็แน่ใจว่าจะเทศน์ ดูเหมือนตอนบ่ายสองโมงหรือไง ก่อนนี้ก็ไปแวะ (ศูนย์รามอินทราก่อนครับ) เออ จากนั้นถึงจะไปงานเขา เทศน์แล้วก็กลับมา หลวงตานี้ไม่ว่าง เมื่อวานก็ไปเลี้ยงช้าง ช้างมีจำนวนเท่าไรตัวที่มารออยู่เป็นแถว ให้อิ่มหมดนะ ช้างทั้งหมดอิ่ม (๑๕ ตัวครับ) เออ ๑๕ ตัว มันยืนเป็นแถว เราก็ให้อาหารเป็นแถวเลย อาหารเต็มคันรถ กี่คันก็ไม่รู้นะเมื่อวานนี้ ไปก็เทลงนั้นแล้วเอาออกแจกๆ หมดเลย จากนี้รวมแล้วยังเหลืออีกพอๆ กัน ให้เขาส่งไปทางสวนช้างข้างในทั้งหมด ทางนี้อิ่มพอแล้ว

เวลาช้างอิ่มก็น่าดูนะ เราดูเวลาเขาหิว ทีแรกเอาอะไรให้คว้ามับใส่ปุ๊บๆ อาหารชนิดใดก็ตาม คว้าปั๊บใส่ปุ๊บเลยใส่ปาก ทีนี้พอเต็มที่แล้วอิ่ม พอให้ปั๊บจับปุ๊บวางปุ๊บ ใครยื่นให้เขาเอาทั้งนั้นแหละ พอจับปั๊บวางปุ๊บๆ เขาไม่เอาเข้าปาก พอ ตัวไหนก็เหมือนกัน เขาไม่ปฏิเสธ ยื่นให้ปั๊บเขาก็จับปุ๊บแล้วเอาลงวางๆ เรื่อยไป โอ๊ เขาก็มีมารยาทดีเหมือนกันไม่ปัด ยื่นให้เขาก็จับปั๊บลงวางๆ เป็นแถวเลย เอาละพอ เลยมาเมื่อวานนี้ ก็อย่างนั้นละ เขาจะอิ่มทั้งวันละเมื่อวานนี้เราให้อาหารเขา หมดแล้วนะที่นี่ จะให้พร

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตาได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรมกรุงเทพฯและสถานีวิทยุอุดร

FM103.25MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก