ตกแต่งภายในให้ดี
วันที่ 12 พฤษภาคม 2548 เวลา 8:05 น. ความยาว 42.29 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

ตกแต่งภายในให้ดี

 

ก่อนจังหัน

พูดขบขันเมื่อวานนี้เห็นไหมล่ะ พูดถึงเรื่องจับแมวไม่ได้ แมวจะต้องฟ้องพระให้ติดคุกติดตะรางทั้งหมด ทีนี้พระจับแมวได้แล้วเอาแมวเข้าคุก ขบขันดีนะ ได้แล้ว นู่น ไปอยู่ข้างนอก กุฏินอกๆ นะ พระไปไล่เอาจนได้เมื่อคืนนี้ ๔ ทุ่ม เห็นไหม พระท่านก็กลัวติดคุกเหมือนกันเลยต้องเอาแมวติดคุกก่อน ขบขันดี โฮ้ แมวมันฉลาดยิ่งกว่าอะไร

เรานี้พูดให้ชัดๆ อย่างนี้ละนะ โลกนี่มันสกปรก เข้ามาในวัดในวานี้ดูแล้วดูไม่ได้เลยๆ มันเข้ามาเที่ยวเก้งก้างๆ ไม่ได้หน้าได้หลังอะไรเลย เราสลดสังเวชนะ มองดูๆ นี้ ใครก็มาดูวัดดูวาดูพระดูเณร เหมือนพระเป็นตุ๊กตาเครื่องเล่นของเด็ก พวกนั้นเหมือนเป็นเทวดา ที่จริงพวกนี้พวกเปรต เข้าใจไหมล่ะ มาเก้งก้างๆ แต่งเนื้อแต่งตัวดูไม่ได้เลย เป็นยังไงมนุษย์นี่ ไม่มีบ้างหรือประเพณีหรือขนบประเพณีอันดีงามของมนุษย์ มันมีตั้งแต่พวกสัตว์เดรัจฉานเหรอเข้ามาในวัดป่าบ้านตาดนี่ ให้ทราบกันทั่วประเทศไทยเรานี่ มันเลอะเทอะมากนะเวลานี้ ประชาชนก็แบบประชาชน พระก็แบบพระ ทั้งเขาทั้งเราเหมือนกันหมด จนจะดูไม่ได้ สลดสังเวช

ดุเอาเรื่อยนะ เมื่อวานนี้ก็เอา ตอน ๕ โมงกว่าแล้วเพ่นพ่านๆ เข้ามานี้ ถาม มาอะไร มาเที่ยวเฉยๆ ไล่เดี๋ยวนั้นเลย ขนาดนั้นละมันหน้าด้าน วัดนี้เข้ามาต้องตั้งใจมาหาอรรถหาธรรม ดูเหตุดูผลด้วยดี สมกับว่าธรรมนี้เป็นเครื่องพร่ำสอนโลก กิริยาทุกสิ่งทุกอย่างของพระของเณรในวัดในวาเป็นเครื่องพร่ำสอนโลกทั้งนั้น ถ้าเป็นวัดของศาสดาองค์เอกนะ ถ้าเป็นวัดส้วมวัดถานดังที่เห็นอยู่ทั่วๆ ไปนี้อย่าเอามาพูด นี่เราพูดถึงเรื่องวัดของพระพุทธเจ้าต่างหาก

คนที่เข้ามาเก้งก้างๆ มันเสียวัดของพระพุทธเจ้า ท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านรักท่านสงวนศีลธรรมของท่านขนาดไหน ไอ้นี้มาปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนลืมเนื้อลืมตัว ไม่รู้จักสถานที่บุคคลอะไรเลยนี้มันดูไม่ได้นะ เราได้ดุเรื่อยๆ ตอน ๕ โมงเย็นนี่แหละ เก้งก้างๆ เข้ามา สถานที่นี้เลยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไป ก็พวกเดือน ๙ เดือน ๑๒ เดือน ๙ เดือน ๑๒ คืออะไร หมามันคึกเดือน ๙ เดือน ๑๒ นั่นน่ะ คนนี่มันคึกตลอดเวลา มันคะนองตลอดเวลา ให้ฟังเอาทุกคนๆ มาในวัดในวานี่ อย่าให้สลดสังเวชนะ เราสลดสังเวชมาก นี้ยังมาเพลินอยู่อะไรก็ไม่รู้

ธรรมจับดูมันสลดสังเวช โอ้โห สอนมนุษย์ได้ยังไงธรรม ไม่สมควรแก่มนุษย์พวกหมาเดือน ๙ เดือน ๑๒ อย่างนี้ได้เลย ว่าให้มันชัดๆ อย่างนี้แหละ ให้ไปพิจารณากันบ้างซิพี่น้องทั้งหลาย ยังโอ่อ่าฟู่ฟ่าอยู่เหรอ ไม่รู้เนื้อรู้ตัวบ้างเหรอ อยู่ในกองมูตรกองคูถยังว่าเป็นกองเงินกองทองอยู่เหรอ ให้เอาไปคิดกันบ้างนะ การแต่งเนื้อแต่งตัวนี้สำคัญมาก แต่งล่อนจ้อนล่อนแจ้นจนจะมองเห็นหีเห็นหำ แต่งมาทำไม ไปแก้มันออกอย่างหมาใครเขาก็ไม่สนใจไม่ถือสีถือสา อันนี้มันมนุษย์นั่นซิ ทำแบบนั้นมันดูไม่ได้นะ ให้พิจารณาทุกคน

ธรรมที่สอนออกไปนี้ผิดไหม กับกิริยาที่เป็นมาแล้วได้ถูกพร่ำสอนเวลานี้ อันใดผิดอันใดถูกเอาไปพิจารณาซิ ว่าหลวงตาบัวนี้ดุนี้ด่า พวกเปรตพวกผีมันเป็นอะไร ยกมันเป็นเทวดาเหรอถึงแนะนำไม่ได้ สั่งสอนไม่ได้ มันทุเรศจริงๆ นะ กลางวี่กลางวันเวลาไหนก็ตามจุ้นจ้านๆ แต่พวกสุนัขเดือน ๙ เดือน ๑๒ แต่งตัวแบบสุนัขเดือน ๙ เดือน ๑๒ ทั้งๆ ที่เป็นมนุษย์นะที่มันสลดสังเวช พากันพิจารณาทุกคนนะ เอาละให้พร

เออ แมวตัวที่พูดเมื่อวานนี้ว่าแมวจะฟ้องพระให้ติดคุกติดตะราง เพราะพระพยายามจับแมวแต่ไม่ได้ แมวกลับคืนมาฟ้องพระให้ติดคุกติดตะราง ทีนี้พระจับแมวได้แล้วนะ เอาแมวใส่คุก เอาพระออกจากตะราง เข้าใจเหรอ

 

หลังจังหัน

เวลานี้วิทยุกำลังกระจายออกทั่วไป วิทยุเสียงธรรมเราที่เราเทศน์นี้ออก เดี๋ยวนี้ขยายออกท่วประเทศแล้ว จังหวัดไหนๆ ออก ภาคไหนๆ ออกเดี๋ยวนี้ ภาคอีสานดูเหมือนจะมาก ขยายออกมาจากสวนแสงธรรม ภาคกลาง กรุงเทพ ขยายออก ออกไปทางลพบุรีก็ไป ทางไหนก็ไป

วิสาขบูชาวันที่ ๒๒ นี่ผู้ว่าก็มานิมนต์เราไปเทศน์งานวิสาขบูชาที่อุดร ถามเหตุถามผลแล้วก็บอกเหตุบอกผลทุกอย่างเรียบร้อย ถ้าไปแบบวิสาขะหมากัดกันเราไม่ไป เราบอกตรงๆ เลย พระพุทธเจ้าทรงเกียรติครอบโลกธาตุ จะเอาไปหมากัดกันในวงวิสาขบูชาไม่สมควรอย่างยิ่ง เราไม่ไป เราบอกอย่างนี้เลย ถ้าไปเพื่อความเคารพบูชาสมพระองค์กระเทือนโลกธาตุนี้ เอา ไป แน่ะอย่างนั้นนะ ให้เทศน์ เอา เทศน์ แน่ะอย่างนั้นนะ บอกแล้วบอกกับผู้ว่าเลย บอกอย่างเด็ดไปเลย

เพราะได้ยินข้างในกรุงเทพฯโน่น ให้เป็นวิสาขะโลก ว่างั้นนะ มันก็มาหาเราจนได้แหละ จะเอาคณะนั้นมาคณะนี้มา ฟังดูคณะไหนมีแต่คณะเบ่งๆ ไม่มีธรรมเลย มีแต่กิเลสออกหน้าออกตา กองทัพกิเลส ความสกปรกที่จะเข้ามาเป็นวิสาขะโลก เกิดทะเลาะกันแล้ว เริ่มทะเลาะกันแล้ว พอมาเป็นวิสาขะโลกเท่านั้นเริ่มทะเลาะกันแล้ว เราก็ฟังๆ พอได้ความชัดเจนแล้วทีนี้ก็ออกอันนี้ละไป วิสาขะโลกให้ระวังมันจะเป็นวิสาขะหมากัดกันนะ ในกรุงเทพของเรานี้ เอาแล้วนะ

ไม่มีใครพูดมีแต่เราคนเดียวพูด ก็ดูตามหลักธรรมหลักวินัยด้วยกันมาแล้วคัดค้านกันได้ยังไง สิ่งที่ทำเหล่านั้นมันผิดหรือถูกประการใดมันก็รู้ ว่าออกไปนี้ผิดถูกประการใด เอา ตามใส่กัน มันก็ยอมรับ เราก็บอกไปเลย วิสาขะนี้จะมีแต่วิสาขะหมากัดกันนะ เอาแต่ตัวเบ่งๆ ตัวกิเลสใหญ่ๆ ทั้งนั้นละมา ไม่มีตัวอรรถตัวธรรมเข้ามาเลย มันวิสาขะโลกยังไง พูดว่าวิสาขะโลกก็ถูกถ้ายกเป็นโลก แต่วิสาขะความดีนี้กระเทือนทั่วโลก หมายว่าอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าวิสาขะโลกเอาหมามากัดกัน

นั่นละพอท่านผู้ว่าฯ มานิมนต์เรา จึงเอาเรื่องนั้นมาประมวล บอกให้ชัดเจนเลยว่า ถ้าเป็นวิสาขะแบบนั้นเราไม่ไป เราบอกเลย เตือนไว้แล้วอย่าให้เป็นอย่างนั้นนะ อย่าเอาคณะไหนๆ เข้ามา เราเคารพบูชาพระพุทธเจ้าต้องทำให้เต็มภูมิของเราที่เราเป็นลูกศิษย์ตถาคต อย่าให้มีเรื่องแบบที่หมากัดกันเข้ามาแทรกนะ ถ้ามีอย่างนั้นเราบอกตรงๆ เลยเราไม่ไป ถ้าไม่มี เอ้า ไป ถึงเวลาที่จะเทศน์ เอา เทศน์ อย่างนั้นนะ ไม่ได้ว่าเทศน์ได้หรือไม่ได้ บอก เอา เทศน์เลย เป็นอย่างนั้นละ

พูดตรงๆ มีใคร ก็มีแต่หลวงตาบัวเท่านั้น ทั้งทางชาติ ทางศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่ในหัวอกทั้งหมดที่อุ้มไว้ทั้งหมดเลยไม่ให้ใครมาแตะต้อง ผ่านเข้ามาตรงไหนที่จะมาเหยียบย่ำทำลาย ๓ พระองค์นี้ไม่ได้เลย จะต้องถูกต้านทานจากเราๆ เพราะฉะนั้นเสียงเราจึงดังอยู่เรื่อย เพราะอุ้มทั้งสามพระองค์นี้ว่าไง ใครจะมาแตะไม่ได้เลย เราเอาขนาดนั้นนะ ด้วยเหตุนี้เสียงของเราจึงดังลั่นอยู่ทั่ว เพราะเรื่องเหล่านี้กระเทือนเข้ามาในสามพระองค์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราอุ้มอยู่ตลอดเวลา ใครมาแตะตรงไหนไม่ได้ เอาเลยๆ เสียงเราจึงดังกว่าเพื่อน ในเมืองไทยนี้เสียงดังก็คือเรานี่แหละ ดังอย่างนี้ละฟังเอา ผิดถูกประการใดให้พิจารณาก็แล้วกัน ถ้าผิดไม่ออก จะบอกเรื่องผิด จะออกตั้งแต่เรื่องธรรมที่ถูกต้องล้วนๆ ไปเลย ใครจะเอาหรือไม่เอาก็แล้วแต่ ธรรมเป็นความถูกต้องมาดั้งเดิมอยู่แล้วไม่มีที่ต้องติ นั่นเราเอาตรงนั้นนะ

เวลานี้ศาสนามันเป็นโลกไปหมดแล้วนี่นะ ก็คิดดูซิอย่างวัดป่าบ้านตาดขนาบกันอยู่ ก่อนจังหันก็ได้พูดแล้ว เข้ามานี่เก้งๆ ก้างๆ ลืมเนื้อลืมตัว เข้ามาแบบหน้าด้าน ไม่สำนึกคิดอะไรว่าสูงต่ำดำขาวประการใดเลย มาตามนิสัยที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวมาเต็มที่แล้ว ผู้รักษาท่านรักษาอยู่นี่ มาเห็นมันขวางหูขวางตาตรงไหนมันก็รู้กัน ตามีหูมีทุกคน อย่าว่าแต่คนเลย พระท่านก็มีหูมีตา ท่านยิ่งละเอียดกว่าเรา พระดูคนละเอียด พระต้องเป็นพระผู้ปฏิบัติอรรถธรรมนะ อย่าเอาพระส้วมพระถานมาพูด เอาพระที่ปฏิบัติอรรถธรรม มุ่งต่ออรรถต่อธรรมจริงๆ จับปั๊บๆ ได้หมดเลย นั่น พระประเภทนี้ละพระ สรณํ คจฺฉามิ มาดั้งเดิม เป็นประเภทนี้นะ ไม่ใช่ประเภทรุ่มร่ามๆ ทีนี้อะไรเข้ามาเปรอะเปื้อนมันก็รู้ทันทีซิ

ของสะอาดกับของสกปรก ผ้าขาวกับผ้าดำต่างกันนะ ผ้าดำนี้เอาอะไรมาแตะ เอาหมีทั้งตัวมาใส่แข่งกันก็เท่ากันนั่นแหละ ไม่เห็นเด่นอะไร ถ้าผ้าขาวนี่พอมีสีดำปั๊บเข้าไปเด่นทันที สกปรกง่าย สีธรรมเป็นสีสะอาดมากทีเดียว อะไรผ่านมาปั๊บรู้ทันทีๆ เลย สีธรรมไม่เหมือนสีอะไรนะ มีแต่เราแหละ พระท่านอยู่ในวัดท่านไม่ว่าอะไร เฉย ท่านแบบหูหนวกตาบอดเหมือนกัน ทำไมท่านจะไม่เห็น ท่านก็เห็น แต่ผู้ว่าก็คือเราเป็นคนว่าเอง เราว่าก็ว่าเป็นบางกาล บางทีเข้าใจว่าหมดคนแล้ว ส่วนมากเราจะออกมาตอนหมดคนแล้ว จะออกไปดูนั้นดูนี้แล้วก็มาสั่งเสียอะไรๆ

ค่ำๆ ค่อยออกไป ยังจุ้นจ้านๆ เข้ามานี้ เราก็ยืนกึ๊ก เอาละนะ มาอะไร ไม่มีเหตุมีผลอะไรไล่เดี๋ยวนั้นเลยไล่กลับ ขนาบด้วยนะไม่ใช่ธรรมดา เป็นอย่างนั้นละ ไม่เหมือนใครนะบอกตรงๆ เลย บอกไม่เหมือนใคร ถ้าลงเป็นธรรมพุ่งทันทีเลย ไปทางไหนไปด้วยเหตุด้วยผลทั้งนั้น ดุด่าว่ากล่าวไม่ใช่ความเสียหายอะไร มีความดิบความดีชะล้างให้ต่างหาก อันนี้มันสกปรกมอมแมมมาจนมองหาตัวคนไม่เห็น เห็นแต่มูตรแต่คูถเต็มตัวของมัน ชำระล้างให้มันด้วยอรรถด้วยธรรมเสียหายไปไหน ผู้ที่มันเป็นมาคือมอมแมมทั้งตัว มีแต่ของสกปรกนั้นเหรอเป็นของเลิศของเลอเอามาอวดอรรถอวดธรรม กองมูตรกองคูถมาอวดธรรมได้ยังไง เอาไปอวดทองคำได้ยังไง พิจารณาซิ นี่ละที่ได้ดุด่าว่ากล่าวอยู่เรื่อยๆ เป็นอย่างนี้เอง ว่าอยู่เรื่อย

ถ้าเราออกมาเจออย่างนั้นโดนแหละ ไม่มีเว้นใครทั้งนั้น หน้าอินทร์หน้าพรหมมา ถ้าผิดแล้วเอาเลย เราไม่ว่านี้ผู้ใหญ่นะ นั้นยศนั้นยศนี้ อย่ามาพูดยศๆ แย็ดๆ ว่างั้นเลย ธรรมเหนือหมดแล้ว เอาธรรมเท่านั้นแหละใส่ ธรรมสอนโลกไม่ได้ใครจะสอนได้ในโลกนี้ กิเลสสอนกันเป็นยังไง เป็นส้วมเป็นถานไปหมด ธรรมสอนโลกเพื่อชำระส้วมถานให้มีความสะอาดพอจะมองดูได้บ้าง เป็นมนุษย์ได้บ้างทำไมจะสอนไม่ได้ ถ้าไม่ได้แล้วก็ศาสนาหมด ยังเหลือแต่มนุษย์ไม่มีหางนั่นแหละ เป็นหมาทั้งโลกไม่มีหาง หมาเขาก็มีประจำตัวเขา

สัตว์แต่ละตัวๆ เขาก็มีหางประจำตัวเขา เว้นแต่ไอ้ซัดดัมที่อยู่วัดสวนแสงธรรม อยู่กับไอ้ขาวด้วยกัน ลูกแม่เดียวกันตัวเท่ากัน พระไปอยู่ทางโน้นมันก็เล่นกับพระสนิทสนม พอดีไอ้ขาวตาย แต่เรานึกว่าไอ้ดำตาย ไม่นึกว่าไอ้ขาวตาย นึกว่าไอ้ดำตายแล้วไอ้ขาวยังอยู่ เพราะมันมีตัวหนึ่งตัวขาวมาแทนกันอยู่นั้น เหมือนกับไอ้ขาวไม่ตายแล้วไอ้ดำตาย มันขบขันตรงนี้ละ มาพูดเรื่องหมาตัวนี้ก่อน พระตั้งชื่อให้ว่า ไอ้ซัดดัม ตัวที่เรานึกว่าตายมันมาอยู่นี้ คือตัวคู่มันตายแล้วมันเหงา พระเลยแอบเอามาอยู่นี่ เราก็ไม่รู้นะว่าหมาดำตัวนั้นยังมีชีวิตอยู่ เรานึกว่ามันตายแล้ว สนิทใจเลยว่าตายแล้ว

อยู่มาวันหนึ่งเราออกไปข้างนอก มันนอนอยู่ข้างนอก มันนอนดูเรา ตาอ่อนตาละห้อยดูเรา เอ๊ หมาตัวนี้ดูนี่เหมือนตัวอยู่สวนแสงธรรม แต่ความฝังลึกนั้นคือว่าไอ้นั่นมันตายแล้ว ตัวนั้นตายแล้วก็มาดูตัวนี้ เอ๊ หมาตัวนี้ทำไมเหมือนตัวสวนแสงธรรมนักน้า ไม่นึกว่าเป็นตัวนั้นนะ ยังว่ามันเหมือนกัน มันเหมือนกันอะไรนักหนา ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกันหมด ดูลักษณะจะมาเล่นกับเรา คือเราไปเล่นกับมันมันก็ดู ความจริงคือเคยเล่นกับมันตอนอยู่สวนแสงธรรมแล้ว มันจำได้แต่เราจำไม่ได้ละซิ เรานึกว่ามันตายแล้ว เราเดินไปมันก็ดูอยู่อย่างนั้นละ

เวลาเรากลับมานี้ ก็ไอ้ตัวนี้ละมันออกมาเพ่นพ่าน ถามไปถามมาที่ไหนได้มันตัวนั้นเอง มันไม่ได้ตาย มันมาอยู่นี่ ตัวขาวตายต่างหาก จึงว่าขบขันดี เห็นเรามันจำได้หมดก็เราเคยเล่นกับมันอยู่สวนแสงธรรม แต่เราไม่รู้มัน นึกว่ามันตายแล้ว ดูลักษณะมันอยากเล่นกับเรา แต่เราไม่เล่นกับมัน หมาตัวนี้มันคล้ายกันกับตัวสวนแสงธรรมเหลือเกิน แต่ไม่นึกว่าเป็นตัวนั้น ขบขันไหมล่ะ นี่ละความจำเป็นอย่างนั้นละ เดี๋ยวนี้มันอยู่นั้นนะ เมื่อเช้านี้ไป ออกไปแต่เช้าเลย ออกไปดูทางโน้นทางนี้ ไปเห็นมันนอนอยู่ในกรง ๓ ตัว

ไปวันแรกไอ้ตูบเห็นเรานี้เห่า โถ ตาเขียวปื๋อเลย มึงเห่าอะไร แต่ไอ้นี่(ตัวดำ) มันไม่เห็นเห่า รู้แล้วว่าไอ้ซัดดัมคือตัวนั้น ไอ้นี่มันเฉย จับหลังเขย่ามันก็เฉย ตัวนั้นเห่าว้อๆ ไปเมื่อเช้านี้ไม่เห่าทั้งสาม ตัวนี้(ตัวดำ) มันนอนแล้วมองเรา ไอ้ตัวตาเขียวปื๋อที่เคยเห่าว้อๆ ไม่เห่านะ แต่ไอ้ซัดดัมนอนเฉยไม่สนใจเลย อยู่ด้วยกันสามตัวเมื่อเช้านี้ ไม่เห็นเห่าสักตัวสามตัวนี่ ปากสูไปไหนหมด ถาม ปากสูไม่มีหรือวันนี้ เฉย เราเลยผ่านไป สงสาร บางทีแมวเข้ามาสัตว์ในนี้ฉิบหาย เพราะฉะนั้นจึงต้องจับเอาไปปล่อยๆ ถ้าเข้ามาแล้วหมด พวกสัตว์เล็กสัตว์น้อยถ้าแมวเข้ามาแล้วมันเป็นอาหารว่างทั้งนั้นแหละ กินจนตายก็ไม่หมดสัตว์ในวัด จึงต้องจับออกๆ สงสารสัตว์ในวัดนี้ ถ้ามันเข้ามาแล้วเป็นภัย เพราะฉะนั้นจึงต้องจับกันอึกทึก ถึงขนาดว่าพระถ้าจับแมวไม่ได้ แมวจะต้องฟ้องพระให้ติดคุกหมดทั้งวัดเลย ถ้าจับแมวไม่ได้แมวจะต้องมาฟ้องพระให้ติดคุกหมด เมื่อเช้านี้บอกว่าจับแมวตัวนั้นได้แล้ว เออ ทีนี้เอาแมวใส่คุก ไม่ต้องติดคุกพระเรา จับได้เรื่อยเอาไปปล่อยเรื่อย

เราพยายามรักษาวัดนี้ไว้ พระมาในวัดนี้ต้องตั้งใจมาทุกองค์ มาเหลาะๆ แหละๆ ไม่ได้นะ เอาจริงจังมาตลอด เรื่องอรรถเรื่องธรรม เรื่องภาวนาภายในใจของพระในวัดนี้นั้นจะไม่มีลดหย่อน แม้ตั้งแต่ช่วยชาติบ้านเมืองก็ให้พระท่านอยู่หนาแน่นมั่นคงด้วยจิตตภาวนาตลอดมา หากมีความจำเป็นก็ให้ท่านมาช่วยสักประเดี๋ยวประด๋าวแล้วคัดออกทันทีเลย เพราะอันนี้ถือว่าเป็นงานภายนอก ไม่ใช่งานสำคัญยิ่งกว่างานภาวนา ด้วยเหตุนี้เองเราจึงเหนียวแน่นมั่นคงทางจิตตภาวนาตลอดมาตั้งแต่เริ่มสร้างวัดจนกระทั่งบัดนี้

         นี่เขตติดไว้นั้นใครห้ามเข้าไป เป็นบริเวณของพระภาวนากันทั้งนั้นเลย ถ้าหากว่าเราดูทางโลกแล้วไปดูทางธรรมแล้วในวัดในวานี้เหมือนส้วมเหมือนถาน สกปรกด้วยป่าไม้รุงรังรก แต่ทางจงกรมท่านสะอาด ที่พักที่อยู่ท่านกระต๊อบๆ อยู่ในนั้นนะสะอาด กาย วาจา ใจของท่านสะอาด ท่านชำระภายใน ท่านไม่ได้ชำระภายนอกเป็นบ้าเหมือนโลกทั้งหลาย โลกทั้งหลายนี้ชำระแต่ภายนอก อันนั้นไม่ดีอันนี้ไม่ดี จัดตลอด กระทั่งวันตายก็ไม่ดีอยู่อย่างนั้นแหละ แต่จัดภายในนี้ดีไปเรื่อยๆ สะอาดเรื่อยๆ สะอาดจนสุดยอดภายใน ภายในสะอาดเรียบร้อยหาที่ต้องติไม่ได้แล้ว ข้างนอกจะเป็นอะไรก็เป็นไป จัดกันไปตามเรื่องเท่านั้น ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรยิ่งกว่าภายใน

         นี่ละพุทธศาสนาสอนลงภายในใจ ให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้ อย่างพระที่ท่านอยู่ในป่าในเขาท่านชำระใจของท่าน ท่านจัดอยู่ภายในใจ อะไรไม่ดีไม่งามท่านจะดูอยู่ภายในใจ ท่านไม่ดูนอกนะ ภายนอกพออยู่พอเป็นพอไป วันหนึ่งๆ พอได้หลับได้นอน เอา พอๆ  อย่างกุฎิพระในวัดนี้เข้าไปข้างในดูได้เมื่อไร ถ้าหากว่าให้โลกสกปรกเข้าไปดูความสะอาดภายในของพระในวัดนี้แล้ว กุฏิของท่านโลกเขาจะถือว่าสกปรกมากนะ กุฏิกระต๊อบกระแต๊บเท่านี้ๆ พอซุกหัวนอนได้ท่านก็พอ แต่ใจของท่านสว่างไสวตลอดเวลาด้วยการชำระซักฟอก ดัดแปลงแก้ไขอยู่ภายในตลอด ท่านไม่ได้ดูภายนอกนะ นี่ละเรื่องภายในกับภายนอกมันต่างกัน

         ศาสนาให้ดูภายในออกไปหาภายนอกนะ ดูภายในดีแล้วภายนอกไม่ดีตรงไหนก็จัดทำได้ตามสัดตามส่วนพอดีพองาม ไม่เตลิดเปิดเปิงเหมือนกิเลสพาจัดพาทำ ถ้ากิเลสพาจัดพาทำนี้ดีเท่าไรไม่พอ ดีเท่าไรไม่พอ ฟาดบ้านสักกี่ชั้นก็มีประดับตกแต่งตลอดทุกชั้นไปเลย นั้นก็ยังไม่พอใจของกิเลส ว่าไม่สวยไม่งาม นั่นเห็นไหมกิเลส ทีนี้เอาสายตาของธรรมจับปุ๊บเข้าไปซิ นี่ละเห็นกันชัดๆ อย่างนี้ กิเลสจะตกแต่งขนาดไหนก็เหมือนตกแต่งกองมูตรกองคูถให้เป็นลักษณะนั้นเป็นลักษณะนี้ ตกแต่งไปตรงไหนๆ ก็คือกองมูตรกองคูถถูกตกแต่ง มันจะเป็นทองคำทั้งแท่งได้ยังไง มันก็เป็นกองมูตรกองคูถอยู่นั้นแหละ นี่สายตาของธรรมเป็นอย่างนั้น

         เวลาธรรมจับเข้าไปที่กิเลสมันยกยอปอปั้นของมันว่าสวยว่างาม สะอาดสะอ้านที่สุดขนาดไหน สายตาของธรรมจับเข้าปุ๊บสกปรกขนาดนั้น นั่นในสายตาของธรรม เพราะในใจของท่านธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วไม่มีที่ต้องติ ดูอะไรจะหาที่มาเปรียบเทียบไม่ได้เลย ติก็ไม่ได้ ชมก็เลยเสียทุกอย่าง นั่นละธรรมประเภทนั้นละธรรมพระพุทธเจ้ามาสอนโลก ธรรมพระอรหันต์ท่านมาสอนโลก ติก็ไม่มีที่จะติ ชมจะชมที่ตรงไหน คือเลยหมดแล้ว เลยหมดแล้วจากการบำเพ็ญ การปฏิบัติดัดแปลงแก้ไขตัวเองๆ จนกระทั่งถึงขั้นหาที่ต้องติไม่ได้ในตัวเอง ทีนี้มองไปที่ไหนมันก็จ้าไปหมดละซิ นี่ละธรรมเป็นอย่างนั้นท่านทั้งหลายจำเอานะ

         นี่พากันตกแต่งตั้งแต่ภายนอก ตกแต่งจนกระทั่งวันตายก็ตายทิ้งเปล่าๆ ไม่มีอะไรสะอาดสะอ้าน ภายในหัวใจสกปรกรกรุงรังตลอดวันตาย ภายนอกจะสวยงามอะไรมันก็เป็นอย่างนี้อย่างที่เราเห็นนี่ละ ตกแต่งขนาดไหนก็เป็นอย่างนั้นละภายนอก  ถ้าภายในไม่ตกแต่งแล้วหาที่ยุติไม่ได้นะ ต้องยุติที่ภายใน ตกแต่งภายในให้ดี วันหนึ่งคืนหนึ่งๆ ตื่นเช้ามาถึงค่ำเราได้ทำความชั่วความเสียหาย ความดีงามอะไรบ้าง เอามาเทียบกันๆ แก้ไขดัดแปลงบวกลบคูณหารไปในตัวของเราก็มีทางออกๆ ถ้าไม่มีอย่างนั้นแล้วไม่มีทางออก มีแต่ทางเข้าจมไปเรื่อยๆ นะ ให้พากันพินิจพิจารณา

         สิ่งภายนอกสำหรับทางด้านธรรมะแล้วท่านไม่ถือเป็นความจำเป็นอะไร ยิ่งกว่าสิ่งภายในคือใจ ภายในเป็นมหาเหตุอยู่ที่นั่น ตัวก่อเหตุอยู่ที่ใจนั่น ท่านจึงดูแต่ตรงนั้น ดับที่ตรงนั้น น้ำดับไฟดับตรงนั้น มันเป็นไฟขึ้นที่ใจ ดับที่หัวใจด้วยศีลด้วยธรรม ด้วยสมาธิภาวนา ใจนี้จะสงบลงๆ คือไฟสงบลง เพราะน้ำดับไฟได้แก่การภาวนา จิตก็เย็น  เย็นเรื่อยๆ ท่านตกแต่งภายในนะ ท่านดูภายในมากกว่าภายนอก ทีนี้เวลาแสดงออกมาภายนอกก็สวยงามไปหมดนั่นแหละ เพราะภายในได้รับการตกแต่ง มีสติปัญญารอบคอบ ออกภายนอกหน้าที่การงานอะไรก็เรียบร้อยๆ

         เรื่องสติปัญญาเรื่องธรรมไปที่ไหนจะสวยงามที่นั่น  ถ้ากิเลสไปที่ไหนรกรุงรัง กีดขวางไปทั่วโลกสงสาร อย่าว่ากีดขวางแต่เราเลย ต่างคนต่างมีแบบเดียวกันกีดขวางทั่วโลกเลย มันดียังไงเอามาพิจารณาซิ นี่เปิดหัวอกให้ท่านทั้งหลายฟัง มอมแมมอยู่อย่างนี้ก็เคย ไม่เคยสนใจกับเรื่องภายในจิตใจมานี้เท่าไร จนกระทั่งบวชก็ยังไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว ออกปฏิบัตินู่นถึงได้เรื่องได้ราว ออกปฏิบัตินี่เข้าชำระจิตใจ ทีนี้มุ่งเข้าไปๆ เรื่องภายนอกภายในค่อยปัดออกๆ แล้วค่อยชำระนี้ ค่อยสว่างขึ้นมาๆ

         จึงได้เห็นอย่างที่ว่านี่ ข้างนอกสกปรกยังไง ข้างในสะอาดยังไงเห็นชัดเจนจากการปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงหัวใจที่เป็นมหาเหตุนี้ จากกิเลสที่ตัวสกปรกรกรุงรังมันหุ้มห่อ ชำระออกด้วยน้ำคือจิตตภาวนามันก็สง่างามขึ้นมาๆ อย่างนั้น ให้พากันจำเอานะ การมาวัดมาวาให้มาสนใจกับอรรถกับธรรม อย่านำโลกเข้ามาอวดธรรมนะ โลกก็เหมือนกองมูตรกองคูถเอามาอวดทำไม ธรรมท่านเลิศเลอขนาดไหนแล้ว มาอวดท่านหาอะไร ดูตัวเองนั่นซิ ไม่ดีไม่งามยังไงแก้ไขตรงนั้นมันก็ดีขึ้นเองๆ พากันจำเอานะ

         อย่างที่ว่าดุว่าด่าไม่มีความเสียหายอะไรในการดุด่า อย่างที่เราดุไล่ออกจากวัดจากวาอย่างนี้ไม่มีอะไรเสียหาย พวกนั้นต่างหากพวกเสียหาย มันจะมาก่อลุกลามๆ เข้ามาในวัดไล่ออก ให้เอาไปคิดไปอ่านแล้วปรับปรุงตัวเองก็จะดีขึ้น ความหมายว่าอย่างนั้น มันเลอะเทอะมากนะเวลานี้ มีแต่ชื่อนะเรื่องศาสนา เราจะไปดูในวัดในวา วัดไหนไม่ว่าวัดเขาวัดเรามันเลอะเทอะสกปรกเหมือนกันหมด เพราะไม่มีธรรมอยู่ในนั้น มีแต่กิเลสตัณหาเต็มอยู่ในวัดในวาในพระในเณร วัดวาก็เลยกลายเป็นส้วมเป็นถานไปหมด เป็นที่บรรจุของมูตรของคูถ คือความประพฤติเหลวแหลกแหวกแนวของพระไปอยู่นั้น

         วัดก็เลยกลายเป็นส้วมเป็นถาน พระเณรก็เป็นมูตรเป็นคูถ โยนลงในวัดนั้นเลยกลายเป็นวัดส้วมวัดถานไป ทั้งวัดเขาวัดเราจะไปตำหนิใครไม่ได้ ถ้าพระผู้รักษาวัดสกปรก สกปรกทั้งหมดในวัดนั้น ถ้าพระผู้สะอาดอยู่ในวัดนั้นสะอาดหมด มันสำคัญอยู่ที่ใจของผู้ดัดแปลงแก้ไข ผู้รักษา ผู้บำรุงนะ ไม่อยู่ที่ไหน ให้พากันจำเอาไปปฏิบัติ วันนี้พูดเพียงเท่านี้ก็เห็นว่าสมควรนะ เอาละเอาแค่นี้

         ชีวิตของพระ ตั้งแต่วันบวชปั๊บชีวิตของฆราวาสความเป็นมาของฆราวาสปัดออกหมด เฉพาะอย่างยิ่งชีวิตของศีลจับกึ๊บเข้าให้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ศีล ๒๒๗ ที่มาในปาฏิโมกข์ อนุบัญญัติที่บัญญัติมากกว่านั้นเป็นไหนๆ รักษารอบไปหมดเลย ชีวิตของพระตั้งแต่บัดนั้นมา ทีนี้เมื่อรักษาไปเป็นประจำๆ เลยกลายเป็นนิสัยๆ ระวังไม่ระวังมันระวังอยู่ในตัวของมันแล้ว ทีแรกบวชมาเหมือนติดคุกติดตะราง มันมีแต่สิ่งจะผิดๆ เพราะเราไม่เคยรักษา เคยแต่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว เวลาบวชเอาศีลธรรมเข้ามาบีบบังคับ เดินตามศีลตามธรรม ผิดตรงไหนมันกระเทือนตัวเองๆ มันระวังๆ ทีนี้ระวังนานเข้าๆ เลยกลายเป็นนิสัยไปเลย  อยู่ธรรมดาเหมือนไม่มีศีลมีธรรม มีอยู่ในนั้นเสร็จคือเป็นอัตโนมัติ อะไรจะผิดถูกรู้ทันทีๆ เป็นอย่างนั้นนะ นี่ชีวิตของพระ

นั่นละศาสนาเป็นเครื่องชุบเลี้ยงจิตใจของเรา ชีวิตของพระและฆราวาสความเคลื่อนไหวไปมา ก็ให้ถูกต้องตามศีลตามธรรม ภายในจิตใจคิดปรุงเรื่องอะไรๆ ให้ถูกต้องตามศีลตามธรรมเรียบวุธเข้ามาหาความคิดทุกอย่างๆ เป็นธรรมทั้งนั้นๆ อยู่สบาย นี่ละการชำระซักฟอกเป็นอย่างนั้นนะ เสร็จแล้วจะให้พร

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก