ยากแต่การสอนโลก
วันที่ 30 มกราคม 2548 เวลา 8:35 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

ยากแต่การสอนโลก

 

ก่อนจังหัน

วันเสาร์ วันอาทิตย์ วันพระ วันโกน นี้ถือกันว่าเป็นวันทำความสงบแก่จิตใจ เสาะแสวงหาความดีงามทั้งหลายเข้าสู่ใจ เช่นทางศาสนาอื่นเขาบอกวันเสาร์ วันอาทิตย์ เป็นวันว่างเพื่อให้สงบอารมณ์ พุทธศาสนาเอาวัน ๗ ค่ำ ๘ ค่ำ ๑๔-๑๕ ค่ำ เป็นวันสงบอารมณ์ เสาะแสวงหาความดีใส่ตน ถ้าจะปล่อยให้แต่กิเลสมันเดินเครื่องเรื่อยๆ แล้วแหลกหมดนะ กิเลสเดินเครื่องตั้งแต่ตื่นนอน ความคิดความปรุงนี้เดินเรื่อย เรียกว่าเดินเครื่อง มีแต่คิดแต่ปรุงแต่ไม่ได้เรื่องได้ราวจนกระทั่งหลับ วันนี้ก็คิดแต่เช้าจนหลับ คิดตั้งแต่ตื่นนอนจนหลับๆ วันนี้วันหน้า เดือนนี้เดือนหน้า ปีนี้ปีหน้า จนกระทั่งวันตาย แล้วชาตินี้ชาติหน้า หมุนติ้วๆ ไปด้วยอำนาจของกิเลสทำงานบนหัวใจสัตว์ ท่านเรียกว่าวัฏวน เหล่านี้มีตั้งแต่ทำให้สัตว์โลกได้รับความเดือดร้อน

ธรรมนั้นเป็นธรรมจักรพลิกกลับ  เหยียบเบรกห้ามล้อ ถ้าจะรุนแรงไปในทางไม่ดี เหยียบเบรกห้ามล้อ และเหยียบคันเร่งเพื่อความดีงามทั้งหลายในตัวของเราซึ่งเป็นเหมือนเครื่องยนต์ สติปัญญาของเราเป็นเหมือนผู้ขับรถ ให้ดูตัวเอง ตื่นนอนถึงค่ำเราขับรถวันยังค่ำ คิดปรุงเรื่องนั้นเรื่องนี้ ความคิดอย่างไรถูกอย่างไรผิดไม่ได้คำนึง มีแต่อยากคิดอยากทำ สุดท้ายก็ทำตามความชอบใจ นั่นแหละทีนี้มันลงคลองแล้วนะ ความคิดพาเจ้าของลงคลองแล้ว เลยไม่ได้เรื่องได้ราว

เพราะฉะนั้นศาสนาจึงต้องมี เช่นพุทธศาสนานี้ประจำชาติไทยของเรา ที่ยึดถือมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ขอให้ยึดหลักนี้ไว้ให้ดี ถ้าท่านทั้งหลายอยากเจอความสงบร่มเย็น ทั้งตัวเอง ครอบครัวเหย้าเรือนและส่วนรวม ตลอดวงราชการต่างๆ ถ้าไม่มีธรรมแล้วจะหาความสุขไม่ได้ ดิ้นก็ดิ้นเพื่อเผาตัวเองนั้นแหละ เผาตัวเอง เผาพรรคพวก เผาศาสนาตัวเอง ศาสนาก็เลยกลายเป็นเรื่องถูกเผาไปด้วย เพราะกิเลสไม่ได้ไว้หน้าใคร ใครเผลอมันเอาทั้งนั้น

เช่นอย่างวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เป็นวันว่างงาน ควรจะได้ทดสอบบวกลบคูณหารตน ในวันหนึ่งๆ มีได้มีเสียอะไรบ้าง ถ้ามีแต่ดิ้นๆ ไม่คิดเรื่องรายได้รายเสีย คนนั้นจะเสียไปวันยังค่ำ จะไม่มีทางได้เลย ถ้ามีคิดเรื่องได้เรื่องเสียบ้างแล้วจะมีอะไรเหลืออยู่ภายในตัวคือความดีงาม ขอให้พากันคิดกันอ่าน

หลวงตาพูดตรงๆ ยิ่งจวนตายเท่าไรธรรมะยิ่งเปิดออกมาๆ เพราะบรรจุไว้ในหัวใจมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว นี้เราช่วยชาติบ้านเมืองช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย ช่วยด้วยธรรมที่บริสุทธิ์ภายในหัวใจ การสอนโลกเราจึงไม่สงสัยว่าผิดไป ไม่ว่าจะหักจะห้าม ไม่ว่าจะส่งเสริม เป็นความถูกต้องดีงามทั้งนั้น เราก็พยายามสอนพี่น้องทั้งหลายเต็มกำลังความสามารถจากผลที่ได้มา ซึ่งเราปฏิบัติถูกต้องดีงามตามธรรมของศาสดาองค์เอกแล้ว ผลก็ได้มาเป็นลำดับๆ จนเป็นที่พอใจ เราหายสงสัยมาเป็นเวลานานแล้ว สั่งสอนโลกก็สั่งสอนไปเรื่อยๆ ก็มาเปิดเผยขึ้นในระยะช่วยโลกของเราห้าหกเจ็ดปีนี้แหละ พี่น้องทั้งหลายจึงได้ยินได้ฟังอรรถธรรมเหล่านี้ออกในเวลาช่วยชาติ

วัตถุก็ช่วย ธรรมะก็ช่วยทางหัวใจ วัตถุช่วยการครองชีพ ความเป็นอยู่ปูวาย ซึ่งมนุษย์เราอยู่ร่วมกัน ต้องได้ช่วยด้วยวัตถุ ทางด้านจิตใจถ้าไม่มีธรรมเข้าหล่อเลี้ยงจิตใจแล้วใจร้อน อะไรมีไม่มีความหมายนะ โลกอันนี้จะเย็นอยู่ที่ใจ ร้อนอยู่ที่ใจ ใจถ้าผิดแล้วเผาไหม้ตัวเอง และเผาไหม้สิ่งต่างๆ แหลกเหลวไปหมด ถ้าใจมีธรรมแล้วก็เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจ ทำอะไรลงไปมีผลมีประโยชน์ไปโดยลำดับลำดา จึงขออย่าให้ห่างเหินจากธรรม ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ ความคิดอ่านไตร่ตรอง ความประพฤติปฏิบัติตัวเองให้มีทดสอบไปเรื่อยๆ

ยิ่งวงราชการงานเมืองด้วยแล้วเป็นงานของแผ่นดิน ผู้นำชาตินำบ้านเมืองต้องคิดอ่านไตร่ตรองเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพื่อชาติ เพื่อศาสนา ไม่ใช่เพื่อพรรคเพื่อพวก เพื่อพุงตัวเอง ถ้าอย่างนั้นแหลกไม่มีเหลือ ถ้าเพื่อพรรคเพื่อพวกเพื่อพุงตัวเอง แหลก ชาติไทยแหลก ถ้าเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แล้ว เรียกว่าเจริญๆ ให้พากันพิจารณาเพื่อส่วนใหญ่ อะไรส่วนใหญ่จะมีความแน่นหนามั่นคง ให้พากันหนักแน่นในทางนั้น การประพฤติปฏิบัติตัว ก็ให้มุ่งมั่นไปในทางที่จะให้เกิดความเจริญและแน่นหนามั่นคงต่อส่วนรวม อันนี้สำคัญมาก

ไปไหนก็ตาม เรื่องศาสนาจะแยกไม่ได้นะ ถ้าแยกศาสนาออกจากตัวเมื่อไร นั่นละเรียกว่าไสไฟเข้ามา กิเลสมันรอจังหวะอยู่ตลอดเวลา มันกลัวแต่น้ำ น้ำคือธรรม เป็นน้ำดับไฟ นอกนั้นมันไม่กลัว...กิเลส พากันจำเอานะ

เราก็พลอยเบาใจที่ได้ปฏิบัติมาเต็มเม็ดเต็มหน่วย ตั้งแต่วันออกบวชมา เวลานี้ได้ ๗๒ ปีแล้วที่บวช ชีวิตเป็นพระมาเป็นเวลา ๗๒ ปี ปฏิบัติตนตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบัดนี้ ไม่ให้มีคลาดเคลื่อนจากศีลจากธรรมไปเลย จนเป็นที่อบอุ่นและอบอุ่นเต็มที่ และได้นำธรรมที่ออกมาจากการปฏิบัติตัวเอง ได้รับผลเป็นที่อบอุ่นมาสอนโลกให้เป็นความอบอุ่นด้วยกัน อย่าให้เป็นฟืนเป็นไฟนะ ทั้งๆ ที่เรามีศาสนาอยู่ในบ้านในเมืองและในตัวในครอบครัวของเรา อย่าให้เป็นกบเฝ้ากอบัวอยู่เฉยไม่เกิดประโยชน์นะ

เราอย่าเชื่อความคาดความหมายของเรายิ่งกว่าธรรมของพระพุทธเจ้า ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นธรรมที่ว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว ความคิดความอ่านของเรา การดำเนินของเรา ความดิ้นความดีดของเรา ไม่ได้กลั่นได้กรองนะ กิเลสนั่นละเป็นผู้ไสไปๆ จึงผิดพลาดเสียมากกว่าดี เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านั้น ให้พร

หลังจังหัน

ผู้กำกับ นักข่าวจากสิงค์โปร์มาขอสัมภาษณ์เพื่อนำไปลงหนังสือพิมพ์ที่สิงค์โปร์ครับ

หลวงตา ถามว่ายังไงเรากลัวติดแล้วนะ ทางโน้นว่าจะถาม พวกนักข่าวจะมาถาม เรากลัวติดแล้ว จะทำไง มันกลัวแล้วจะเอาอะไรมาตอบล่ะ เราอยากจะให้มีคำถามที่เป็นสาระๆ ออกมา การตอบจะสวนออกไปตามคำถามเข้ามาช่องไหน คำตอบจะออกช่องนั้น เพราะฉะนั้นเราถึงได้เตือนผู้ที่จะมาถามปัญหาต่างๆ ขอให้คัดเลือกด้วยดี ปัญหามายังไงคำตอบอย่างน้อยก็เป็นอย่างนั้น อย่างมากกว่านั้นไม่ตอบ ถ้าปัญหาที่เป็นสาระสำคัญๆ ออกมาปั๊บมันจะรับกันปุ๊บๆ เลย ให้เป็นสารประโยชน์แก่ผู้ฟังผู้อ่านทั้งหลาย

         ผู้กำกับ เขาถามว่าคนไทยที่มาวัดทุกวันหรือบ่อยๆ นี้ เขาปฏิบัติธรรมะกันหรือมาเป็นแบบประเพณีครับ

หลวงตา หลักใหญ่มาปฏิบัติธรรมะกัน ส่วนเป็นประเพณีก็เมื่อเป็นหลักเป็นเกณฑ์ในทางปฏิบัติธรรมแล้ว ก็เป็นประเพณีของผู้ปฏิบัติธรรม แต่ว่าผู้ที่มานี้มาอะไรบ้างเรายังไม่ได้ถาม มาวัดป่าบ้านตาดนี้มาอะไร มาปฏิบัติธรรมหรือมาเป็นประเพณี เอ้า ถามมาเราจะตอบเพื่อเป็นสาระนะที่ตอบนี้ เป็นสาธารณประโยชน์แก่ทั่วๆ ไป เราจึงไม่อยากให้ถามสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะการตอบจะตอบเพื่อหวังประโยชน์ จึงให้ถามมา

ที่ชาวพุทธมานี้มาด้วยน้ำใจของชาวพุทธจริงๆ นับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ แล้วปฏิบัติตามท่าน ถึงวันเวลาที่ว่างก็เสาะแสวงหาอรรถหาธรรม เรียกว่าธรรมสมบัติเข้าสู่ใจในวันเช่นนี้ วันนอกนั้นก็วิ่งเต้นขวนขวายเพื่อโลกเพื่อสงสาร เพื่อธาตุเพื่อขันธ์ มีแบ่งส่วนแบ่งรับกันอยู่ในนั้นบ้างทางฝ่ายกุศล ได้มาเท่าไรก็แบ่งกินแบ่งทานอย่างนั้นอีก อันนี้ตรงเข้ามาเลย อันนี้เรียกว่ามาแบ่งทานแบ่งบำเพ็ญประโยชน์ มีอยู่สองอย่างผู้มาวัด

เราอยากพูดเรื่องพุทธศาสนา ถ้าเหตุผลที่ควรพูดเราจะพูดให้เต็มเหนี่ยวเลย เพราะความสัตย์ความจริงอยู่ในพุทธศาสนานี้ทั้งหมด ไม่มีคำว่าหลอกๆ ลวงๆ กระพี้ไม่มี กาฝากไม่มี มีแต่เนื้อแท้ๆ  พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมอันเอก ธรรมเป็นธรรมอันเอก พระสงฆ์ตรัสรู้ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นธรรมอันเอก พระสงฆ์ชั้นเอก สมควรเป็นสรณะของโลกได้เป็นอย่างดีตลอดมา เพราะฉะนั้นเราจึงอยากจะให้พี่น้องทั้งหลายหันหน้าเข้าสู่ธรรม พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์นี้หลอกลวงโลกเหมือนกิเลสไหม กิเลสคือตัวหลอกลวงล้วนๆ ธรรมะนี้หลอกลวงไหม เอาไปเทียบกันปั๊บซิ นี่ละอยากให้รู้ให้เห็น

ที่จะให้พิสูจน์กันจริงจังจริงๆ รวมลงในจิตตภาวนา ภาคปฏิบัติก็ปฏิบัติตามที่ทรงสอนไว้ยังไง ก็ไม่ผิด ไม่ผิดเป็นลำดับลำดา แล้วย่นเข้ามาหารากฐานอันถูกต้องดีงามสุดยอดคือหัวใจ ภัยก็อยู่ที่นั่นมันเป็นข้าศึก คือกิเลสอยู่ในนั้น เบิกกิเลสออก เหมือนเบิกจอกเบิกแหนออกจากสระน้ำใหญ่ที่น้ำเต็มอยู่ในนั้น แต่จอกแหนปกคลุมเอาไว้มองหาน้ำไม่เห็น เห็นแต่จอกแต่แหน เพราะฉะนั้นจึงเปิดจอกเปิดแหนออกด้วยการสร้างความดี ปัดสิ่งที่ชั่วช้าลามกออกไป ซึ่งเท่ากับปัดจอกปัดแหนออกไปจากน้ำก็จะเห็นน้ำ เห็นขึ้นที่ใจนะ

พอน้ำธรรมะปรากฏขึ้นที่ใจเท่านั้น สิ่งทั้งหลายท่านว่า รสแห่งธรรมชำนะซึ่งรสทั้งปวง รสทั้งหลายที่เราเคยผ่านมาในโลกนี้มากขนาดไหนตั้งแต่วันเกิดมา จนกระทั่งปัจจุบันที่ได้สัมผัสธรรม สัมผัสธรรมเพียงขณะเดียวเท่านั้นจะชนะไปเรื่อยๆ เลย นั่นท่านว่ารสแห่งธรรมชนะซึ่งรสทั้งปวง ทีนี้เวลาธรรมกับใจสัมผัสกันเข้ามากเท่าไร ความดึงดูดจะเข้ามาสู่ธรรมๆ สู่ใจสู่บุญกุศลทั้งหมด ส่วนภายนอกที่เราเคยไขว่คว้านั้น คว้าน้ำเหลวๆ มาทั่วโลกดินแดน แล้วมันจะค่อยปล่อยวางเข้ามาเพราะจับได้ของจริงแล้ว ของปลอมมันก็ปล่อย ปล่อยเข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งหนักเข้าๆ ได้เต็มเหนี่ยวแล้วปล่อยหมดเลย บรมสุขขึ้นเต็มเหนี่ยวแล้วเปิดมหันตทุกข์ในโลกนี้ออกหมดไม่มีอะไรเหลือเลย นี่เราก็รอคำถาม เลยตอบเสียก่อน มันโมโห

ผู้กำกับ เขาเป็นชาวอินเดียนับถือพุทธศาสนา ถ้าอยู่บ้านเขาก็นั่งสมาธิภาวนา ธรรมดาก็มาวัดเหมือนกัน

หลวงตา ภาวนาว่าไง เอาอะไรเป็นอารมณ์ของการภาวนา เราอยากทราบอารมณ์ของใจ อารมณ์ของใจมันมีทั้งกิเลสเป็นอารมณ์ ธรรมเป็นอารมณ์ ถ้ากิเลสเป็นอารมณ์มันเผาใจ ถ้าธรรมเป็นอารมณ์แล้วเป็นน้ำดับไฟ ต่างกันอย่างนี้ เพราะฉะนั้นที่ว่าอบรมน่ะอบรมวิธีไหน จึงถามตรงนั้น แล้วเขาว่าไง

พุทธศาสนานี่เป็นศาสนาประกาศความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ๆ ทุกแง่ทุกมุมของธรรมเป็นความจริงล้วนๆ  เรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบหมด ไม่ว่าธรรมะขั้นต่ำ ขั้นกลาง ขั้นสูง ถึงสูงสุด ถูกต้องดีงามไปหมด เรียกว่าสวากขาตธรรม สอนด้วยความถูกต้องแล้ว ความหมายว่างั้น ขอให้ผู้ปฏิบัติก้าวเดินตามกำลังของตน ความสามารถของตนเถอะ จะได้ผลประโยชน์มาครองใจๆ เป็นใจเย็นขึ้นไปโดยลำดับนะ นี่ละใจที่สัมผัสธรรม...เย็น ถ้ามีแต่เรื่องกิเลสแล้วร้อนทั้งวันทั้งคืน โลกธาตุนี้ไปดูที่ไหน เอาธรรมจับ ไม่ได้มีการดูถูกเหยียดหยามยกยอโดยหาเหตุผลไม่ได้นะ พูดตามความจริงๆ ล้วนๆ โลกทั้งโลกนี้มีแต่กิเลสเป็นผู้ครอบครอง หาความสุขไม่ได้

ใครจะเป็นชั้นไหนๆ ก็มีแต่ลมปากเสกสรรปั้นยอ และความสำคัญต่างๆ ว่าตนมีสิ่งนั้นสิ่งนี้เท่านั้น ความจริงไม่มีในหัวใจ หัวใจแห้งผากจากความสุข แล้วไขว่คว้าสิ่งนั้นไขว่คว้าสิ่งนี้ ไขว่อันนั้นหลุดมือไป คว้าอันนี้ อันนี้หลุดมือไป คว้าอยู่อย่างนั้นทั่วโลกดินแดน มีแต่ไขว่คว้า เหมือนกันกับสัตว์ตกน้ำมหาสมุทร ว่ายน้ำป๋อมแป๋มๆ หาฝั่งหาฝาที่จะเกาะจะยึดเพื่อความพ้นภัยไม่มี นี่ละสัตว์โลกที่หมุนอยู่ในวัฏวนนี้ วัฏวนนี้เท่ากับมหาสมุทรทะเลหลวง สัตว์โลกอยู่ในวัฏวนอันนี้เท่ากับสัตว์ตกน้ำในมหาสมุทรทะเลหลวง ไม่มีฝั่งมีฝาที่จะเกาะจะยึด เกาะไหนก็ไม่มีๆ เป็นอย่างนี้ทั่วกันทั่วโลก นี้เอาธรรมเข้าจับนะ

พอมีธรรมปั๊บเท่ากับมีเรือเข้ามา ถึงมหาสมุทรจะกว้างขนาดไหนก็เกาะเรือได้ๆ มีเกาะมีดอนพอยึดพอเกาะเป็นลำดับ นี่คือผู้มีความดีเข้าแฝงใจ ถึงอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรก็มีเรืออยู่ในท่ามกลางนั้นด้วย บุญกุศลติดอยู่ในคนนั้นด้วย พยุงคนนั้นไปได้ๆ โดยลำดับลำดาด้วย ต่างกันอย่างนี้นะ เพราะฉะนั้นจึงได้สอนว่าให้พากันสนใจในธรรมถ้าอยากมีที่ยึดที่เกาะ ถ้าไม่มีธรรมเป็นที่ยึดที่เกาะแล้วเท่ากับเราว่ายน้ำในมหาสมุทรทะเลหลวง ไม่มีเกาะไม่มีดอน การเกิดการตายก็ไม่มีสิ้นสุด เกิดไปตายไปๆ สูงๆ ต่ำๆ เรื่อยไป สุขๆ ทุกข์ๆ ส่วนมากมีแต่ทุกข์อย่างนี้เรื่อยๆ

ทีนี้ถ้ามีศีลมีธรรมภายในใจแล้วจะแทรกไปนั้นๆ มีที่เกาะที่ยึด เช่นอยู่ในท่ามกลางมหาสมุทรก็มีเรือ แน่ะ ในท่ามกลางมหาสมุทรเขาไม่มีที่เกาะ เรามีที่เกาะคือเรือ บุญกุศลอยู่กับผู้สร้างนะ ไม่ว่ากว้างว่าแคบอะไรๆ บุญกุศลที่ยึดที่เกาะอยู่กับผู้สร้างเอาไว้ เหมือนเรืออยู่กับผู้ที่เกาะเรือนั่นแหละ กว้างแคบขนาดไหนน้ำมหาสมุทร แต่ผู้นี้เกาะเรือได้รอดไปได้ เขาจมน้ำตาย คนนี้ไม่จม บืนไปได้ เพราะฉะนั้นท่านจึงให้สร้างกุศล รวมลงแล้วในพุทธศาสนานี้ถ้าอยากจะให้เห็นเด่นชัดจริงๆ ประกาศป้างขึ้นมาในหัวใจตัวเองของผู้ปฏิบัติธรรมนี้ ต้องเป็นเรื่องจิตตภาวนา

คือบุญกุศลของเราที่สร้างมามากน้อยนั้นไม่สูญหายไปไหน ไหลวนอยู่กับเจ้าของนั่นแหละ ไม่มีที่ลง คืออาศัยจิต จิตเป็นผู้สร้าง บุญกุศลอยู่กับจิต ไหลวนอยู่ในนั้น ทีนี้พอสร้างทำนบใหญ่ได้แก่จิตตภาวนา รวมเข้าไป นี้คือทำนบใหญ่ บุญกุศลทั้งหลายจะไหลลงในนั้นหมดเลย ทำนบใหญ่คือหัวใจ ไหลลงมา ทีนี้สร้างบุญบารมีมามากน้อยไม่ต้องถามใครมันจะรู้ขึ้นมาๆ เพราะบุญกุศลรวมแล้วมันก็รู้ สมบัติที่วางทิ้งไว้ที่โน่นที่นี่มันก็ไม่ชัด พอเอามากองกันปุ๊บมันก็รู้ อันนี้บุญกุศลมารวมลงที่จิตตภาวนา มันก็รู้ขึ้นโดยลำดับลำดานั่นแหละ จึงอยากให้ทำจิตตภาวนา

จิตนี้หมุนติ้วตลอดเวลานะ ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับไม่มีเวลาที่จะสงบตัวได้เลย เพราะกิเลสมันพาหมุน ธรรมไม่ได้หมุน เพราะฉะนั้นจึงหักห้ามเหยียบเบรกห้ามล้อเอาไว้ แล้วอบรมจิตให้หักห้ามความคิดปรุงทั้งหลาย ให้อยู่กับความคิดปรุงแห่งการภาวนา เช่นพุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ เป็นต้น ให้จิตยึดอยู่ที่นี่ นี่ละเกาะตรงนี้ เกาะทีแรกเราเกาะนี้คลื่นกิเลสมันตีเอาๆ แล้วพังนะ พุทโธหายเงียบ

         พอได้พุทโธคำหนึ่งสองคำคลื่นกิเลสตีปั๊วะหายเงียบๆ เอ้าตั้งขึ้นๆ ตั้งหลายครั้งหลายหนตั้งได้ เอ้าคลื่นกิเลสมาก็มา ทางนี้คลื่นแห่งธรรมอยู่กับหัวใจเรา ติดกันอยู่นี้แล้วก็ค่อยตั้งได้ๆ ทีนี้จิตมีความสงบเย็น พอมีความสงบเย็น นี่ละความสุขขึ้นแล้ว ความสุขอันนี้ไปเทียบกับความสุขทั้งหลายที่เราเคยผ่านมาเข้ากันไม่ได้เลย ยิ่งเน้นหนัก ทีนี้จิตมันยิ่งดูดดื่มละที่นี่ ดูดดื่มๆ เข้าในนี้ เห็นชัดเจนๆ ต่อไปจิตก็ยิ่งหนักแน่นเข้ามาๆ ความสุขขวนขวายที่ไหนๆ เข้ามานี้หมดเลย รวมๆ อยู่ที่นี่ เย็นสบายๆ

         คำว่าความสุขตามแต่ธรรมมีมากน้อยเข้าสัมผัสใจ ธรรมมีมากความสุขมีมาก ธรรมมีมากเท่าไรความสุขก็มาก ความทุกข์น้อยลงไป จางลงไปๆ ความสุขเด่นขึ้นๆ นี่ละที่ท่านว่าภาวนา สุดท้ายหลุดพ้น หลุดพ้นที่ใจนี่นะไม่ได้หลุดพ้นที่ไหน หลุดพ้นสิ่งพัวพันทั้งหลายก็คือกิเลสน่ะพัวพัน ผ่านพ้นไปได้เลย นี่อำนาจแห่งการภาวนา จึงอยากจะให้พี่น้องทั้งหลายได้ภาวนา การพูดทั้งนี้เราพูดอย่างอาจหาญชาญชัย เพราะเราจะตายแล้ว แต่ก่อนก็ไม่ค่อยเท่าไรนัก นี้เจ้าของก็ยิ่งจวนตายมองดูโลกดูสงสารเป็นความห่วงใยหนักแน่นขึ้น หนาแน่นขึ้นโดยลำดับลำดา

         แทนที่จะมาห่วงใยเจ้าของ เราบอกจริงๆ เท่าเม็ดหินเม็ดทรายเราก็ไม่มี ที่ดีดที่ดิ้นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีดดิ้นเพื่อโลกนั่นเอง ไม่ใช่ดีดดิ้นเพื่อเรา เราอยู่ที่ไหนเราอยู่ได้ ตายง่ายสบายมาก เราพูดจริงๆ บอกในหัวใจชัดเจน เรื่องตายของเราตายง่ายมาก เพราะฉะนั้นในประวัติพุทธศาสนาจึงไม่ค่อยเห็นมีปรากฏมากอะไรนัก ไม่ค่อยมีนะ พระอรหันต์ท่านตาย ท่านนิพพาน องค์ไหนพอสมควรแก่กาลเวลาท่านปั๊บเข้าตรงไหนเหมาะสม ต้นไม้ภูเขาที่ตรงไหน ในถ้ำเงื้อมผาที่เป็นความสะดวกแก่การปลงขันธ์อันเป็นความกังวลใหญ่โตนี้ออก ความรับผิดชอบในขันธ์นี้ก็ปล่อยพร้อมกัน ดีดผึงไปเลย นิพพานๆ

         เพราะฉะนั้นในประวัติตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมาก็มีปรากฏไม่มากนัก มีแต่องค์สำคัญๆ นอกนั้นท่านนิพพานของท่านอย่างง่ายดายๆ นี่ละท่านอยู่ง่าย กินง่าย นอนง่าย ตายง่าย คือท่านผู้สิ้นกิเลสแล้วไม่มีอะไรเป็นความห่วงใยเลย ดีดผึงเลยทีเดียว นี่เราก็จวนจะตายแล้วเราบอกตรงๆ เราไม่ได้ห่วงเจ้าของว่าจะเป็นทุกข์เป็นร้อนอะไร เวลาเราเป็นอยู่ก็ดี เวลาจะตายก็ดีเราไม่เคยเป็นห่วง เป็นห่วงแต่บรรดาพี่น้องทั้งหลาย เพราะมันคลุกเคล้าไปด้วยฟืนด้วยไฟ คือกิเลสเผาหัวใจตลอดเวลา และต่างคนต่างดีดต่างดิ้นหาความสุขไม่ได้เลย คว้าน้ำเหลวๆ ไม่ได้ความสัตย์ความจริงคือศีลคือธรรมภายในใจ เพราะมันไม่คว้าหาสิ่งนี้ หาตั้งแต่สิ่งที่จะพาให้เป็นฟืนเป็นไฟ โลกนี้จึงร้อนกันทุกหย่อมหญ้า

         พอจิตปั๊บเข้าไปนี้ได้หลักเท่านั้นมันจะสนุกดูโลกเป็นลำดับลำดาไป ยิ่งมันจ้าเข้าไปเท่าไรยิ่งดูได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการดูถูกเหยียดหยาม และไม่มีการยกยอโดยหาเหตุหาผลไม่ได้ ดูโดยธรรม ตำหนิโดยธรรม ยกยอโดยธรรม เป็นความจริง นี้เราก็พูดจริงๆ เราจวนจะตายเท่าไรยิ่งเป็นห่วงเป็นใยโลกสงสาร พากันมีศีลมีธรรมพอเป็นที่เกาะที่ยึด เป็นเรือในท่ามกลางมหาสมุทรพอได้ยึดบ้างหรือเปล่าน่า นี่มันอยากถามว่าอย่างนั้นนะ จึงประกาศป้างๆ มาตลอดจนกระทั่งทุกวันนี้

         เราไม่ได้อะไรกับเรา เราหมดโดยประการทั้งปวง มีแต่รักษาธาตุขันธ์ รักษาธาตุขันธ์นี่ก็ไว้เพื่อโลกนะ ถ้าไว้เพื่อเรา เราตายไปนานแล้ว เราไม่อยากยุ่งกับมัน หนัก พาอยู่พากิน พาขับพาถ่าย พาหลับพานอน หนักทั้งนั้น ถึงไม่ยึดมัน ความรับผิดชอบมันก็มีเป็นหนักประเภทหนึ่ง พอสลัดปั๊วะดีดเท่านั้นหมดโดยสิ้นเชิง บรรดสมมุติแม้เม็ดหินเม็ดทรายไม่มี นั่น ไปเลย เพราะฉะนั้นจึงไม่ยาก การเป็นอยู่ปูวายการตายของผู้สิ้นความกังวลคือกิเลสทั้งหลายแล้วหมดความกังวล

         ถึงจะว่าเราเป็นอะไรไม่เป็นอะไรก็ตาม ความจริงของเรามีเราก็บอกอย่างนี้ เราไม่เป็นกังวลกับเรื่องตายของเรา ไปที่ไหนเราตายได้สบายๆ เข้าร่มไม้ปั๊บไปเลย ไม่ยากอะไร มันยากตั้งแต่การสอนโลกละซิเวลานี้ สอนให้ทำอย่างนี้มันกลับไปทำอย่างนั้น สอนให้ทำอย่างนั้นมันกลับไปทำอย่างนี้ มันปลิ้นปล้อนหลอกลวงตัวเอง แล้วก็มาหลอกผู้สอนอีก นี่มันน่าโมโห ถ้ามีไม้อยู่แถวนี้เราจะตัดไม้ปาไปตามแถวนี้มันโมโห สอนอย่างหนึ่งมันไปอย่างหนึ่งๆ

         ท่านทั้งหลายเกาะให้ดีนะเกาะธรรม นี่ละเรืออย่างว่า อยู่ในท่ามกลางมหาสมุทรก็ตาม ถ้ามีเรือไม่ตายไม่จม มันจะอยู่ในพวกวัฏวนนี้ก็ตามเมื่อมีบุญมีกุศลแล้วไม่จม เข้าใจหรือ นี่บุญกุศลคือเรือลำหนึ่งๆ ของแต่ละคนที่สร้างมาทางบุญทางกุศล พากันจำให้ดี พุทธศาสนานี้เลิศแล้วท่านอย่าไปหาที่ไหนอีก บอกชัดๆ เลย เราอ่านมาจากหัวใจเราขึ้นเวที ฟัดกับกิเลสหงายลงไปโดยสิ้นเชิงแล้ว พระพุทธเจ้าก็ไม่ทูลถาม ถามหาอะไร พระพุทธเจ้าคือองค์ไหนไม่ได้ถาม

         เราก็ไม่เคยคาดเคยคิด มีตั้งแต่อยากพบอยากเห็น อยากกราบอยากไหว้พระพุทธเจ้า คงเป็นองค์อย่างนั้นองค์อย่างนี้ องค์แท้ๆ คือรูปธรรม ไม่ใช่นามธรรมนะ องค์ศาสดาแท้เป็นนามธรรม เป็นธรรมธาตุ ผางขึ้นในใจเป็นธรรมธาตุแล้ว ธรรมธาตุกับธรรมธาตุเข้ากันได้หมดเลย ไม่ต้องไปถามหากัน พากันจำเอานะ เราสอนท่านทั้งหลายเราไม่ได้สอนด้วยความลูบๆ คลำๆ สอนตามสัตย์ความจริงที่รู้ที่เห็นขึ้นมาที่ใจ สอนทุกแง่ทุกมุม แน่ใจไม่ผิดว่างั้นเลย ไม่ว่าธรรมะขั้นใดๆ จนถึงหลุดพ้นนิพพาน ถอดออกมาจากหัวใจทั้งนั้นมาสอนท่านทั้งหลาย จึงเป็นที่แน่ใจ

         เพราะฉะนั้นการแนะนำสั่งสอนจะหนักเบามากน้อยเพียงไร เราจึงไม่เป็นกังวลในการสอน ควรถากก็ถาก ควรฟันก็ฟัน ควรไสกบก็ไสกบ เขาทำงานของเขาเพื่อปลูกบ้านสร้างเรือนให้สมบูรณ์แบบ เขาต้องมีหลายแบบหลายฉบับ ควรถากก็ถาก ควรฟันก็ฟัน ควรเลื่อยก็เลื่อย ควรสิ่วก็สิ่ว เสียงเป้งปั้งๆ เขาไม่ได้ทำลายบ้านเรือน เขาไม่ทำลายไม้ เขาทำเพื่อปลูกบ้าน อันนี้การสั่งสอนคนก็เหมือนกัน บ๊งเบ๊งๆ ดุด่าว่ากล่าว แนะนำสั่งสอนแบบต่างๆ กัน

         เพราะฉะนั้นเราจึงไม่เป็นอารมณ์ พูดใครสอนใครก็ตาม จะหนักจะเบาเป็นธรรมประเภทที่ให้ประโยชน์แก่โลกตามขั้นตามภูมิของธรรมที่สอนลงไปนั้นทั้งนั้น เราจึงไม่มีอารมณ์ว่า พูดไปนี้หนักไปหรือเบาไปเป็นอารมณ์ เขาจะโกรธจะแค้นหรือยังไงน่า เราบอกตรงๆ เราไม่มี เพราะธรรมที่ออกไปนี้เป็นประโยชน์ทุกประโยคแล้ว เหมือนกับเขาสร้างบ้านสร้างเรือน ฟันไม้ปั๊กๆ เขาก็ฟันเพื่อเรือน ถากไม้เขาก็ถากเพื่อบ้านเพื่อเรือนของเขา ไสไม้เขาก็ไสเพื่อเรือนของเขา อันนี้การแนะนำสั่งสอนทั้งถาก ทั้งฟัน ทั้งเจาะ ทั้งอะไรก็แล้วแต่ เพื่อทำคนให้ดีนั่นแหละ เราจึงไม่เป็นอารมณ์ พอจบนี้แล้วหายเงียบเลยไม่มีอะไรเหลือ เพราะเป็นความถูกต้องแล้วที่เราสอนไปแล้ว ไม่เป็นอารมณ์ พากันจำเอานะ

         แล้วปัญหามันตายหรือไงเมืองอินเดีย ว่าจะมาถามปัญหาเลยไม่ได้เรื่องได้ราว ปัญหาเราเลยออกเสียก่อน มันเป็นยังไงก็ไม่รู้ เมืองอินเดียมันตายแล้วหรือ ไปถามดูหน่อย เมืองอินเดียทางนู้นนะ (เขาภาวนาพุทโธครับ) ให้สติจับอยู่กับพุทโธ สติความรู้ตัว ให้อยู่กับคำว่าพุทโธๆ อย่าให้ย้ายไปไหน ให้อยู่ที่นั่นแล้วจิตจะสงบลง นี่ละสัตว์โลกอยู่ในเมืองไหนๆ ให้ชื่อว่าเมืองนั้นๆ ชาตินั้นชาตินี้ก็คือสัตว์มนุษย์นั่นแหละ สพฺเพ สตฺตาอันว่าสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น นั่นมันเหมือนกัน เอาธรรมเข้าไปเข้ากันได้หมด

         (เขาขออนุญาตถ่ายรูปได้ไหมครับ) ไม่ถ่าย ถ่ายหาอะไร ตาเขาก็มี ตาเราก็มี ตาเราเป็นตายังไงจึงต้องมาถ่ายรูป นี่ตาเขายังไม่เห็นถ่าย (เอาไปประกอบคำสัมภาษณ์ลงหนังสือพิมพ์ที่สิงคโปร์ครับ) ไม่ประกอบก็ได้ ไม่จำเป็น พระพุทธเจ้าสอนโลกท่านไม่เห็นโยนกล้องให้โลกได้เอาไปถ่ายพระพุทธเจ้า ยังเป็นศาสดามาตลอด เป็นพระอรหันต์ตามพระพุทธเจ้าไปได้ ไม่เห็นจำเป็นกับกล้องกับแก้ง เข้าใจไหมล่ะ ตกไปหรือยังแก้ปัญหา ตกหรือยัง ยังค้างตรงไหน แล้วมีอะไรอีก นึกว่าจะถามปัญหาอะไรเตรียมท่าเตรียมทาง  เตรียมไว้แล้วไม่มีอะไรเราก็ตอบของเราเองไปเลย เราขี้เกียจรอ

         (วันนี้ครบวันตายของแม่ถวายทอง ๑ บาท เงิน ๓,๐๐๐ ค่าสถานีวิทยุอีก ๒,๐๐๐) ได้เยอะนะ อย่าว่าแต่แม่ตาย เจ้าของก็จะตายเหมือนกันนะ อย่าประมาท อย่านอนหลับครอกๆ ไม่คำนึงถึงความตายไม่ได้นะ ต้องกระตุกเอาเรื่อยละ

         ทองคำของเราที่เป็นประเภทน้ำไหลซึมได้ถึง ๖๐ กิโลแล้ว ถ้าไม่ประกาศไม่ขอ ไม่ร้องจากผู้ใดก็ไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง นี่ได้ถึง ๖๐ กิโลแล้ว

        พระ...ผมภาวนาเป็นทุกข์ทางใจขึ้นมาในพรรษาแรก ก็ได้ท่านอาจารย์ที่นั่นแนะนำให้ฟังเทศน์ท่านพระอาจารย์มหาบัว ให้ยืมฟัง ๗ วันก็เลยดีใจ ฟังครบ ๗ วันแล้วก็คืนท่าน ทำความเพียรก็รู้สึกสบายขึ้น ทำความเพียรไปได้ ๑๕ วัน เหมือนกับน้ำไหลลงจากสมอง โอ้ กิเลสมันจะเอาเราตายแล้ว พอไหลลงไปถึงใจก็เป็นปรกติขึ้นมา ก็เลยทำความเพียรไป ใกล้จะออกพรรษารู้สึกหวิวๆ เหมือนจะตกจากเขาลงไป แล้วมีเสียงขึ้นมาว่าท่านจะตายในเย็นนี้ อย่าห่วงอะไร เอ้า เราอยู่ดีๆ ทำไมถึงว่าจะตาย ก็เลยเดินต่อ เดินต่อก็หวิวๆ ก็เลยคิดขึ้นมาถ้าเราจะตายต้องไปกราบเรียนท่านเจ้าอาวาส ท่านก็ว่าไม่เป็นไรอย่าไปคิด ผมก็ดีใจ เลยกลับไปเดินต่อ พอมืดสลัวก็มีแมวเข้ามาหา ผมก็นึกว่าจะตายก็เลยเตรียมตัวตาย คลุมผ้าพาดสังฆาฏิ ทำวัตรเย็นแล้ว ถ้าจะตายก็ให้ตายท่ากรรมฐาน นั่งไปจนถึงตี ๓ ก็ลืมตาดู เห็นสีเหลืองๆ เป็นแมลงอะไรเต็มกุฏิ เลยหลับตาไปอีก พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็ยังเห็นสีเหลืองๆ นั่นอยู่ เลยก้มดูหัวใจเห็นแสงสีสวย เอ๊ เป็นแสงอะไร จิตก็บอกว่าเหนือฟ้าเหนือดินแล้ว ตายก็ไม่ห่วงไม่อะไรทั้งสิ้นแล้ว นอกจากนั้นหมู่เพื่อนยังจะเห็นอันนี้ด้วย จากนั้นก็ตกลงไปหามือ ผมก็กำแสงที่ตกจากหัวใจเอาไว้ ดีใจ ก็มีอาการวูบตกลงไปอีกพักหนึ่ง ผมก็อัศจรรย์ไม่เคย ได้ยินเสียงขึ้นมาว่าไม่ตายอีกแล้ว ไปไหนไปได้ไม่ตาย ไม่มาเกิดอีกแล้ว ผมก็ว่าไม่ตายไม่เกิดก็ขอให้มีความสุขอยู่อย่างนี้ สาธุ ได้พ่อแม่ครูบาอาจารย์เมตตา อยากให้พ่อแม่ครูบาอาจารย์เพิ่มเติมเสริมไป

         หลวงตา ให้พิจารณาลงในจิตนี่ละ ตายไม่ตายก็อยู่กับจิต มันหลอกมันลวงอะไร ตายไม่ตายนู้นนี้เขาพูดได้ทั้งนั้นแหละ พิจารณาลงในจิตซิ เรื่องของจิตมันเป็นยังไงเดี๋ยวนี้

พระ...จิตก็ร่มเย็นเป็นสุขตั้งแต่วันนั้น ไม่มีทุกข์มาบังคับสมอง ไม่มีทุกข์มากล้ำกรายจิตใจเลย

หลวงตา แล้วเจ้าของแน่ใจว่ายังไงล่ะ

พระ...แน่ใจว่า สาธุ ไม่มาเกิดอีกแล้ว เกิดมาก็ไม่ทุกข์อีกแล้ว

หลวงตา เอาละพอ อย่างนั้นซินักปฏิบัติมีอยู่ทั่วไป ท่านไม่พูดเฉยๆ มาเกี่ยวกับครูอาจารย์ท่านก็พูดและได้ยินด้วยกัน สนฺทิฏฺฐิโก ป้างขึ้นมา รู้ด้วยตนเองเท่านั้นพอ ไม่ต้องไปทูลถามพระพุทธเจ้า อย่างท่านมาหาเรานี้ท่านแน่ใจแล้วท่านก็เล่าให้ฟังเฉยๆ ท่านไม่สงสัย เอาละพอ ทีนี้จะให้พร

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก