ไม่ว่าศาสนาใดให้ยึดธรรม
วันที่ 25 พฤศจิกายน 2547 เวลา 8:40 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๗

ไม่ว่าศาสนาใดให้ยึดธรรม

 

ก่อนจังหัน

พระให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติความพากเพียรนะ วัดนี้ถือความพากเพียรชำระกิเลสเป็นอันดับหนึ่ง งานเหล่านั้นเป็นงานภายนอก ไม่ได้ถือเป็นงานสำคัญ งานสำคัญของพระตั้งแต่ครั้งพุทธกาลมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ คืองานจิตตภาวนา นี้เป็นงานสำคัญมาก นี้แหละงานของพระแท้ คืออันนี้เอง เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา สำรวมระวังตนตลอดเวลา เพราะข้าศึกอยู่ภายในจิตใจ ไม่มีสิ่งใดที่จะมากำจัดข้าศึกคือกิเลสภายในจิตใจนี้ได้นอกจากธรรมอย่างเดียวเท่านั้น แล้วธรรมทั่วโลกทั่วสงสารที่มาสอนก็ไม่ได้เรื่องได้ราวกัน มีธรรมพระพุทธเจ้าพระองค์เดียว สอนหรือกำจัดกิเลสได้

คำว่า กิเลสๆ คือตัวเศร้าหมองมืดตื้อ เช่น ความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหา รากใหญ่ๆ ตัวใหญ่ๆ นี่ท่านเรียกว่ากิเลส ไม่มีสิ่งใดมาแก้ไขหรือชำระล้างมันได้นอกจากธรรมพระพุทธเจ้าพระองค์เดียว บอกชี้นิ้วได้เลย ธรรมพระพุทธเจ้าอย่างเดียวนี้เท่านั้น หรือธรรมอย่างเดียวเท่านั้น นอกนั้นไม่มี นี้ละตัวเป็นข้าศึกต่อโลกตลอดมากี่กัปกี่กัลป์แล้ว และยังจะเป็นข้าศึกตลอดไปไม่มีสิ้นสุด เรียกว่าไม่มีเงื่อนต้นเงื่อนปลาย คือกิเลสเครื่องผูกมัดสัตว์โลก และหลอกลวงสัตว์โลก ทำให้สัตว์โลกเพลินไปตาม คือเหยื่อติดปลายเบ็ด แล้วเบ็ดก็เกาะปากเลือดสาดทั่วโลกธาตุ มีแต่กิเลสเอาเหยื่อล่อๆ ทั้งนั้น

มีธรรมพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่กำจัดได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่มาอยู่ในวัดนี้ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำความพากเพียรทุกคน อย่านอนใจนะ อยู่ที่ไหน เคลื่อนไหวไปมาที่ไหน สติกับจิตอย่าให้พรากจากกัน นี้เรียกว่าเป็นผู้มีความเพียร เป็นผู้สำรวมระวังตนด้วยสติตลอดเวลา ผู้นี้แลเป็นผู้ที่จะได้รับผล หรือเป็นผู้ที่จะทรงมรรคทรงผลดังครั้งพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านทำอย่างนี้ สาวกทั้งหลายท่านทำอย่างนี้เรื่อยมา เราทำอย่างนี้ก็ต้องเป็นอย่างพระพุทธเจ้า สาวกทั้งหลายนั่นละ ถ้าทำแบบกิเลสก็เป็นกิเลสตลอดไปๆ ไม่มีคำว่าเป็นธรรม ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ

หน้าที่การงานที่เป็นส่วนรวมก็เคยปฏิบัติกันมาแล้ว ให้ต่างคนต่างทำให้สมบูรณ์แบบในตัวเอง แล้วก็สมบูรณ์แบบในส่วนรวม ต่างคนต่างสวยงาม ต่างคนต่างเหมาะสมด้วยกัน ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน ความสามัคคีถ้าเจ้าของไม่บกพร่องก็ไม่มีใครบกพร่อง ความบกพร่องเป็นผลที่จะให้ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อนนั่นแหละ ให้พากันตั้งอกตั้งใจ

ผมไปมาอยู่เรื่อยๆ อย่างนี้ นี้ยังเบาหน่อย ตอนพักจากการช่วยชาติมาแล้วรู้สึกว่าเบาลงหน่อยๆ แต่ก่อนหนาแน่นมากด้วยงานการ และการแนะนำสั่งสอนพระเณรก็ไม่ค่อยมีเวล่ำเวลา เป็นแต่เพียงว่าเทปที่สอนไว้เรียบร้อยแล้วนี้เต็มอยู่ในวัด ได้ยินได้ฟังมาพอแล้ว ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ สติเป็นสำคัญ การประกอบความพากเพียรถ้าสติขาดไปเสียเท่านั้นไม่มีความหมาย หมดความหมายทันทีเลย ถ้าสติติดแนบอยู่กับจิต

คือคำว่าจิตมีฐาน ฐานของจิตนะ เริ่มภาวนาทีแรกสติให้ติดอยู่กับคำบริกรรมที่ตนชอบใจในคำใด เช่น พุทโธ เป็นต้น ให้ติดอยู่กับนั้น จากน้นจิตเข้าสู่ความสงบ เมื่อสงบแล้วจิตเป็นสมาธิ ความรู้เด่นอยู่ภายใน เอาสติจับอยู่กับความรู้ที่เด่นอยู่ภายใน สตินี้พรากไม่ได้นะ ให้ติดแนบกันไปจะเป็นการเสริมตัวเองไปเรื่อยๆ ออกทางด้านปัญญาก็เหมือนกัน สติก็เป็นไปด้วยๆ ขาดไม่ได้เลยสติ จนกระทั่งเป็นสติปัญญาอัตโนมัติ เป็นมหาสติมหาปัญญา ถึงวิมุตติหลุดพ้นเลย นั่นละความเพียรอยู่ที่สติ ไม่อยู่ที่อื่นที่ใด

เวลานี้เราจวนจะตาย เราไม่ได้พูดดูถูกคนนั้น เหยียดหยามคนนี้ ไปยกยอคนนั้นคนนี้โดยหาเหตุหาผลไม่ได้ มีเหตุมีผลทุกอย่าง เพราะเราเรียนธรรม ปฏิบัติธรรม อะไรมาสัมผัสสัมพันธ์จะต้องพิจารณาโดยความเป็นธรรมไปทั้งนั้น เวลานี้รู้สึกว่าหนาแน่นมากกิเลสในชาวพุทธของเรา ทั้งชาวพุทธชาวพระเลย มีตั้งแต่กิเลสเต็มวัดเต็มวาเต็มบ้านเต็มเมือง คำว่า ธรรมๆ มีแต่ชื่อเท่านั้น เรื่องธรรมจริงๆ ที่จะเห็นในกิริยามารยาทแสดงออกมาไม่ค่อยเห็น เพราะไม่มีที่ใจ ธรรมไม่มีที่ใจจึงแสดงออกมาไม่ได้ ถ้าธรรมมีที่ใจปิดไม่อยู่ ยังไงก็ต้องออกมาจนได้นั่นแหละ ให้พากันตั้งอกตั้งใจ

วันนี้ก็จะไปเชียงใหม่แล้ว นี่ก็ไปสงเคราะห์โลกนั่นแหละ ตะเกียกตะกายนี้เราไม่ได้เอาอะไร ไปที่ไหนๆ อย่างช่วยโลกมาตั้ง ๖ ปีกว่านี้เราไม่ได้เอาอะไรเลย ตะเกียกตะกายลำบากลำบนขนาดไหนก็เพื่อพี่น้องทั้งหลายนั้นเอง เพื่อโลกดินแดนของเรา เฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย ศาสนาของไทย เราอุ้มทุกอย่าง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราอุ้มเต็มกำลังความสามารถของเรา เพราะฉะนั้นจึงต้องตะเกียกตะกายไปทุกแห่งทุกหน ประหนึ่งว่าเราดีดเพราะโลภ เราไม่มี เราดีดด้วยความเมตตาสงสารโลกต่างหาก

อย่างที่ไปนี้ก็เหมือนกัน เราจะไปเอาอะไร อยู่ที่ไหนมันก็มี ไปหาอะไร อยู่ในวัดเรานี้อดอยากอะไร สิ่งที่เราไปข้างหน้านั้นก็มีเหมือนกัน ไปตื่นหาอะไรมันแบบเดียวกัน ถ้าว่าข้าว อยู่นี้ก็ได้กิน ไปที่ไหนก็ได้กิน ทุกสิ่งทุกอย่างเครื่องใช้ต่างๆ อยู่ที่ไหนก็มีเหมือนกัน ดิ้นไปหาอะไร แน่ะ สิ่งที่เกี่ยวโยงกันยังมี จึงต้องใกล้มีไกล จึงต้องไป เรื่องราวเป็นอย่างนี้แหละ เอาละให้พร

หลังจังหัน

         สรุปความทั้งหลายในวันนี้ว่า โลกนี้อยู่ได้ด้วยธรรม ธรรมคือความสงบร่มเย็น ธรรมคือความประสานน้ำใจต่อสัตว์โลกด้วยกัน เห็นใจสัตว์โลกด้วยกัน ประสานน้ำใจกันแล้วความเสียสละต่อกันนี้เป็นไปได้จากการเห็นอกเห็นใจกัน นี้คือธรรม การมองกันต้องมองในเหตุในผลอยู่เสมอ อย่ามองในแง่ยกโทษยกกรรมโดยถ่ายเดียว นี่เป็นเรื่องของกิเลส คอยหากัดหาฉีกไปตลอดเรื่องของกิเลส เรื่องกิเลสจะทำโลกให้ร่มเย็นไม่ได้เลย มีตั้งแต่ทำโลกให้ร้อนให้เป็นฟืนเป็นไฟ

ดูซิประเทศทั่วโลกนี้มีกี่ประเทศ แล้วไฟเผาอยู่ทุกแห่งทุกหน ใหญ่เท่าไรยิ่งเผาใหญ่ นี่เพราะกิเลส อำนาจของกิเลสผยองพองตน อวดก้ามไปเรื่อยๆ กิเลสต้องอวดก้ามตลอดไม่มีคำว่าจะลดลงหาเหตุหาผลคืออรรถธรรม แล้วยอมรับกันโดยเหตุผล นั่นคือทางสันติสุข กิเลสไม่ไปทางนี้ จะไปตั้งแต่ทางกีดทางขวางทางทำลาย นี่คือเรื่องของกิเลส ไปที่ไหนจะกีดจะขวางไปหมดถ้าเรื่องของกิเลสไปไหน หาความราบรื่นดีงามไม่ได้ โลกนี้กว้างแสนกว้าง ที่ร่ำลือกันอยู่ก็คือว่าโลกมนุษย์นี้เป็นโลกที่ฉลาด ความฉลาดกับเอาไฟเผากันในโลกนี้มันเข้ากันได้ไหมล่ะ นี่ละความฉลาดของกิเลสเพื่อเอาไฟเผากัน แต่ความฉลาดของธรรมเพื่อความสงบร่มเย็น ประสานกันได้หมดเรื่องธรรมมีอยู่ที่ไหน นี่เรียกว่าธรรมในหลักธรรมชาติเป็นอย่างนี้ ไม่จำเป็นจะต้องไปหากราบหาไหว้ที่นั่นที่นี่ ให้ดูเหตุดูผลอรรถธรรมนี้ ธรรมอยู่ที่นี่

ถ้าพูดถึงเรื่องศาสนาแล้วมีเต็มโลกเต็มสงสาร ก็ศาสนาสอนเพื่อความดีงามทั้งนั้น ทำไมจึงเดือดร้อนกันทั่วโลกดินแดน พิจารณาซิ อย่างในวงชาวพุทธเรานี้ถือศาสนาพุทธ มันก็ยื้อแย่งแข่งชั่ว แข่งความเลวทรามกันอยู่ตลอดเวลา คือกิเลสแทรกเข้าไปเป็นใหญ่เป็นโตในวงศาสนา ศาสนาเลยไม่มี มิหนำซ้ำยังแทรกเข้าไปในวัดในวาในพระในเณร ศาสนาในพระในเณรเลยไม่มี มีแต่หัวโล้นโกนคิ้วเท่านั้นไม่เห็นมีอะไร นี่ละถ้ากิเลสเข้าไปตรงไหนแหลกหมดเลย เครื่องหมายตีตราก็ตีไว้อย่างนั้น แต่ผู้ทำมันไม่ได้ตีตรา มันฟาดเลยๆ นี่เรื่องกิเลสไปที่ไหนร้อนทั้งนั้น

ทั่วโลกนี้ถ้ามีธรรมเท่านั้น เอาคำว่าธรรมนี่เป็นศาสนาเลยทุกคน อย่าไปว่าศาสนานี้ดี ศาสนานั้นดี ส่วนมากต่อมากศาสนาเป็นคำสอนของกิเลสทั้งนั้น ไม่ได้เป็นคำสอนของธรรมจริงๆ คำสอนของธรรมจริงๆ จะสอนให้สงบร่มเย็น ให้อภัยซึ่งกันและกัน ผู้ใหญ่ให้อภัยผู้น้อย ผู้น้อยก็เคารพผู้ใหญ่ ถ้าธรรมไปที่ไหนชุ่มเย็นไปหมด เหมือนแม่กับลูกไปที่ไหนชุ่มเย็น รักสงสารลูก ผู้ใหญ่ก็เมตตาสงสารผู้น้อย ไม่รังแกผู้น้อย ไม่บีบบี้สีไฟผู้น้อย เดี๋ยวนี้เป็นผู้ใหญ่นะเที่ยวหาบีบบี้สีไฟอยู่ทั่วโลก ไฟเผาไหม้อยู่ทุกแห่งทุกหนเวลานี้ ข้าศึกสงครามสงบเมื่อไร ก็คือผู้ใหญ่ นั่นละใหญ่กิเลสใหญ่อย่างนั้น ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นได้มากมาย

ถ้าธรรมใหญ่ที่ไหนเย็นที่นั่น พระพุทธเจ้าเย็นไปสามโลกธาตุ ทำความร่มเย็นให้แก่โลก กามโลก รูปโลก อรูปโลก เย็นไปหมด ธรรมเป็นอย่างนั้น ต่างกันกับกิเลส กิเลสสามแดนโลกธาตุไม่มีที่ไหนที่จะมีความสุขความสบาย มีแต่ความดีดความดิ้น ความเผาความสังหารกัน เพราะฉะนั้นจึงควรเอาธรรมเป็นศาสนาทั่วโลกดินแดน น้อมธรรมดังที่กล่าวมาย่อๆ นี้ ความให้อภัยซึ่งกันและกัน ละชั่วทำดี ความเมตตา ความประสานสามัคคีน้ำใจต่อกัน แม้แต่สัตว์เขาก็มีหัวใจเหมือนกันกับมนุษย์เรา ก็ให้มีน้ำใจต่อสัตว์ อย่ามีแต่มีน้ำใจต่อตัวของเราเองแล้วเหยียบย่ำคนอื่น นั้นไม่ใช่ธรรม เรื่องธรรมแล้วประสานไปหมด เย็นไปหมด

วันนี้ขอฝากธรรมไว้เป็นศาสนาทั่วโลก ให้เอาธรรมเป็นศาสนาทั่วโลก อย่ายึดแต่ว่าเราถือศาสนานั้นศาสนานี้ แล้วเอาศาสนามาตีกัน ศาสนาเลยเป็นศาสนาของข้าศึก เป็นคลังกิเลส กิเลสออกมาที่ไหนแตกที่นั่น ตีที่นั่น ใครถือศาสนามากเท่าไรเป็นอวดอำนาจอวดก้ามขึ้นเรื่อยๆ ศาสนากิเลสเป็นอย่างนั้น ถ้าศาสนธรรมแล้วเย็นไปหมดเลย เพราะฉะนั้นให้เอาธรรมเป็นศาสนา คำว่าธรรมนี่กลางๆ ไม่ว่าศาสนาใดให้ยึดธรรม เอาธรรมเลย ว่าถือศาสนานั้นศาสนานี้ก็ไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไร มีแต่เอาศาสนามาเป็นเครื่องมือประหัตประหารกัน บีบบี้สีไฟกัน อวดอำนาจกันเท่านั้น ศาสนาไม่เห็นมีความหมายอะไร เพราะไม่มีธรรม มีแต่คำว่าศาสนาเฉยๆ มันเป็นศาสนาคำสอนของกิเลสทั้งนั้น การก้าวเดินเคลื่อนไหวไปมามีแต่เรื่องกิเลสพาก้าวเดิน โลกจะร้อนไปตลอดอย่างนี้แหละ ถ้ามีธรรมพาก้าวเดินแล้วจะสงบร่มเย็น เอาละพอ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก