คำสอนของผู้สิ้นกิเลส
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2547 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๗

คำสอนของผู้สิ้นกิเลส

 

ก่อนจังหัน

(พระ ๓๑ เณร ๓ ครับ) ส่วนมากวัดกรรมฐานท่านไม่ค่อยรับเณร ส่วนมากมีแต่พระ อย่างมากจะมีสักเณรหรือสองเณร วัดนี้ไม่ค่อยมีแต่ไหนแต่ไรมา เราไม่เอา ขี้เกียจยุ่งกับเด็ก เอาผ้าเหลืองคลุมหัวลิง เข้าใจไหม เพราะฉะนั้นวัดกรรมฐานทั้งหลายที่ท่านตั้งใจปฏิบัติเอาจริงเอาจังจึงไม่ค่อยรับเณรนะ มันยุ่ง ก็เด็ก

วันเสาร์วันอาทิตย์หรือวันพระ เป็นโอกาสอันดีงามที่จะขนคุณงามความดีเข้าสู่ใจหรืออาหารของใจ ที่พึ่งที่ยึดที่เกาะของใจ นอกนั้นยุ่งไปเพื่อธาตุเพื่อขันธ์ เพื่อใจเพียงเล็กน้อย วันเช่นนี้ควรจะมีกับชาวพุทธของเรา มีตั้งแต่วันยุ่งๆ วันที่จะเป็นสารประโยชน์แก่จิตใจดวงที่เป็นนักท่องเที่ยวนี้ ไม่ค่อยหาเสบียงติดใจไปเลยนะ หาแต่ให้ร่างกายๆ ตายแล้วไปเผาอยู่ตามนั้นเห็นไหม มันไปไหนร่างกาย มหาเศรษฐีตายแล้วก็ตายกองกันเหมือนกันไม่มีประโยชน์อะไร เวลามีชีวิตอยู่ก็อาศัยกันไปอย่างนั้น พอตายแล้วสิ่งเหล่านี้หมดความหมาย เพราะร่างกายหมดความหมาย แต่ใจไม่หมด ใจจะต้องท่องเที่ยวๆ

ใจเป็นนักท่องเที่ยว พาสัตว์ให้ตายกองกันอยู่ในโลกนี้ไม่ใช่เพราะอะไร เพราะใจดวงนี้ไม่เคยตาย แต่มีดีมีชั่วแทรกอยู่นั้น ถ้ามีดีก็พาไปดี ถ้าชอบทำตั้งแต่ความชั่ว ตายแล้วจมลงๆ อยู่สถานที่ใดจมทั้งนั้นคนทำความชั่วคนบาป ขึ้นเครื่องบินไปมันก็จมอยู่ในหัวใจของมันคนขี้บาป คนบุญนี้อยู่ที่ไหนก็สบายๆ จำเอานะ ลงมีความดีงามภายในใจ อยู่ไหนสบายหมดนะ ถ้าเรื่องบาปเรื่องกรรมมีอยู่ในตัวแล้ว ไปไหนมีตั้งแต่ความทุกข์ความเดือดร้อน ภพใดชาติใดๆ มีแต่สิ่งไม่พึงหวังๆ ให้จำนะ จำคำสอนพระพุทธเจ้า เป็นคำสอนของผู้สิ้นกิเลส อย่าไปเชื่อตั้งแต่คลังกิเลส หลอกอันนั้น หลอกอันนี้ เอาศาสนามาอวดกัน มันมีแต่คลังกิเลสทั้งนั้น จำให้ดี

เน้นหนักลงในจุดความจริงๆ ไม่งั้นจะไม่ได้อะไรนะ ตายกองกัน มีแต่ของปลอมๆ ครั้นมาก็มาปีนป่ายกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ ตายแล้วไม่ได้เรื่องอะไร ร่างกายก็เน่าเฟะๆ ส่วนที่จะไปสมบุกสมบันอยู่ในภพหน้าชาติหน้าคือใจ ไม่ได้มองดูเลย พระพุทธเจ้าสอนให้มองดูใจๆ มันก็ไม่มอง ธรรมะท่านกระตุกว่า โก นุ หาโส กิมานนฺโท? นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ อนฺธกาเรน โอนทฺธา ปทีปํ น คเวสถ.ก็เมื่อโลกสันนิวาสนี้มันรุ่มร้อนไปด้วยฟืนด้วยไฟ เพราะกิเลสตัวมืดบอดครอบงำหัวใจสัตว์ แล้วท่านทั้งหลายยังมารื่นเริงบันเทิงหาอะไร ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย ทำไมไม่เสาะแสวงหาที่พึ่ง นี่ละธรรมะข้อนี้กระตุก

แล้วพวกเรามันพวกไหน พอจะตื่นบ้างไหม ธรรมะพระพุทธเจ้ากระตุก หรือตื่นไปตั้งแต่กับเพลงลูกทุ่งลูกกรุงงั้นเหรอ พวกลูกทุ่งลูกกรุงตายแล้วจมกันไปหมดนะ พวกลูกทุ่งลูกกรุงนี้มันจะพากันตายกองกัน พระพุทธเจ้าสอน โก นุ หาโส กิมานนฺโท? มันจะไม่ฟังนะ ที่จะลากขึ้นๆ มันจะไม่ฟัง ถ้าลากลงไม่ต้องบอก ไหลเลยละ จำให้ดี จะตายทิ้งเปล่าๆ นะ เวลานี้ศาสนาแทบจะไม่มีเหลือในหัวใจของสัตว์โลก ศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าน่ะ จะมีแต่ศาสนกิเลส กิเลสกล่อมสัตว์โลกตลอดเวลา จม ตายกองกันๆ เห่อไปตามๆ กัน ตายกองกัน นี่ละกิเลสหลอกสัตว์โลก เห่อไปๆ ตายกองกันๆ อยากตายกองกันอย่างนี้อยู่เหรอ

มันกี่กัปกี่กัลป์มาแล้วที่ตายกองกันมานี้ จิตวิญญาณดวงนี้มันฉิบหายเมื่อไร ไปเข้าร่างนั้นร่างนี้ เข้าร่างไหนเกิดที่ไหนตายที่นั่น ตายกองกันที่นั่น ทั้งเขาทั้งเรา ทั้งสัตว์ทั้งบุคคลทั่วโลกดินแดน ตายกองกันทั้งนั้นด้วยความลุ่มหลง ถ้าไม่มีคุณงามความดีจะตายกองกันอีกหาประมาณไม่ได้ อนมตคฺโค ไม่มีเงื่อนต้นเงื่อนปลาย คือสัตว์ตายกองกัน นี่ละอำนาจของกิเลสพาให้สัตว์ทั้งหลายตายกองกัน ให้รีบทำนะ พระพุทธเจ้าสอน โก นุ หาโส กิมานนฺโท? อย่ามัวแต่เพลิดเพลินรื่นเริงบันเทิงเป็นบ้าตายกองกันอยู่นี้นะ มรรคผลนิพพานมีไว้เพื่ออะไร เพื่อให้ได้รับความสุขความสำราญบานใจกระทั่งความพ้นทุกข์ ให้ฟังซิ

หูเรามันฟังตั้งแต่สิ่งที่ไม่เป็นท่าเป็นทาง ตาหาดูตั้งแต่สิ่งไม่เป็นประโยชน์ เป็นโทษแก่ตนของตน ส่วนคุณงามความดีมันไม่มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย นี้กิเลสเอาไปใช้ทั้งหมด อรรถธรรมไม่ได้ใช้เลย ตื่นมาวันหนึ่งคืนหนึ่งมีแต่กิเลสเอาไปใช้วันยังค่ำ ถลุงคืนยังรุ่ง ตายแล้วจมๆ คุณงามความดีที่ควรจะเกิดขึ้นจากตา หู จมูก ลิ้น กาย ซึ่งเป็นเครื่องมือนี้ไม่เกิดไม่มี เพราะกิเลสเอาไปถลุงหมด จำให้ดีนะ วันนี้เป็นโอกาสอันดี วันเสาร์ อาทิตย์ หรือวันพระ นี่สำคัญมาก เป็นวันทางด้านจิตใจ บำรุงจิตใจ นอกนั้นปล่อยให้เป็นเรื่องของธาตุของขันธ์ วิ่งเต้นขวนขวายทั้งเขาทั้งเรา ไม่วิ่งไม่ได้ธาตุขันธ์ ไม่ได้กินอยู่ไม่ได้ ก็ต้องได้ตะเกียกตะกาย แต่ตะเกียกตะกายมันเลยตะเกียกตะกาย มันไหลกันไปเลยนี่ซิมันเสีย

อาหารของธาตุขันธ์นี้มีอยู่ทั่วไป แต่โลกทั้งหลายไม่เห็นมีความสุข ใครไปนอนอยู่บนกองเงินกองทองก็ไม่มีความสุข สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งให้ความสุข เป็นเพียงสิ่งอาศัยไปวันๆ เท่านั้น หัวใจต่างหาก ถ้ามีอรรถมีธรรมอยู่ไหนสบายหมดๆ เลยนะ จำให้ดี ธรรมอยู่กับใจ เอาละให้พร

หลังจังหัน

         ที่คนบางตานี้ไม่ใช่อะไรนะ วันอาทิตย์นี้ตามธรรมดามันหนาแน่น นี้บางตาเพราะอะไร เพราะไปทอดกฐินที่ต่างๆ เพื่อนฝูงมาก คนนั้นลากไปนั้น คนนี้ลากไปนี้ เลยหมด วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่นี่บางตา ก็คือออกทอดกฐินวัดนั้นวัดนี้ ที่วัดใหม่ท่านณรงค์เราก็ถามดูว่ามีคนทอดกฐินแล้วยัง ว่ายังไม่มี มีคนจองแล้วยัง ไม่มี ก็แสดงว่ายังไม่มีโดยสิ้นเชิง วัดใหม่ก็เรานี่ไปสร้าง คือเขามาเสนอขายที่ แล้วเป็นที่เหมาะสม ในย่านนี้ห่าง ทางโน้นเขามาวัดนี้ลำบาก ทางกกสะทอน ทางโนนเดื่อ เขามาที่นี่เป็นประจำๆ บางรายมาทุกวันเลย ส่วนวันพระวันอะไรไม่ต้องพูดแหละมาเต็มอยู่นี้ เราเลยเห็นความลำบากของเขา เมื่อมีผู้เสนอขายที่ทางโน้นเราก็สืบถามให้ชัดเจนก่อนว่าเป็นที่เช่นไรๆ อยู่ย่านไหนๆ  พอเขาบอกทราบชัดเจนแล้วก็ตกลงซื้อเลย เรื่องราวเป็นอย่างนั้นนะ

ทีแรกมันร้อยกว่าไร่ ต่อมาขยายออกไปดูเหมือนเป็น ๓๐๐ ไร่ ร้อยกว่าไร่เป็นที่ที่เราซื้อให้ทั้งหมด จากนั้นก็สร้างกำแพงให้ เราเองทำให้นะ ปลูกศาลาให้ทั้งหลัง ให้หมดเลยวัดใหม่ แล้วให้ท่านณรงค์ไปเป็นสมภารดูแลวัดเรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้ เมื่อสามวันนี้เราถามว่ามีผู้ทอดกฐินแล้วยัง ว่ายัง แล้วมีผู้จองหรือยัง ว่ายัง ก็แสดงว่ายังไม่มีโดยสิ้นเชิง เออ ไม่มีก็ไม่มีละจะเป็นอะไร เราก็ว่าเท่านั้น สมัยนี้เขานิยมทอดกฐินกัน เป็นประเพณีอันหนึ่งของชาวพุทธ(กราบเรียนค่ะ เมื่อสองวันนี้คุณแม่จันดีได้รวบรวมพวกเราข้างในครัว ว่าจะตั้งกองกฐินไปทอดที่วัดใหม่วันที่ ๒๔ เจ้าค่ะ) ๒๔ เหรอ พอดีวันที่ ๒๕ เราก็จะไปเชียงใหม่ เออ จะทอดก็ทอดเสีย ใครมีศรัทธาจะรวบรวมกันก็ให้ไปติดต่อกับแม่จันดีนะ อันนั้นเป็นหัวหน้าศรัทธา ใครบริจาคมากน้อยตามกำลังศรัทธาของตนก็ให้ไปรวมที่แม่จันดี น้องสาวเรา

เรามีโอกาสเดินฉากไป แต่เราไม่เคยถามไม่ว่าพี่ว่าน้องว่าใครนะ เราเหมือนกันหมดทั่วโลก ไม่ใกล้คนนั้นไม่ไกลคนนี้อะไร เสมอกันหมดเลย อย่างบ้านน้องๆ เราเคยไปเหยียบที่ไหน ลูกๆ หลานๆ ไม่รู้เขาเลยนะ อย่างนี้ละเหมือนกันหมด ไปที่ไหนก็แบบเดียวกัน เราเดินเข้าไปตอนนั้นโยมแม่ป่วย เราเดินไปถามโยมแม่ พวกนี้เขาอยู่ข้างในกุฏิโยมแม่  เราไม่เคยเข้าไปนั่งแหละกุฏิโยมแม่ ไปก็ไปยืนหน้ากุฏิ เป็นยังไงล่ะไข้ ถ้าธรรมดาเราไปก็ไปศาลา โยมแม่ก็มาฟังเทศน์ที่นี่ พอดีโยมแม่ป่วย เราก็เดินไปถามที่หน้ากุฏิเท่านั้นเอง

ไปพบกับจันดีนี้ละเขามาดูแลแม่ แล้วมันไปสัมผัสยังไงไม่รู้นะ แน่ะบทเวลาจะได้ถาม มันไปสัมผัสเข้าไป มึงเชื่อหรือว่าเป็นน้องกูน่ะ ถ้ามึงเชื่อว่าเป็นน้องกู กูบวชเมื่อไรมึงรู้ไหม ว่าไม่รู้ แล้วว่ามึงเป็นน้องกูได้ยังไง ก็พ่อกับแม่พูดอยู่ตลอด เราเลยไม่ลืมนะ ถามว่า มึงเป็นน้องกู มึงรู้ได้ยังไง จากนั้นเวลากูบวชมึงรู้ไหม ไม่รู้ ดูอายุเขาจะ ๔ ขวบมั้งยังเป็นเด็ก เขาว่าไม่ทราบก็ถูกต้อง

ตอนนั้นเรากำลังเที่ยวกรรมฐานอยู่นะ มาทำบุญอุทิศให้โยมพ่อ แล้วนางจันดีนี้แต่ก่อนตัวมันเท่ากำปั้นเราไม่รู้ เวลาไปสวนทางกันซี เรามาจากอุดร แต่ก่อนรถไม่มีนะใช้เดิน เขาผ่านทางไป เห็นปุ๊บปั๊บ เขานั่งไหว้นั่งกราบ เอ๊ เด็กที่ไหนดูลักษณะเข้าที แสดงว่าจะเข้าใจในศีลในธรรมพอประมาณ เราก็เลยถามว่ามาจากไหน มาจากบ้านตาด แล้วจะไปไหน ว่าจะไปอุดรหรือไง สวนทางกันกับเรา อยู่บ้านไหน เราถามซ้ำอีกที อยู่บ้านตาด เขาเคอะๆ เขินๆ นะพอถูกถามว่าอยู่บ้านไหน ถามไปถามมาเราก็เลยถามว่า เขาเป็นใคร เขาเลยหัวเราะ เราไม่รู้ว่าเขาเป็นน้องเรา ก็เราเป็นมหาและไปเที่ยวกรรมฐานแล้วมาทำบุญหาพ่อ เราถามอย่างนั้นเขายิ้มๆ แล้วก็หัวเราะ หือ มึงหัวเราะหาอะไร บอกมาซิ อู๊ย ไม่ทราบจะบอกว่ายังไง ก็ถามจุดไต้ตำตอ พี่กับน้องถามกันไม่รู้กัน เราไม่รู้เขา ตัวเขาเท่ากำปั้นเวลาเราบวช เวลามาเจอเขาเขาเป็นสาวแล้ว อายุได้ ๑๖-๑๗ ละมั้ง

ถามไปถามมา แล้วเป็นใครล่ะ เขาก็ยิ่งหัวเราะเขาไม่กล้าตอบ เหอ เราก็เลยเดาเอานะ อีจันดีหรือ ว่าใช่แล้ว โอ๊ย อีผีบ้ากูไม่รู้มึง เราก็ไปเลย อย่างนั้นละพี่กับน้องไม่รู้กัน ก็บวชแล้วไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับบ้าน พอบวชแล้วไปเลย พี่ๆ น้องๆ อะไรไม่เคยสนใจนะ เหมือนทั่วไปในโลกนี้ ไม่มีใกล้มีไกล บ้านน้องๆ แน้งๆ ไม่เคยเข้าไปเหยียบเลยนะ ไม่ไป อย่างนี้เหมือนกันหมด ไปที่ไหนเหมือนกันหมด สพฺเพ สตฺตา อันว่าสัตว์ทั้งหลาย ครอบไปหมดเลย เออ ถ้าจะทอดกฐินก็ทอดเสียวันที่ ๒๔ พอดีวันที่ ๒๕ เราจะไปเชียงใหม่ ว่าวันที่ ๒๙ จะกลับมา ทีนี้ก็มาถูกนิมนต์จังหวัดแพร่ ท่านกัณหานิมนต์มาแวะนั้นอีก ค้างคืนหนึ่ง ก็เป็นวันที่ ๓๐ ถึงจะกลับมา ไปวันที่ ๒๕ วันที่ ๓๐ กลับมาพอดีเลย

จะทอดก็ทอดเสียเท่านั้นละจะให้ว่าอะไร กฐินมันอยู่ข้างวัดหลวงตาบัว ไม่มีกฐินก็ให้รู้เสียทีเถอะว่ะ ว่างั้นเลย กฐินหลวงตาบัวมันเหลือเฟือ อยู่ข้างๆ ไม่มีก็ให้ได้ยินเสียที ทีนี้เลยไม่ได้ยินก็มันจะมีแล้ว นั่น

เราไม่มีวันว่าง เช่นอย่างกองทัพภาค ๒ จะมาวันที่เท่าไร (วันจันทร์ที่ ๒๒ ครับ) นั่นละเราก็ให้เป็นคำกลางๆ เอาไว้ จะรับกันทีเดียวก็รับไม่ได้เพราะงานเรามากต่อมาก ถ้ามาพบกันก็พบ ไม่พบก็ไม่พบเท่านั้นแหละนะ ในฐานะลูกศิษย์กับอาจารย์ แม่ทัพภาค ๒ นี้แต่ก่อนเป็นรองแม่ทัพอยู่ แม่ทัพภาค ๒ ก็สนิทสนมเคารพเลื่อมใสมากสำหรับวัดนี้นะ และผู้นี้ก็เป็นคู่อยู่ด้วยกัน นี้จะมาเยี่ยม เราก็ไม่แน่ใจในโอกาสของเราที่จะได้รับหรือไม่รับ จึงพูดเป็นกลางๆ ไว้อย่างนั้นแหละ คือเอาแน่ที่ไหนไม่ได้นะทุกวันนี้ เพราะงานมากต่อมากจริงๆ  งานเรามากที่สุดเลย

อย่างฉันแล้วแทนที่จะไป เห็นไหม ได้ไปไหมล่ะ ก็อย่างนี้ต้องพูดนี้ นี้ก็ออกทางวิทยุ ออกอินเตอร์เน็ตทั่วโลกนะนี่ไม่ใช่ธรรมดา ออกจากนี้ก็ไปละที่นี่ ไปตามเรื่องของเจ้าของ เราจวนจะตายแล้วเราด้วยความเมตตา ยิ่งเป็นห่วงเป็นใยโลกมากเข้าทุกวันๆ นะ ขอให้พี่น้องชาวไทยเราตื่นเนื้อตื่นตัว ที่มีความขัดแย้งกันอะไรๆ ในวงอวัยวะเดียวกัน ขออย่าให้มีในเมืองไทยของเราซึ่งเป็นเมืองพุทธเลย ขัดมากทีเดียว เมืองพุทธมาทะเลาะเบาะแว้งขัดแย้งซึ่งกันและกันในวงเดียวกัน เหมือนอวัยวะเดียวกัน ชาติไทยคำเดียวทั่วประเทศไทยเป็นเหมือนอวัยวะเดียวกัน อวัยวะของเราส่วนไหนเรารักสงวนเสมอกันหมด ในอวัยวะของเรานี้รักสงวนเหมือนกันหมด ชาติไทยของเราก็ให้เป็นเหมือนอวัยวะเดียวกัน อย่าขัดอย่าแย้งกัน ไม่ดี

ความขัดแย้งเหมือนอวัยวะวิกลวิการ เจ็บไข้ได้ป่วย หรือเป็นบาดเป็นแผลในร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่ง ร่างกายจะกระทบกระเทือนกันไปทั่วทั้งร่างนั้นแหละ เจ็บเพียงนิดเดียวกระเทือนไปทั่วทั้งร่าง นี่การขัดแย้งกันในระหว่างคนไทยด้วยกันนี้ ก็เท่ากับโรคภัยเกิดขึ้นภายในร่างกายของเรานั้นแล จะกระทบกระเทือนไปหมดทั่วร่างกาย ทีนี้เรื่องราวเกิดขึ้นมีความขัดแย้ง ชิงชั่วชิงเด่นกันอย่างนี้ เราไม่อยากว่าละชิงดี มันไม่มีใครดีละชิงกันแบบนั้น ชิงกันที่ไหนไม่เห็นชิงดี ดีไม่ได้ชิง ไม่เคยได้ยินทำดีชิงกัน ไม่เห็นมี มีแต่ทำชั่วชิงกันเต็มบ้านเต็มเมือง

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ขัดแย้ง เป็นสิ่งที่ขัดขวาง เป็นอันตรายต่อชาติไทยของเราโดยตรง ขอให้พี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทยจงกลมกลืนสามัคคีกัน ใครผิดใครถูกควรจะยอมรับกัน ไม่ควรจะขัดแย้ง อวดดิบอวดดีอวดเด่นอวดดัง ทั้งๆ ที่ไม่ดีไม่เด่นไม่ดังอะไรเลย ก็จะยกขึ้นให้ดัง ก็เหมือนกองมูตรกองคูถ ยกขึ้นไปไหนก็คือกองมูตรกองคูถนั้นแหละ ไม่ได้เป็นทองคำทั้งแท่ง ความกลมกลืนสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนี้ คือความแน่นหนามั่นคงของชาติไทยเรา ควรที่พี่น้องทั้งหลายจะรักสงวนส่วนใหญ่ยิ่งกว่าเรื่องของบุคคล พรรคพวกเหล่านี้ไม่เกิดประโยชน์อะไร ที่จะมาขัดแย้งส่วนใหญ่ให้เสียหายไป ไม่เป็นประโยชน์เลย ขอให้พิจารณากัน

ต่างคนต่างเรียนดอกเตอร์ด๊อกเต้เต็มบ้านเต็มเมืองเต็มประเทศไทย คนเรียนความรู้วิชาฐานะสูงต่ำขนาดไหน มีแต่พวกมีความรู้ทั้งนั้น อย่าเอาความรู้นี้มาเป็นทิฐิมานะ มาเป็นฟืนเป็นไฟ เป็นดาบฟันคอกันๆ แทงข้างหน้าแทงข้างหลังกันไม่ดีเลย ผิดอย่างยิ่งทีเดียว ขอให้พี่น้องทั้งหลายจำคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้ ความสามัคคีในธาตุในขันธ์ของเรามีเราก็อยู่สบาย ความสามัคคีในครอบครัวเหย้าเรือนมีก็อยู่สบาย ความสามัคคีในสังคมของเราแต่ละสังคมๆ มีก็เป็นความอยู่สบาย ความสามัคคีของคนทั้งประเทศยิ่งเป็นความอยู่สบาย ผาสุกเย็นใจแน่นหนามั่นคงยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าสิ่งใดๆ นะ ขอให้พี่น้องทั้งหลายสงวนสิ่งนี้มากกว่าการขัดการแย้งกัน เตะกันถีบกันยันกัน แทงข้างหน้าข้างหลังกัน นี้เป็นภัยต่อชาติของตน ต่อตัวของเราเอง ไม่มีอะไรเป็นประโยชน์เลยจากสิ่งขัดแย้งเหล่านี้

ใครดีใครควรที่จะนำชาติบ้านเมืองไปได้มากน้อยเพียงไร ให้เปิดทางให้กัน เราเป็นคนไทยด้วยกัน เพื่ออุ้มชาติไทยของเราด้วยกัน ใครมีความสามารถมากน้อยเพียงไร เอา เปิดทางให้กันๆ เราเป็นผู้สนับสนุนตามกันไป อย่างนี้ถูกต้องกับผู้รักษาชาติบ้านเมือง วงราชการคือวงรักษาชาติบ้านเมือง อย่าเป็นวงขัดวงแย้งวงถีบวงเตะ วงทำลายซึ่งกันและกัน บรรดาประชาชนทั้งหลายทั่วประเทศไทยเขาเศร้าใจนะหัวหน้ามาขัดมาแย้งกัน แทนที่จะพาประชาชนก้าวเดินด้วยความราบรื่นดีงาม เป็นเนื้อเป็นหนัง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่นดีงาม เขาอยากฟังอย่างนั้น อย่าเอาสิ่งเหล่านี้เข้ามาขัดมาแย้งประชาชนเลย เขาไม่สบายใจนะ เขาปล่อยให้เราเป็นหัวหน้าเป็นผู้นำ อย่าไปขัดไปแย้งซึ่งกันและกัน กีดขวางทางเดินของชาติบ้านเมืองเรา ประชาชนก็เศร้าหมองไปด้วย อย่าให้มีนะ

ความพร้อมเพรียงสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนี้เป็นธรรมอันเลิศเลอ แม้ที่สุดการภาวนาก็เหมือนกัน ถ้าจิตรวมลงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นความสงบเย็นใจแล้ว ผู้นั้นจะสบายทั้งวันเลย นั่นเห็นไหมความสงบเย็นใจ ความสามัคคีของใจกับธรรมกลมกลืนกันแล้ว มีความสงบเย็นทั้งวันๆ ยิ่งมีความแน่นหนามั่นคงสง่าผ่าเผยขึ้นภายในใจมากน้อยเพียงใดจากจิตตภาวนา ผู้นั้นเป็นผู้สง่างามตลอด อยู่ที่ไหนสง่างามไปหมด อันนี้ชาติไทยของเราถ้าต่างคนต่างอุตส่าห์ทะนุบำรุงช่วยกันรักษา อย่าช่วยกันทำลาย มีแต่การบำรุงรักษาด้วยกัน ขัดแย้งตรงไหนเอามาพิจารณาด้วยเหตุด้วยผล อย่าเอาทิฐิมานะเรื่องของกิเลสอันเป็นฟืนเป็นไฟมาเผากัน หาตั้งแต่น้ำแต่ท่าเข้ามาชะมาล้าง ตรงไหนไม่สะอาดให้ชะให้ล้าง ตรงไหนเป็นฟืนเป็นไฟ น้ำสาดลงไปให้ระงับดับลง บ้านเมืองเราก็เย็น ความระแคะระคาย ความชิงดีชิงเด่น ไม่มีดีอะไรแหละ ว่าชิงดีว่าเฉยๆ มันชิงชั่วชิงเด่น เด่นทางชั่วนั่นละ อย่าเอามาใช้ในเมืองไทยของเราซึ่งเป็นเมืองพุทธ

ทางพระก็ให้ดูศีลดูธรรม แล้วจะสงบร่มเย็น จะไม่มีอะไรเป็นเรื่องร้าวรานให้ประชาชนเขาขยะแขยงเขาสลดสังเวช จากพระของเราซึ่งเป็นผู้รักษาศีลรักษาธรรม และเป็นผู้นำของประชาชน เกิดมาขัดมาแย้งไม่มองดูศีลดูธรรม เอาแต่กิเลสตัณหามาตีตลาด วัดก็เลยกลายเป็นสนามรบไป ประชาชนก็อยู่ไม่สะดวก ผู้ปกครองบ้านเมืองก็เป็นสนามรบกันทั้งนั้น แล้วเมืองไทยเราเป็นสนามรบไปเลย ใช้ไม่ได้นะ ขอให้เป็นเมืองที่สงบร่มเย็น ทางด้านศีลธรรมก็กลมกลืนด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคี เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน นี้เรียกว่าเป็นธรรม

ออกไปทางบ้านเมืองก็ให้เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน นำศาสนาไปใช้ พระก็นำศีลนำธรรมออกมาใช้ ประกาศตนในความเป็นพระโดยความเป็นผู้มีศีลมีธรรมสมบูรณ์แบบแล้วเย็นไปหมด ประชาชนก็นำโอวาทคำสอนของครูบาอาจารย์ที่เป็นศีลเป็นธรรมแล้วไปปฏิบัติ ชาติบ้านเมืองก็จะมีความสงบร่มเย็นๆ ไป อย่าเอามาใช้นะที่เป็นอยู่เวลานี้ ชาติไทยของเราเป็นชาติชาวพุทธ เลยกลายเป็นชาติสนามรบกัน รบทุกแง่ทุกมุมที่จะทำลายชาติของตนเอง ไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย เรียนมามากน้อย ความรู้สูงต่ำมากน้อยเพียงไรไม่เป็นประโยชน์ทั้งนั้น เป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ชาติของตน เท่ากับขุยไม้ไผ่ ไม้ไผ่นี้ต้นไหนที่เป็นขุยแล้วตายหมดทั้งต้นทั้งลำ กอมันนั้นตายหมดๆ  อันนี้ความรู้ขุยไม้ไผ่ที่เราเรียนมามากน้อยเอามาเผากันๆ ตายหมดทั้งชาติไทยเรา เป็นของดีเมื่อไร

นี่ละความรู้ขุยไม้ไผ่ เกิดมาแล้วมาทำลายชาติของตนเอง ทำลายศาสนาของตน ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ขอให้ตัดออกความรู้ขุยไม้ไผ่ ให้เป็นความรู้ที่ประดับประดาให้สง่างามในชาติบ้านเมืองของเราตลอดตัวของเราตลอดไป ให้มีแต่ความสงบร่มเย็น เห็นหน้ากัน อย่าเอาความเพ่งโทษเพ่งกรณ์มาทักทายกัน มาเพ่งเล็งกัน ให้เอาศีลเอาธรรม เอาความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน แม้แต่สัตว์เขาก็รักตัวของเขา สัตว์ทุกตัวรักตัวทุกสัตว์ คนทุกคนรักตัวทุกคน เมื่อเป็นเช่นนั้นอยู่ในชาติบ้านเมืองกัน ต่างคนต่างมีความรักตนสงวนตน แล้วมาผสมกันเข้าต่างคนต่างรักตน แล้วก็ต้องเห็นใจกัน มองดูใจเขาใจเราแล้วปฏิบัติหน้าที่การงานให้พอเหมาะพอสมกับความเห็นอกเห็นใจกัน บ้านเมืองของเราจะมีความสงบร่มเย็น

อย่าขัดอย่าแย้ง เอะอะก็มีแต่คอยจะถีบจะยันกันไม่เกิดประโยชน์ อวัยวะตัวเองทะนุถนอมบำรุงให้ดิบให้ดีเป็นความถูกต้องดีงาม ในหลักธรรมชาติเป็นอย่างนั้น แม้แต่สัตว์เขาก็รักสงวนร่างกายของเขา จิตใจของเขา มนุษย์เราก็รักร่างกายของเรา จิตใจของเรา ชาติไทยของเราก็ต้องรักชาติของตนเอง สงวนชาติของตนเอง อย่าให้มีเรื่องระแคะระคาย เรื่องโรค เรื่องภัย เรื่องเสนียดจัญไรเข้ามาก่อกวนในร่างกายของเราก็แตกกระจายไปได้นะ

ทีนี้ก่อกวนในชาติไทยของเรา ชาติไทยนี้แตกกระจายล่มจมไปได้ ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับสิ่งเหล่านี้ที่เราคิดกันทำกัน แทงข้างหน้าข้างหลัง ขัดแย้งกันตลอดเวลา ไม่เป็นประโยชน์ ให้เอาความคิดความเห็นที่ถูกต้องดีงาม ซึ่งต่างคนต่างได้เรียนมาสูงต่ำเอามาคละเคล้ากันผสมผเสกัน นำออกมาเป็นประโยชน์ใช้ในชาติไทยของตน นี้สมชื่อสมนามว่าเป็นผู้เรียนมาก เป็นผู้ปกครองชาติบ้านเมืองจริงๆ ชาติไทยของเรา ประชาชนทั้งหลายเขาจะนอนหลับหูหลับตามองเห็นเจ้าเห็นนาย เขาก็อยากกราบอยากไหว้เคารพบูชา อย่าให้เขาขยะแขยง ให้พากันตั้งอกตั้งใจ

ศีลธรรมเท่านั้นที่จะทำโลกให้ร่มเย็นได้ ถ้าใครไม่นำศีลธรรมมา เอาแต่ฟืนแต่ไฟมาเผากัน แหลกหมดทั้งประเทศ ชาติก็แหลก ศาสนาก็แหลก พระมหากษัตริย์ก็แหลก จะไม่มีอะไรดีเลย อุบายวิธีการเหล่านี้มีแต่เรื่องของกิเลส แสดงฤทธิ์แสดงเดชออกมาทุกแห่งทุกหนตำบลหมู่บ้าน สุดท้ายเมืองไทยของเราไม่มีเกาะดอนใดที่จะซุกหัวนอนได้เลย มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้กันหมด ใช้ไม่ได้

จึงขอฝากธรรมะนี้ไว้กับบรรดาพี่น้องทั้งหลาย ทั้งฝ่ายพระฝ่ายศาสนา ทั้งฝ่ายประชาชนซึ่งเป็นคนของชาติด้วยกัน ให้ต่างคนต่างทะนุถนอม บำรุงรักษาให้เป็นไปในทางที่ถูกที่ดี ตามหน้าที่หรือเพศของตน พระก็ให้เป็นไปตามเพศของพระ อย่าแหวกออกนอกลู่นอกทาง จะเป็นการผิดอรรถผิดธรรม แล้วก็ผิดโลกผิดสงสารไปด้วย ผิดทั้งตัวเราแล้วฉิบหายไปตามๆ กัน ทางโลกทางสงสารก็ให้ต่างคนต่างประคับประคองกันไป ใครผิดใครถูกประการใดพูดกันได้คนเรา ผู้ใดมีความสามารถมากน้อยเพียงไร ก็เปิดทางให้ผู้นั้นดำเนินทาง อย่าไปขัดไปขวาง ไปถีบไปยันกัน บ้านเมืองจะหาความเจริญไม่ได้ ผู้ใดดีให้ส่งเสริม ให้สนับสนุน เดินตามหลังกันไปแล้วบ้านเมืองจะมีความผาสุกร่มเย็น ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคี เอาพากันจำเอานะ วันนี้พูดเพียงเท่านี้ละ เอาละพอ

(ทองคำ ๒ สลึงครับ) เออ ทองคำมาเรื่อย ได้ ๒ สลึงเหรอ เออ มาทองคำเป็นน้ำไหลซึม เราเคยพูดทุกวัน ทองคำเป็นน้ำไหลซึมให้มาเรื่อยๆ เป็นน้ำไหลซึม ให้พร

ของในโกดังนี่ ใครที่จะเอาไปทำบุญที่วัดใหม่เอาไปได้นะของในโกดัง จะเอาอะไรต่ออะไรให้มาเอาไปพระเรานะ ของในโกดังนี้ จะนำไปทำบุญวัดใหม่นี้ เอาอะไรๆ เอาได้เลย นี่เป็นโรงทานใหญ่ โรงทานใหญ่ของเราเป็นประจำ ขาดไม่ได้เลย หามาไว้เต็มเอี๊ยดๆ พอจวนจะหมดเขาขนเข้ามาๆ ขนเข้ามาไว้ โรงพยาบาลเป็นอันดับหนึ่ง วันละ ๓ โรง ๔ โรง ๕ โรงทุกวันๆ เป็นประจำมา รู้สึกจะ ๒๐ กว่าปีแล้ว เราทำมาอย่างนี้ตลอด ที่ตั้งโรงโกดังนี้มัน ๒๐ กว่าปี โกดังสำหรับของแจกทาน เวลาจะไปก็เติมน้ำมันให้เต็มทุกคันรถๆ ไม่ว่าใกล้ว่าไกล เติมให้เต็มถังๆ ตลอดเลย เราทำอย่างนั้น

(ยอดผู้หญิง ๑๑๘ คน ผู้ชาย ๕ คน มาปฏิบัติธรรมครับ รวม ๑๒๓ คน) เออ ปฏิบัติธรรมก็ให้ปฏิบัติจริงๆ นะ อย่ามาเหลาะๆ แหละๆ ทางด้านพระนี้ท่านปฏิบัติดีของท่านอยู่แล้ว ไม่ค่อยได้ว่าได้กล่าว เพราะต่างองค์ต่างมาด้วยความตั้งใจ ความเพียรท่านเอาจริงเอาจัง เพราะฉะนั้นจึงไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งเลย นี่ละเรารักสงวนพระเรา ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง หน้าที่ของท่านให้ท่านทำเต็มเม็ดเต็มหน่วย ถึงเวลาทำข้อวัตรปฏิบัติพร้อมเพรียงสามัคคีไม่ต้องบอก ท่านรู้ของท่านเอง อย่างนี้ท่านทำ

เมื่อวานนี้เอาของไปวัดธรรมลีคือมันไม่จุใจ ไปตลาดหนองวัวซอไปนี้ไม่จุใจ เมื่อวานนี้สั่งแต่เช้าเลยให้เข้าไปตีตลาดเมืองอุดรฯ ตลาดเมืองอุดรฯ แตกแล้วด้วยรถเท่ากำปั้นคันเดียว ไปตีตลาดเมืองอุดรแตกแล้วค่อยกลับมา เอาไปเลยเมื่อวาน รถไปเร็วไม่ได้นะ คือให้ไปช้าๆ เพราะจากนี้ไปหนองวัวซอเพียงชั่วโมงเดียว ถึงจะหนักขนาดไหนให้ไปเถอะ ค่อยคลานไปนะ ก็ค่อยคลานไปจริงๆ เมื่อวานนี้นะ ไปหนองวัวซอเทลงเลย ถ้าได้ทำเป็นอย่างนั้นละ

อู๊ย ว่าจะลุกยังลุกไม่ขึ้นนะ คือวันนี้มันไม่ค่อยปวดขาก็เลยไม่เหยียด ทีนี้เวลาจะเหยียดจะไปมันจะลุกไม่ขึ้น ต้องเหยียดทดลองเสียก่อน ไม่ได้เหยียดมันแต่ก่อนไว้ ปวดค่อยเบาลงๆ ระยะนี้เบาลงๆๆ ต่อไปก็ลุกไปได้ๆ เลย ปวดอยู่ตรงนี้ค่อยดีขึ้นเป็นลำดับนวดทุกวัน ไปละ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก