เล็งธรรมเสมอ
วันที่ 27 พฤษภาคม 2547 เวลา 7:55 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

เล็งธรรมเสมอ

 

ก่อนจังหัน

 

การปฏิบัติธรรม คือจิตตภาวนาเป็นสำคัญ ขอให้ใช้ความสังเกตความเพียรของตนเองเสมอ ผู้ปฏิบัติจะได้ผลไปเรื่อยๆ ถ้าสักแต่ว่าทำๆ ใช้ไม่ได้นะ ที่สำคัญก็คือที่พูดแล้วนั้น สติเป็นสำคัญมาก ปัญญาจะติดแนบกันไป จะออกเป็นเวลาๆ แต่สตินี้เป็นพื้นฐานตลอดสำหรับความเพียรทุกขั้น จนกระทั่งถึงขั้นมหาสติมหาปัญญา จะปราศจากสตินี้ไม่ได้เลย การภาวนาก็ให้สังเกตตัวเอง สำหรับเราอยู่ในวัยนี้การขบการฉันเป็นสำคัญ ขอให้ท่านทั้งหลายพิจารณาธรรมกับลิ้นกับปากมีคุณค่าต่างกันอย่างไร คนในวัยนี้ พระในวัยนี้ ลิ้นปากจะเหนือธรรมไปตลอดนะ อันนั้นก็ดี อันนี้ก็ดี ฟัดเข้าไปๆ ขึ้นหมอนแล้วเหมือนหมูขึ้นเขียง กินมากต้องนอนมาก ขี้เกียจมาก

ถ้าไม่กินก็ไม่ได้ จะทำยังไง เราต้องใช้ความพินิจพิจารณาบังคับกันไว้เสมอนั้นแหละ อย่าให้เป็นไปตามลิ้นตามปาก ความอยากไปจากลิ้นจากปากนี้มันเป็นอันตรายต่อธรรม ให้บังคับกันไว้เสมอสำหรับคนในวัยนี้ บังคับไว้เพื่อธรรมๆ อย่าเห็นลิ้นปากยิ่งกว่าธรรมจะก้าวไม่ออก ขอให้หนักแน่นในธรรมเสมอ การอยู่การกินใช้สอยนี้เราเคยกินมามากน้อยแล้ว ไม่เห็นวิเศษวิโสอะไร แต่การประกอบความเพียรด้วยความเข้มข้นตั้งอกตั้งใจนี้ จะเห็นผลเป็นลำดับลำดาไป สมความมุ่งหมายกับเราที่มาปฏิบัติธรรม ขอให้ท่านทั้งหลายพิจารณา

การอดจริงๆ นั้นรู้สึกว่าจะหนัก แต่ก็จำทนสำหรับผู้ที่ต้องการอย่างเน้นหนักๆ มักจะอด แต่อดนั้นอย่าอดมากไปนัก ผมเคยเดินมาก่อนท่านทั้งหลายแล้ว จึงได้เอามาสอนท่านทั้งหลาย การผ่อนอาหารนี้เหมาะ แต่การอดนั้นเป็นที่หนึ่ง แต่มีลำบากอยู่บ้างเป็นธรรมดา ขอให้นำสิ่งเหล่านี้ไปพิจารณาเทียบเคียงตนเอง อย่าเห็นแก่ลิ้นแก่ปาก อย่างนี้ใช้ไม่ได้นะ ขอให้ปฏิบัติด้วยความสนใจสังเกตความเพียรของตนเอง สตินี้เป็นพื้นฐานอย่าปล่อยอย่าวาง จะทำหน้าที่การงานอะไรให้มีสติติดแนบ เรียกว่าเป็นสัมปชัญญะอยู่ในตัว ก็ไม่เสียความเพียร ทำอะไรก็ขอให้ทำด้วยความมีสติ มีสัมปชัญญะอยู่กับตัว เป็นนักภาวนาต้องเป็นนักสังเกตไปด้วยกัน ถ้าไม่สังเกตจะไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร

เวลานี้ศาสนาหดย่นเข้ามาๆ ถ้าใครไม่ตั้งอกตั้งใจให้เป็นเกาะเป็นดอนที่พึ่งของตนเองได้ ก็จะเป็นทะเลมูตรทะเลคูถไปตามๆ กันหมด โลกนี้หาความหมายไม่ได้ อย่างเราถือพุทธศาสนาก็มีแต่ชื่อ แต่หาความหมายไม่ได้สำหรับชาวพุทธเรา แล้วชาวพระเราอีกก็มีแต่ผ้าเหลืองโกนผมโกนคิ้ว ไม่มีความหมายอีกเหมือนกัน เป็นชั้นๆ เข้ามาถึงนักปฏิบัติ มีแต่ผ้าสีแก่นขนุน ไปที่ไหนก็โก้เก๋ว่าตัวเป็นกรรมฐาน อันนี้ก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน มีจุดอยู่ที่ใจกับธรรมจดจ่อกันเสมอ เราจะค่อยรู้ผิดรู้ถูกเป็นลำดับตามขั้นตามภูมิมาตั้งแต่เป็นฆราวาส ชาวพุทธ ชาวพระและพระปฏิบัติ เป็นชั้นๆ เข้าไปอย่างนี้ เราจะได้ผลประโยชน์จากพุทธศาสนาไปครองตัวๆ จะไม่ล่มจมฉิบหายไปต่อหน้าต่อตาพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่าพุทธศาสนาครองหัวใจ แต่เราแหวกลงนรกด้วยความประมาท ความไม่มีสติสตัง ความไม่พินิจพิจารณา เป็นความเสียหายสำหรับเราเอง

พระพุทธเจ้าประทานพระโอวาทให้แล้ว เพื่อเราได้นำไปปฏิบัติเป็นมหามงคลแก่เรา แต่กลับกลายไปเป็นอย่างอื่นไปเสีย พระพุทธเจ้าไม่ได้ขาดทุนนะ พระพุทธเจ้าไม่ได้ตกนรกอเวจีที่ไหน พวกเรานี้แหละพวกที่จะเข้าสู่สงคราม ท่านสอนวิธีการรบวิธีการรับทุกอย่างไว้ด้วยอรรถด้วยธรรมโดยดี ขอให้นำไปปฏิบัตินะ วันนี้เทศน์เรื่องนี้ย่อๆ ให้พระปฏิบัติเราฟัง ให้ได้เป็นสิริมงคลแก่ตนของตนแล้วไปที่ไหนจะเป็นมงคลไปทั่วบ้านทั่วเมืองนั่นละ ถ้าผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไปที่ไหน เพราะใจเย็น ใจมีขอบเขต ใจมีสติ จะเย็นตัวเอง แล้วก็เย็นกับผู้เกี่ยวข้องไปตลอด ให้พากันจำเอานะ ทีนี้จะให้พร

 

หลังจังหัน

 

         ภูวัวนี้ได้ส่งอาหารเป็นประจำ ดูเหมือน ๒๐ ปีกว่าแล้วนะ วัดถ้ำภูวัวมีพระมาก แต่ก่อนอย่างมากแค่ ๓ องค์ เพราะที่โคจรบิณฑบาตไม่มี อาศัยบ้านคนจนอยู่ในป่าในเขา ท่านอุทัยท่านอุตส่าห์อยู่นั้น เราก็ได้ทราบเรื่องราวมานานพอสมควร แต่ไม่มีโอกาสที่จะไปดู ทีนี้พอได้โอกาสก็ไปดูที่ว่า มีคนมาเล่า พระมาเล่าให้ฟัง ว่าสถานที่นั่นเหมาะสมมากทีเดียว แต่พระอยู่ไม่ได้ อยู่ได้เพียงสองหรือสามองค์ อยู่ก็ต้องอยู่เขียมๆ ขาดๆ เขินๆ ได้เพียงสองสามองค์ว่างั้น เราจึงได้ไปดู พอได้โอกาสก็ไป ลงรถปั๊บแล้วไปเลย ตระเวน แต่ก่อนแข็งแรง ยังหนุ่มน้อยอยู่ พอลงรถปั๊บ ออกแล้วไปเลย ตระเวนภูเขาลูกนั้น ไปดูหมดเลย โห มีแต่ที่เหมาะสมๆ ทั้งนั้น ที่บำเพ็ญสมณธรรม สมชื่อสมนามที่เขาเล่าลือว่า สถานที่เหมาะสมมาก พระมาเล่าให้ฟัง ประชาชนก็มาเล่า ประชาชนชาวพุทธเรานี่แหละ ว่าเหมาะสมมาก ไปดูแล้วเหมาะสมจริงๆ

มาก็เอากันเลยกับอุทัย ประหนึ่งว่าทำสัตยาบันสัญญากันโน้นแหละ ประหนึ่งว่าเป็นอย่างนั้น คือเอาจริงจัง พอมาถึงที่พักแล้วก็บอกกับท่านอุทัยเลย ผมไปดูหมดแล้ว สถานที่นี่เหมาะสมมาก พระจะมาจำนวนมากน้อยเพียงไรได้ตลอด เหมาะสมทั้งนั้น ตั้งแต่นี้ต่อไปท่านจะรับพระมากน้อยเพียงไร เอ้า รับ ผมกลับไปนี้จะจัดอาหารส่งมาให้เลย ตั้งแต่นี้ต่อไปพระจะมาเท่าไร ถ้าเป็นผู้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติดีสมกับสถานที่นี่แล้ว เอ้ามาผมจะรับเลี้ยง ตั้งแต่บัดนั้นมาก็จัดของส่งเสียเดือนละครั้งๆ เป็นประจำ พระจึงมีจำนวนมากตั้งแต่บัดนั้นมา

อาหารการขบฉันไม่ให้อด เราส่งเสียเอง พระมากเท่าไรเราก็ไม่ว่า เพราะบอกแล้วว่า เอ้ามาเท่าไรให้มาเราจะรับเลี้ยง เราบอกอย่างนั้น ถ้าเป็นพระตั้งใจปฏิบัติแล้วให้มา ให้ท่านคัดเลือกด้วยดี ถ้าพระโกโรโกโสอย่าให้อยู่นะ ให้ไล่ลงภูเขาให้หมด บอกอย่างนั้นนะเรา มันเสียศักดิ์ศรีของภูเขาเรา ว่าอย่างนั้นแหละ ถ้าตั้งใจปฏิบัติดี เอ้ามา เพราะสถานที่นี่เหมาะสมมากทีเดียว จะรับพระเณรได้มากขนาดไหนก็ไม่ขัดข้องในสถานที่พักที่อยู่ นั่นละท่านจึงได้รับพระเณรมาจนกระทั่ง ดูท่านจะยึดเอา ๓๐ องค์เป็นจุดศูนย์กลาง มีลดกว่านั้นบ้าง สูงกว่านั้นบ้าง ๔๐ บ้างบางทีนะ แต่อยู่ในจุด ๓๐ ส่วนมาก เรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้

พระไปอยู่นั้นก็ดังที่ว่าจริงๆ  คือท่านมีความตั้งอกตั้งใจเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว พอตกค่ำมาท่านก็เอาเทปมาเปิดฟัง ท่านมารวมกันนั่งฟังเทป นั่งภาวนาฟัง ส่วนมากก็เป็นเทปของเรา  ฟังเทศน์แล้วก็นั่งภาวนาไปด้วย อย่างน้อยวันละกัณฑ์ๆ เป็นประจำ พอฟังเสร็จแล้วองค์ไหนจะลุกไปก็ได้ หรือจะนั่งภาวนาต่อไปก็ได้ ตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ เราจึงตัดขาดไว้ทุกสิ่งทุกอย่างเพราะเราจะส่งเสริมพระให้ทรงอรรถทรงธรรม ทรงมรรคผลนิพพานตามเยี่ยงอย่างของพระพุทธเจ้าและสาวกที่ท่านพาดำเนินมา และสั่งสอนเราในสถานที่เช่นนั้น เราจึงต้องบอกอย่างเด็ดขาดเลย เราก็ส่งอย่างนั้น เผื่อไว้เสมอๆ บางทีก็พระมาจากข้างๆ ที่นั่นที่นี่ มาติดต่อขอไปจากท่าน เราบอก เอาให้ท่านไป ผมจะไปเที่ยวส่งซอกแซกไม่ได้ มาให้จุดเดียว เพราะเราจัดไปนั้นเราเผื่อไปทั้งนั้น เผื่อๆ ไป ถ้าขาดเขินให้บอกไปทันทีไม่ต้องเกรงใจ ผมจะส่งมาทันทีเหมือนกัน บอกอย่างนั้น

เพราะฉะนั้นจึงส่งไปเป็นประจำไม่ให้ขาด ไม่ให้บกพร่องเลย ไปทีไรถามทุกทีพระมีเท่าไรๆ  เขาก็มาบอกเราเพื่อจะจัดอะไรให้ถูกต้อง วันนี้รถ ๔ คันละ วันนี้ไปรถ ๔ คัน รถปิกอัพบองขึ้น เขาเรียกบองขึ้นสูงๆ เต็มๆ  รถปิกอัพ ๓ คัน รถหกล้ออีกคันหนึ่ง นั้นก็บองขึ้นเหมือนกัน ใส่เต็มเลยๆ  รถ ๔ คันใส่เต็มเอี๊ยดๆ อย่างนั้นเป็นประจำ บอกถ้ารถไม่พอเอามาอีก ไม่พอกับของที่จะไปให้พอดีกับวัดนี้ เขาบอกพอๆ บอกก็บอกอย่างนั้น เพราะนิสัยเราพูดจริงๆ เราไม่ทำชุ่ยๆ สักแต่ว่าผ่านมือไป ไม่เอา เราไม่เคยทำอย่างนั้น เพราะฉะนั้นใครมาเหลาะแหละต่อเราจึงได้ถูกดุเอา

นี้ก็บอก อาหารให้หาแต่ของดีๆ เรื่องหมดเรื่องสิ้นเรื่องเปลือง เขาไปแต่ละครั้งๆ นี้เราไม่เคยถามตั้งแต่โน้นมานี้ ๒๐ กว่าปีแล้ว เราไม่เคยถามว่าไปครั้งหนึ่งหมดเท่าไร ไม่เคยมี ถ้าเราถามอย่างนั้นก็เรียกว่ายังมีหึงมีหวงอยู่ใช่ไหมล่ะ เปิดโล่งเลยเอาให้เต็มรถ เอาของดีๆ ทั้งหวานทั้งคาวเขาจัดไปพร้อมกันเลย คันไหนเป็นผลไม้ก็เต็มรถไปเลย ชนิดต่างๆ ให้เขาหาเอง อาหารหาตั้งแต่ของดิบๆ ดีๆ เครื่องกระป๋งกระป๋องให้มีครบหมดเลย เป็นอย่างนั้นมาเป็นประจำ เวลาเอาของลงแล้วเหมือนภูเขาลูกหนึ่ง บางคนเขามาเห็น โอ๊ย มาจากไหน เขาบอกอาจารย์มหาบัว โอ๊ย ก็เป็นอย่างนั้นแล้ว บางคนเขารู้นิสัยเขาก็ว่างั้น โห อาจารย์มหาบัวถ้าทำอะไรแล้วทำเล่นไม่เป็น ถ้าเขาไม่รู้เขาตกตะลึงนั่นละ

เพราะของไปนี้ ๔ คันรถเต็มเอี๊ยด กองพะเนินเทินทึก อย่างนั้นเป็นประจำ ทุกอย่างไม่ให้บกพร่อง อาหารเป็นพื้นที่เราสั่งตายตัวก็ประเภทข้าวสาร น้ำตาล น้ำปลา น้ำมันพืช อาหารสำเร็จรูปพวกอาหารกระป๋อง นี่เป็นพื้นเลย ส่วนนอกนั้นให้เขาหาเอง พวกอาหารสด อาหารยาว อาหารสดฉันได้วันสองวันก็หมด อาหารยาวเช่นอย่างกุนเชียงอย่างนี้ฉันได้นาน ฟาดไปเป็นถุงๆ ไปเลย เป็นอย่างนั้นละ

โรงพยาบาลมาหาเรานี้ก็เหมือนกันอีก แบบเดียวกัน ไม่เคยถาม ที่ถามได้ถามเรื่องน้ำมันหนหนึ่งเท่านั้น เห็นน้ำมันเต็มรถมานี้ใส่ถังใหญ่ๆ ๒๐๐ ลิตร โฮ้ รถบรรทุกอะไรเต็มรถ เขาบอกถังน้ำมัน เอามาใส่ปั๊ม โห มากขนาดนี้เทียว เต็มรถมาเลย เป็นถังๆ เข้ามา มันมาสัมผัสก็เลยถาม น้ำมันที่เติมรถให้เขานั้นเดือนหนึ่งหมดประมาณเท่าไร เขาบอกห้าแสน นั่นก็อย่างนั้น เพียงน้ำมันก็เดือนละห้าแสนกว่าแล้ว นอกนั้นเราไม่นับ มีเท่าไรทุ่มลงๆ อย่างนี้ตลอด โรงพยาบาลต่างๆ มาให้เสมอกันหมด ที่พิเศษก็เสมอกันหมดอย่างนั้น เมื่อมีอยู่แล้วเราจะไม่อัดไม่อั้นการให้ทาน

สั่งทางภูวัวก็แบบเดียวกันกับนี้ อันนี้เราดูแลอยู่เรื่อย แต่ก็ไม่ได้เตือนเขาแหละ เพราะเราสั่งไว้อย่างเด็ดขาดทุกอย่างไม่ให้เคลื่อนคลาด ว่าอะไรเป็นอันนั้น จริงจังทุกอย่าง เรามีพอที่จะสงเคราะห์ผู้ยากจนได้ก็ต้องสงเคราะห์กันไปคนเรา เรามีเรามองดูแต่พุงเราใจของเราไม่ถูก ต้องดูคนทุกข์คนจน เราอยู่ร่วมกันทั่วโลก อาศัยกันทั้งนั้นแหละ โลกอันนี้โลกอาศัยกัน นับแต่มหาเศรษฐีลงมาหาคนทุกข์คนจน อาศัยกันทั้งนั้น อยู่โดดเดี่ยวไม่ได้มนุษย์เรา จึงเรียกว่าสัตว์หมู่สัตว์พวก สัตว์ขี้ขลาด อยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยกัน เมื่ออยู่ด้วยกันก็ต้องเห็นคุณค่าของกันและกัน เห็นโทษแห่งความขี้ขลาดของตนแล้วอยู่ด้วยกันได้

อย่างในวัดนี้มันเป็นครอบครัวเดียวกันเลย ของอะไรๆ ตกมาไม่ให้มาถามเรา ใครต้องการอะไรเอาไป ให้ใช้ด้วยความเป็นธรรม นั่น ธรรมต้องครอบไว้เสมอ อย่าให้เลยธรรม ใครจะเอาอะไรไปๆ ของมีมามากน้อยไม่ต้องมาติดต่อมาถามเรา เราสั่งขาดเลย มีอะไรๆ ใครเอาไปใช้ๆ หรือจะจัดแจกจ่ายไปทางไหนก็แล้วแต่พิจารณากัน เราว่าอย่างนั้นแหละ สั่งขาดไปเลยทุกอย่าง

พูดถึงเรื่องวัดนี้ เราพูดตามความสัตย์ความจริงที่เราได้ผ่านมา เรียกว่าทั่วประเทศไทยละ เรานี่เป็นนักเที่ยวจริงๆ ทั่วประเทศไทย ไปที่ไหนวัดไหนๆ มันก็ทนไม่ได้ละจะมาขึ้นอยู่กับวัดนี้ว่าเป็นนักเสียสละ ว่างั้นเลย วัดนี้เป็นวัดเสียสละจริงๆ เราผ่านไปหมด มันก็อดพูดไม่ได้ เพราะเราไม่ได้พูดด้วยการจะยอตนเหยียบตนนะ พูดด้วยความเป็นธรรม มันก็มาขึ้นอยู่ที่นี่ ที่ไหนๆ ก็มาขึ้นอยู่ที่นี่ เราช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะในหัวใจเราไม่มีอะไร เราเปิดโล่งหมด มีแต่ความเมตตาครอบไว้ๆ หมด เพราะฉะนั้นอะไรที่เก็บไว้ด้วยความหึงหวง จึงไม่มีสำหรับวัดนี้ ไม่มีเลย มีแต่เปิดโล่งๆ แบมือตลอดๆ

การสงเคราะห์ให้ทานเรียกว่าไม่ให้มีอะไรเก็บในวัดนี้ สงเคราะห์ออกหมดเลย อันใดเก็บไว้ๆ เพื่อสงเคราะห์ อย่างที่โกดัง แน่ะ เก็บไว้ก็เพื่อสงเคราะห์เป็นระยะๆ ส่วนอื่นๆ ที่อะไรมีมานี้แยกออกหมด ทานหมดไม่เก็บไว้เลย ห้ามเด็ดขาดเลย เพราะเราไม่สั่งสมอะไรนี่ พระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าเลิศเลอในการเสียสละต่อโลกต่อสงสาร ไม่เช่นนั้นเป็นศาสดาไม่ได้ ต้องกว้างขวางสมความเป็นศาสดา      ความเมตตาก็ครอบโลกธาตุ การเสียสละก็ต้องเป็นแบบเดียวกัน ไม่ว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ใดแบบเดียวกันหมด นักเสียสละอยู่กับพุทธะ พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ๆ เป็นที่หนึ่ง ท่านดำเนินมาอย่างนั้น นี่ละศาสนา จึงเป็นศาสนาที่เย็นสุดยอดเลยพุทธศาสนาของเรา มีความเสียสละ ใครนับถือ นับถือพุทธศาสนาเข้าหากัน นับถือด้วยความเป็นธรรมนะ ไม่ใช่นับถือสักแต่ว่าพูดเป็นลมปากเฉยๆ นับถือด้วยความเคารพเลื่อมใสจริงๆ นี้สนิทกันหมด โลกเรานี้ไม่มีชาติชั้นวรรณะ ไม่มีฐานะสูงต่ำ หรือว่าภาคนั้นภาคนี้ ประเทศนั้นประเทศนี้ไม่มี เข้าถึงกัน สนิทกันได้หมด ตายใจกันได้

         นี่ละธรรมเป็นเครื่องสมาน ไม่ใช่ธรรมเป็นเครื่องทำโลกให้แตกแยกนะ ธรรมไม่มีเรื่องทำโลกให้แตกแยก มีแต่ความสมัครสมานให้กลมกลืนสามัคคีดีงามไปด้วยอรรถด้วยธรรม ตายใจกันได้ ไม่ว่าส่วนย่อยส่วนใหญ่ตายใจกันได้หมด แม้ที่สุดสามีภรรยาก็ตายใจกันได้เพราะธรรมครอบไว้แล้ว ใครก็รู้จักของใครของเราเท่านั้นพอ นั่นละเรื่องธรรมเป็นอย่างนั้น จึงเป็นที่ตายใจได้ ใครไม่รู้ว่าธรรมเป็นยังไงๆ ให้ฟังเสียนะ ก็เทศน์มานานแล้วนี่ ธรรมเป็นอย่างนั้น เป็นเครื่องสมัครสมานธรรม ไปที่ไหนเย็นไปหมดๆ

         เครื่องหมายของการเสียสละที่ออกเป็นวัตถุก็คือการให้ทาน การเสียสละ เครื่องหมายของพุทธศาสนาเราคือการเสียสละนี้เป็นสำคัญ ความตระหนี่เป็นภัยและเป็นกิเลส ความเสียสละนี้เป็นคุณเป็นธรรม เมื่อมีการเสียสละอยู่แล้วไม่ว่าผู้ใหญ่ผู้น้อยทุกสถานที่เย็นใจกันทั้งนั้น ตายใจกันได้คนเรา ยกตัวอย่างเช่นวัดป่าบ้านตาด มีกี่ประเทศมาอยู่นี่เต็มไปหมด เป็นเหมือนอวัยวะเดียวกัน เพราะแบบฉบับของธรรมประสานถึงกันหมด มีน้ำใจอย่างเดียวกัน มีแก่ใจๆ ด้วยกัน ไม่มีคำว่าถือศรีถือศักดิ์ไม่มี ถือความถูกต้องดีงาม สมัครสมาน ความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันเป็นสำคัญ นี่เรื่องของธรรมเป็นอย่างนั้น ธรรมอยู่ที่ไหนจึงสมานได้หมดๆ

         พุทธศาสนานี้ไม่มีขอบมีเขต ไม่มีหึงมีหวง ไม่อวดอำนาจศาสนาของตน นอกจากนั้นเราก็ไม่ค่อยได้เรียนศาสนาอื่นๆ เป็นยังไงบ้างท่านทั้งหลายพิจารณาเอง  สำหรับเราไม่ค่อยได้เรียน แต่พุทธศาสนาเราเรียนสุดกำลังของเราแล้ว จึงได้นำมาพูดเต็มปากนั้นแหละ เรื่องพุทธศาสนานี้หาที่ค้านไม่ได้ตลอดมาเลย ถ้าว่าพูดถึงธรรมะก็ขั้นต่ำ ขั้นกลาง ขั้นสูง ขั้นละเอียดสุดยอด ไม่มีที่ต้องติเลย เรียบไปหมดเลย ถูกต้องดีงามไปหมด ท่านจึงเรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้วทุกอย่าง การดำเนินก็ชอบมาแล้ว พระพุทธเจ้าของเราตรัสไว้ก็ชอบ รู้มาจากความรู้ที่ชอบสุดยอดแล้ว มาสอนโลกก็เป็นธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้ว ดีงามทุกอย่างถ้าใครนำไปปฏิบัติ นอกจากมันฝืนธรรมเท่านั้นแหละ มันจึงไม่ดี ถ้าใครฝืนธรรมไม่ดีแหละ

         ให้ต่างคนต่างปฏิบัติตัว ให้เล็งธรรมเสมอ อย่าเล็งความคิดความเห็นของตัวเอง ทิฐิมานะจะเกิดขึ้นนะ ให้เล็งดูธรรมแล้วดึงเข้าไปหาธรรมๆ ทุกอย่างที่เป็นพิษเป็นภัยต่อธรรมจะสงบตัวลง ธรรมจะก้าวหน้าออกไปเป็นความสงบร่มเย็น ออกไปภายนอกประสานได้หมดเลย นี่เรียกว่าธรรม ให้พากันจดกันจำเอาไว้นะ เราเป็นลูกชาวพุทธขอให้รู้หลักสำคัญความเลิศเลอของพุทธศาสนา เฉพาะอย่างยิ่งจะรู้ที่ใจนะ ใจนี้ประกาศก้องขึ้นเลยทีเดียว

         ไม่ว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ใดตรัสรู้กี่พระองค์ พอจ้าขึ้นภายในใจนี้วิ่งถึงกันหมดเลยเชียว ดังที่เคยพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง เหมือนแม่น้ำมหาสมุทร เวลายังไม่เข้ามหาสมุทรก็มาจากคลองนั้นคลองนี้ มาจากบนฟ้าอากาศ พอเข้าสู่มหาสมุทรแล้วเป็นมหาสมุทรอันเดียวกันหมด ไม่ต้องถามถึงกัน น้ำมหาสมุทรเป็นอันเดียวกันหมดเลย ไม่ต้องไปถามถึงกัน ว่ามหาสมุทรตรงไหนจุดไหนเป็นยังไงไม่มี เป็นมหาสมุทรอันเดียวกัน

         จิตของท่านผู้บริสุทธิ์ถึงธรรมแท้ เรียกว่ามหาวิมุตติ-มหานิพพานแล้วเป็นอันเดียวกัน ท่านไม่ต้องไปถามหาพระพุทธเจ้าพระองค์ใดๆ เลย จ้าขึ้นนี้มันถึงกันหมดเลย เคยเห็นหน้าเห็นตา ไม่เคยเห็นไม่สำคัญ อันนี้แลคือศาสดาแท้ นั่นลงตรงนี้ จ้าถึงกัน เหมือนแม่น้ำมหาสมุทรจ่อลงปั๊บนี้ถึงกันหมดเลย ธรรมนี้ก็เหมือนกันพอผางถึงจุดนี้ก็ถึงกันหมด นี่หมายถึงสุดยอดแห่งธรรม ศาสดาอยู่ในนั้นหมด ธรรมอยู่ในนั้นหมด เป็นธรรมแท่งเดียวกัน เรียกว่าเป็นมหาสมุทรอันเดียวกัน เป็นมหาวิมุตติ-มหานิพพานอันเดียวกัน ไม่ได้แยกกันไปไหนเลย

         เพราะฉะนั้นท่านจึงไม่ทูลถามพระพุทธเจ้าว่ามีมากน้อยเท่าไร ดูอันนี้ถึงกันหมดเลย นี่ละธรรมแท้เป็นอย่างนั้น ปฏิบัติตัวของเราเองมาขึ้นอยู่กับใจนะ จะเลิศเลอที่ใจ ท่านทั้งหลายอย่าไปหาสิ่งเลิศเลอจากภายนอกนะ ต้องเอาใจเป็นประมาณ ใจมีธรรม ใจสงบ จะรู้จักประมาณ การประพฤติตัว ทุกสิ่งทุกอย่าง หน้าที่การงาน จะรู้จักประมาณ ธรรมทั้งหลายนี่เป็นธรรมชาติอันหนึ่งที่อยู่ภายในจิตใจ จะกระซิบกระซาบเตือน ไม่ถูกไม่ดีอะไรจะรู้ตัวเอง โดยไม่ต้องให้คนอื่นมาเตือนมาบอก อันไหนที่รู้แล้วไม่ฝืนๆๆ นั่น เรื่องธรรมเป็นอย่างนั้น ลงอยู่กับใจ เหมือนหนึ่งว่าศาสดาเตือนอยู่ตลอด

         ธรรมเป็นขั้นๆๆ การประพฤติปฏิบัติธรรมค่อยรู้สึกตัวเป็นลำดับ ยิ่งละเอียดเท่าไรยิ่งรู้สึกตัวไปโดยลำดับลำดา จนกระทั่งถึงวิมุตติหลุดพ้นแล้วหมด เรื่องโทษเรื่องกรรมอะไรไม่มีแล้วผ่านหมด เรื่องติฉินนินทา สรรเสริญเยินยอไม่มี ผ่านหมดแล้ว เหล่านี้เป็นเศษเป็นเดน เป็นถังขยะ ความตำหนิติฉินนินทา ความสรรเสริญเหล่านี้เป็นเศษเป็นเดน เป็นถังขยะ เทียบกับธรรมชาตินั้นไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นท่านถึงไม่มีหวั่น ใครจะว่าอะไรก็พวกถังขยะ เท่านั้นพอ มันต่างกันยังไงถังขยะกับธรรมชาติอันนั้น นั่นละธรรมเลิศเป็นอย่างนั้น

         เลิศที่ใจนะ ทุกข์ก็ทุกข์ที่ใจ โลกธาตุกว้างแสนกว้างไม่มีสิ่งใดเป็นทุกข์นะ มาเป็นอยู่ที่ใจของคนและสัตว์แต่ละดวงๆ นี่ละ ถ้าประพฤติไม่ถูกเป็นไฟเผาตัวเอง ถ้าประพฤติถูกแล้วก็มาเย็นที่ใจๆ จนกระทั่งถูกต้องสุดขีดแล้วเย็นเต็มที่ครอบโลกธาตุ นั่นอยู่ที่ใจนะ ความเลิศเลอความเลวร้ายอยู่ที่ใจ ให้ปฏิบัติตัวเองให้ดี เราจะได้มีความสงบสุขเย็นใจ พากันจำเอานะ วันนี้พูดเพียงเท่านี้ละ ไม่พูดมาก มันก็เหนื่อยพอสมควรแล้ว เหนื่อย ไม่อยากพูด ฉันแล้วไปเลยนี้เหมาะ นี้เราก็ทนเอานะ ต่อไปนี้จะให้ศีลให้พร

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก