คำถาม 
โดย : ณี ถามเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2547

แยกจิตออกจากความเจ็บปวดกาย

กราบนมัสการท่านหลวงตาเป็นอย่างสูงที่ช่วยสงเคราะห์โลก
ข้าพเจ้ามีข้อสงสัยอยากขอกราบรับคำแนะนะด้วยค่ะ
ข้าพเจ้าทรมานกายตนเองด้วยการเดินระยะทาง 10 กิโลเมตร ต่อเนื่องกัน  ใช้เวลา 4 ชั่วโมงในการเดิน  ทุกก้าวเดินเป็นการทำจงกรม  โดยมีคำภาวนาพุธโธ อยู่ตลอด  มีจิตส่งออกนอกบ้าง พบว่า
1.เจ็บเท้ามากจนพอง 4 จุด เนื่องจากเสียดสีกับรองเท้า  แต่ขณะที่จิดภาวนาพุธโธแน่วแน่อยู่  จะรู้สึกถึงความเจ็บ  แต่ไม่ทุกข์ทรมาน  จิดรับรู้และเฉยอยู่  พิจารณาแบบนี้ถูกต้องหรือไม่
2. แต่ถ้าเจ็บปวดมากก็พิจารณาว่า  กายคือธาตุ 4 ความเจ็บนี้ไม่ใช่ของเรา  ก็จะรู้สึกเบากาย อย่างประหลาด มีกำลังเดินจงกรมต่อไปแม้จะเจ็บระบบเท้ามากก็ตาม  พิจารณาอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่  ท่านหลวงตามีคำสั่งสอนอื่นใด
3. เรียนถามว่า ข้าพเจ้าใช้วิธีเดียวกันนี้ในการพิจารณาความเจ็บปวดของถุงน้ำดีซึ่งอักเสบ  (เจ็บปวดมาก)  จะพิจารณาอย่างไรให้จิตติดนิ่งอยู่  โดยไม่เกินอาการทุกข์ทรมาน  เพราะเมื่อมีอาการขึ้นมาจะไม่สามารถ ยืน เดิน นั่ง นอน ได้เลย ต้องดิ้นทุรนทุรายไป
4. ข้าพเจ้านั่งสมาธิสงบได้ไม่ดีเท่าการเดินจงกรม  หรือการเพ่งนิ่งอยู่ที่สิ่งหนึ่งสิ่งใด  จะทำให้จิตสงบเร็วมาก  แต่ไม่แน่ใจว่าเรียกเป็นการเพ่งกระสินหรือไม่  ซึ่งชาวบ้านบอกกล่าวว่าเป็นของร้อนไม่ควรทำ
ท้ายนี้ต้องขอรบกวนท่านหลวงตามหาบัวช่วยตอบให้ความกระจ่างด้วยเถิด
ข้าพเจ้าได้ตั้งจิตถวายอายุขัยของข้าพเจ้าให้หลวงตา 5 ปี  เพื่อให้หลวงตาได้อยู่ช่วยโลก  ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อโลกมากกว่า  ขอให้หลวงตาได้โปรดรับการถวายนี้ด้วยเทอด  ขอให้หลวงตามีอายุยืนเป็นร้อยปีด้วยเถิด

คำตอบ
เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2547

เรียนคุณผู้ถาม
หลวงตาเมตตาแสดงธรรมตอบปัญหาจิตตภาวนาให้คุณ
เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗  ณ วัดป่าบ้านตาด  ดังนี้

โยม           :     ข้าพเจ้าทรมานกายตนเองด้วยการเดินต่อเนื่องกัน ใช้เวลา ๔ ชั่วโมงในการเดิน  ทุกก้าวเดินเป็นการทำจงกรม  โดยมีคำภาวนาพุทโธอยู่ตลอด  มีจิตส่งออกนอกบ้าง พบว่า
ข้อ ๑.๑ ขณะที่จิตภาวนาพุทโธแน่วอยู่จะรู้สึกถึงความเจ็บ  แต่ไม่ทุกข์ทรมาน  จิตรับรู้และเฉยอยู่  พิจารณาแบบนี้ถูกต้องหรือไม่

หลวงตา     :     ถูกต้องแล้ว เอ้าว่าไป

ข้อ ๑.๒ แต่ถ้าเจ็บปวดมากก็พิจารณาว่า  กายคือธาตุ ๔ ความเจ็บนี้ไม่ใช่ของเรา  ก็จะรู้สึกเบากายอย่างประหลาด มีกำลังเดินจงกรมต่อไปแม้จะเจ็บเท้ามากก็ตาม  พิจารณาอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่  

หลวงตา     :     ถูก ข้อที่สองก็ถูก และให้พิจารณาต่อไปนะ ไม่ใช่ถูกแล้วนอนอยู่เหมือนหมู

ข้อ ๑.๓        ข้าพเจ้าใช้วิธีเดียวกันนี้ในการพิจารณาความเจ็บปวดของถุงน้ำดี ซึ่งเจ็บปวดมาก  จะพิจารณาอย่างไรให้จิตติดนิ่งอยู่  โดยไม่เกิดอาการทุกข์ทรมาน  เพราะเมื่อมีอาการขึ้นมาจะไม่สามารถ ยืน เดิน นั่ง นอน ได้เลย ต้องดิ้นทุรนทุรายไป

หลวงตา     :     อันนี้ให้สติอยู่กับอันนั้น เราภาวนาอะไรให้บริกรรมภาวนาอยู่ในจุดที่มันปวดมากๆ นั้น เบาๆ นะ มีสติอยู่ตรงนั้น เข้าใจแล้วเหรอ

ข้อ ๑.๔ ข้าพเจ้านั่งสมาธิสงบได้ไม่ดีเท่าการเดินจงกรม  หรือการเพ่งนิ่งอยู่ที่สิ่งหนึ่งสิ่งใด  จะทำให้จิตสงบเร็วมาก  

หลวงตา     :     อิริยาบถใดถูกต้องก็เอาอิริยาบถนั้น ถ้าเดินได้ผลดีกว่านั่งก็เดินมากกว่านั่ง ถ้านั่งดีกว่าเดิน ได้ผลดีกว่าก็นั่งมากกว่า เท่านั้นละ

โยม           :     ข้าพเจ้าได้ตั้งจิตถวายอายุขัยของข้าพเจ้าให้หลวงตาห้าปี  เพื่อให้หลวงตาได้อยู่ช่วยโลก  ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อโลกมากกว่า  ขอให้หลวงตาได้โปรดรับการถวายนี้ด้วยเทอญ  

หลวงตา     :     ไม่รับ หลวงตามีลมหายใจแล้วไม่จำเป็นต้องอาศัยใคร เอาละพอ

โยม           :     ขอให้หลวงตามีอายุยืนเป็นร้อยปีขึ้นไปด้วยเถิด 

หลวงตา     :     เท่าไรก็ตามไม่เอา เราจะดูลมหายใจของเรานี่แหละ เอ้าว่าไป

โยม           :     คนถามชื่อณีครับ
                                               _________

คุณสามารถรับชมเป็นวีดิโอหรืออ่านเทศน์กัณฑ์นี้เต็มกัณฑ์ ได้ที่
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=2752&CatID=2



<< BACK

 


หน้าแรก