คำถาม 
โดย : กฤษณะ ถามเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2547

พิจารณาตัวผู้รู้

ขอกราบหลวงตา กระผมมีปัญหาอยากมาเรียนถามหลวงตาคือกระผมปฏิบัติธรรมมาแล้วเกิดข้อข้องใจคัรบ คือเวลาที่ทำสามาธิกระผมจะไม่ให้จิตดิ่งลงลึกมากนัก คือจะประคองจิตไว้แล้วจะพิจารณาที่ตัวผู้รู้ พยายามลงที่ไตรลักษ์มันจะมีอาการเป็นอย่างนี้ครับ เมื่อจับตัวผูรู้ได้อยู่หมัดแล้วจะเกิดอาการรู้สึกว่า มีการแบ่งเป็นสองอย่าง ตัวรู้ตัวไปสัมผัสทุกสิ่งที่มีมา ตัวที่มาสัมผัส เมื่อพิจรณาลงไป ตัวที่มาสัมผัสนี้จะเห็นว่ามันไม่เที่ยง เกิดผุด อยูตลอดเวลา และเป็นอยู่ของมันต่างหาก แต่ตัวที่ไปสัมผัสหรือตัวผู้รู้มันวกวนพิจรณาลงไปลงไตรลักษณ์ โดยเฉพาะข้ออนัตตาถ้ามันชัดขึ้นมา เหมือนกับว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเลยที่เป็นเรา มีแต่สองสิ่งคือตัวที่สัมผัส และ สิ่งสัมผัส แต่พิจารณาตัวนี้ให้มันชัดอยากมากๆ มันจะยึดตัวรู้อย่างแน่น พิจารณากายให้เป็นธาตุยังพอทำได้ แต่ถ้าพิจารณาตัวนี้มันจะคอยวิ่งมายึดเป็นตัวตนอย่างเร็ว
กระผมขอกราบเรียนถามหลวงตา 3 ข้อครับ
1.ตัวที่ไปสัมผัสทุกสิ่งนี้มันอะไรแน่ครับ กระผมรู้สึกว่าทุกอย่างอยู่ที่นั้น แล้วเวลาที่พิจารณาลงไตรลักษณ์ทำไมมันวกวนและทำยากมากครับ
2.ที่ผมปฏิบัติอยู่นี๋ผิกถูกอย่างไรโปรดจงชี้แจงด้วยครับ
3.ขอความกรุณาหลวงตาอธิบายจิตตานุสติ ธรรมานุสติ ด้วยครับ 
อยากให้หลวงตาเป็นมิ่งขวัญแก่เราทุกคนตลอดไปจังเลยครับ
ขอบพระคุณหลวงตาอย่างสูงครับ

คำตอบ
เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2547

เรียนคุณกฤษณะ
หลวงตาเมตตาแสดงธรรมตอบปัญหาจิตตภาวนาให้คุณ
เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗ ณ วัดป่าบ้านตาด  ดังนี้

โยม           :     เวลาที่ทำสมาธิกระผมจะไม่ให้จิตดิ่งลงลึกมากนัก คือจะประคองจิตไว้แล้วจะพิจารณาที่ตัวผู้รู้ พยายามลงที่ไตรลักษณ์ มันจะมีอาการเป็นอย่างนี้ครับ เมื่อจับตัวผู้รู้ได้อยู่หมัดแล้วจะเกิดอาการรู้สึกว่า มีการแบ่งเป็นสองอย่าง ตัวรู้ตัวไปสัมผัสทุกสิ่งที่มีมา ตัวที่มาสัมผัส เมื่อพิจารณาลงไป ตัวที่มาสัมผัสนี้จะเห็นว่ามันไม่เที่ยง เกิดผุดอยู่ตลอดเวลา และเป็นอยู่ของมันต่างหาก แต่ตัวที่ไปสัมผัสหรือตัวผู้รู้มันวกวน พิจารณาลงไตรลักษณ์ โดยเฉพาะข้ออนัตตา ถ้ามันชัดขึ้นมา เหมือนกับว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเลยที่เป็นเรา มีแต่สองสิ่งคือตัวที่สัมผัสและสิ่งสัมผัส แต่พิจารณาตัวนี้ให้มันชัดยากมากๆ มันจะยึดตัวรู้อย่างแน่น พิจารณากายให้เป็นธาตุยังพอทำได้ แต่ถ้าพิจารณาตัวนี้มันจะคอยวิ่งมายึดเป็นตัวตนอย่างเร็ว ตัวที่ไปสัมผัสทุกสิ่งนี้มันอะไรแน่ครับ กระผมรู้สึกว่าทุกอย่างอยู่ที่นั้น แล้วเวลาที่พิจารณาลงไตรลักษณ์ทำไมมันวกวนและทำยากมากครับ ผมปฏิบัติอยู่นี้ผิดถูกอย่างไรโปรดชี้แจงด้วยครับ 

หลวงตา     :     เรื่องทำความสงบให้จิตนิ่งสงบให้ทำบ้างนะ อันนี้การพิจารณานี้ออกเป็นกาลเป็นเวลา พื้นฐานของจิตที่จะแน่นหนามั่นคงต่อการพิจารณาต่อไปนั้นเป็นเรื่องของความสงบเป็นพื้นฐาน จิตมีสมาธิมันจะพิจารณาของมันละเอียดลออ ถ้าจิตไม่มีฐานนี้มันวอกแวก พิจารณาไปอะไรก็วอกแวก เพราะฉะนั้นท่านถึงสอนเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อปัญญามีสมาธิอบรมแล้วย่อมมีผลมาก เรียกว่าเดินได้คล่องตัว ถ้าไม่มีสมาธิหนุนนี้มันแฉลบไปนู้นแฉลบไปนี้ ท่านจึงสอนให้มีสมาธิเป็นเครื่องหนุน อิ่มอารมณ์ ใจมีสมาธิใจอิ่มอารมณ์ พิจารณาอะไรก็ชัดเจนๆ ถ้าใจไม่มีสมาธิมันหิวโหย พิจารณาอันนี้มันแฉลบไปนู้นแฉลบไปนี้ เลยไม่เกิดปัญญา มีแต่สัญญาอารมณ์เป็นกิเลสไปหมดเสีย

โยม           :     กราบเรียนครับเวลาที่ทำสมาธิ กระผมจะไม่ให้จิตดิ่งลงลึกมากนัก คือจะประคองจิตไว้แล้วจะพิจารณาที่ตัวผู้รู้

หลวงตา     :     มันจะลงไปไหนให้มันลง บอกงี้ก่อนนะ มันจะลงไปไหนผู้รู้นี่อยู่กับตัว มันจะลงไปไหนไม่ละผู้รู้ มันจะรู้ของมันเอง มันจะลงก็ให้มันลงความรู้นี่ เหมือนเราลงบ่อเราก็ลงเอง เราขึ้นบ่อเราก็ขึ้น ความรู้อยู่กับเรา เข้าใจไหม

โยม           :     ต้องบอกให้ลงลึกไปเลยม่ต้องประคองจิต

หลวงตา     :     ไม่ต้องประคอง แต่ว่าอย่าละผู้รู้กับสตินะ เอาให้อยู่นั้น มันจะลงไปไหนลง ปล่อยมันไปเข้าใจเหรอ 
                                                _________

คุณสามารถรับชมเป็นวีดิโอหรืออ่านเทศน์กัณฑ์นี้เต็มกัณฑ์ ได้ที่
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=2752&CatID=2

ส่วนเรื่องจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน  และธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน คุณสามารถกดอ่านได้ตามที่หลวงตาเมตตาแสดงธรรมไว้แล้ว ดังนี้

1.  อ่านเทศน์วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๐๕ เรื่อง สติปัฏฐานสี่
กดอ่านได้ที่ http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=794&CatID=9

2. เทศน์วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2519 เรื่อง จิตตานุปัสสนา กดอ่านได้ที่
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=794&CatID=9

<< BACK

 


หน้าแรก