|
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
คำถาม
|
|
โดย : เขาใหญ่-สิงโต ถามเมื่อวันที่
13 ก.พ. 2547 |
ฆ่ากิเลสโดยใช้สติปัญญาต้องอาศัยสมาธิเป็นบาทฐาน
กราบนมัสการ หลวงตาที่เคารพอย่าสูง การฆ่ากิเลสโดยการใช้สติและปัญญา ต้องอาศัยสมาธิเป็นบาทฐาน กระผมไม่เข้าใจว่า เป็นเพียงการตามรู้อาการเคลื่อนไหวของจิตหรือ การพิจารณาเห็นทุกข์ เห็นโทษ เห็นภัย จากนั้นการถอดถอนกิเลสของจิตจะเกิดเองเป็นอัตโนมัติ จากการปฏิบัติกระผมเข้าใจว่าอย่างนั้น หลังจากฟังธรรมเทศนาของหลวงตา เกือบทุกๆกัณฑ์เทศน์ในอิเตอร์เน็ต กระผมเข้าใจว่าถ้าเราตามดูจิตอยู่ตลอดเวลาเมื่อถึงที่สุดจิตจะสว่างจ้าและหลุดพ้นออกไปเอง ขอความกรุณาหลวงตาช่วยเปิดความหมายของการฆ่ากิเลสโดยพิสดาล เพื่อประโยชน์ต่อผู้ตั้งใจปฏิบัติและคอยเงื่อหูฟังหลวงตาอย่างตั้งใจ และ หวังเอาหลวงตาเป็นที่พึ่งในชาตินี้ด้วยเถิด กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
|
คำตอบ |
|
เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2547 |
เรียนคุณผู้ถาม หลวงตาเมตตาแสดงธรรมตอบปัญหาให้คุณ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ ณ วัดป่าบ้านตาด ดังนี้
หลวงตา : เรื่องความสงบเขาว่างั้นใช่ไหม ดูว่าพูดถึงเรื่องสมาธิเรื่องความสงบ (โยม การฆ่ากิเลสครับ การฆ่ากิเลสโดยใช้สติและปัญญาต้องอาศัยสมาธิเป็นบาทฐาน) เออ ใช่ถูก ใช้สมาธิเป็นบาทฐานถูกต้องแล้ว ออกจากสมาธิแล้วก็พิจารณาด้านปัญญาได้ เพราะสมาธิเป็นเครื่องบ่มจิตไม่ให้หิวโหยในอารมณ์ทั้งหลาย เวลาใช้จิตพิจารณาทางด้านใด จิตก็ทำตามนั้นแล้วก็เป็นปัญญาขึ้นมาๆ ถูกต้องแล้วสมาธิเป็นบาทฐาน เอ้า ว่าไปทีนี้
โยม : ทีนี้เขาก็บอกว่า กระผมไม่เข้าใจว่า เป็นเพียงการตามรู้อาการเคลื่อนไหวของจิต หรือการพิจารณาเห็นทุกข์เห็นโทษเห็นภัย จากนั้นการถอดถอนกิเลสของจิตจะเกิดเองเป็นอัตโนมัติ จากการปฏิบัติ กระผมเข้าใจว่าอย่างนั้น
หลวงตา : เอาล่ะ เข้าใจ เข้าใจเฉยๆ บอกว่าเข้าใจเฉยๆ ยังไม่ถูกต้อง เอาเท่านั้นแหละนะ
โยม : เขาบอกหลังจากเขาฟังธรรมเทศนาของหลวงตาเกือบทุกกัณฑ์ในอินเตอร์เน็ตแล้ว เขาเข้าใจว่า ถ้าเราตามดูจิตอยู่ตลอดเวลา เมื่อถึงที่สุดจิตจะสว่างจ้าและหลุดพ้นออกไปเอง
หลวงตา : อันนี้เป็นขั้นของจิตขั้นที่จะควรรู้อย่างนี้ แต่จิตขั้นอื่นที่ต่ำกว่านี้ไป รู้อย่างนี้ไม่ได้ พูดมันพูดเป็นตอนๆ ของธรรมะขั้นของจิตซิ ขั้นของจิตที่ละเอียดอย่างนี้เป็นไปได้อย่างนี้ ถ้าไม่ละเอียดขั้นนี้เราจะให้เป็นอย่างนี้มันก็ไม่เป็น เหมือนผลไม้ที่อยู่กับต้นมัน มันยังไม่แก่จะบังคับให้มันสุก สุกไม่ได้ ถ้ามันแก่แล้วจะเอามาบ่มก็ได้ ไม่บ่มมันก็สุกเองลงเอง เข้าใจเหรอ ธรรมะขั้นนี้ก็เหมือนกัน ว่าไป
โยม : ตอนท้ายนะครับ เขาขอความกรุณาหลวงตา ช่วยเปิดความหมายของการฆ่ากิเลสโดยพิสดาร เพื่อประโยชน์ต่อผู้ตั้งใจปฏิบัติ และหวังเอาหลวงตาเป็นที่พึ่งในชาตินี้
หลวงตา : อ๋อ เรื่องพิสดารก็อยู่กับพระพุทธเจ้า เรื่องย่นย่อก็อยู่กับพระพุทธเจ้า ให้ไปทูลถามพระพุทธเจ้าอย่ามาถามหลวงตาบัว เอ้า ใครที่ควรที่พระพุทธเจ้าจะส่งให้ถึงนิพพานเลยเดี๋ยวนั้น ก็ เทฺวเม ภิกฺขเว เห็นไหมล่ะ สอนเบญจวัคคีย์ ท่านสอนศีลสอนสมาธิที่ไหน ฟาด เทฺวเม ภิกฺขเว เพราะจิตของท่านสงบแล้วท่านเหล่านี้ ศีลของท่านบริสุทธิ์เต็มที่แล้ว ก็จะสอนตั้งแต่ทางเปิดปัญญให้ฆ่ากิเลสเท่านั้น ก็ เทฺวเม ภิกฺขเว ขึ้นมาเลย มรรค ๘ นั่นแหละเท่านั้นแหละ ธรรมมันมีหลายขั้นไม่มีขั้นเดียว จะเปิดกิเลสให้กว้าง ถ้าจิตของเรามันแคบๆ แต่มันเต็มไปด้วยความขี้เกียจขี้คร้านสุกเอาเผากินอย่างนี้ จ้างมันก็ไม่สำเร็จ เอาละพอ
___________
(คุณสามารถชมภาพ ฟังเสียง และอ่านกัณฑ์นี้เต็มกัณฑ์ได้ที่http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=2640&CatID=0)
|
|
|