คำถาม 
โดย : พิชัย ถามเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2547

พระวินัยเรื่องเงินทอง

1.ผมขอความรู้เกี่ยวกับเรื่องของพระวินัยเรื่องเงินทองด้วยครับ
2. กระผมได้ข่าวทางหนังสือพิมพ์ รวมไปถึงการเผยแพร่ของพระ.......... กับพระ......... และพวกที่โจมตีหลวงตา ฟังแล้วน่ากลัวว่าดิ่งลงนรกอย่างเดียว พวกนี้เขาจะได้ผลกรรมหนักมั้ยครับ

คำตอบ
เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2547

เรียนคุณพิชัย

จากพระธรรมเทศนาวันที่ 22 สิงหาคม 2546 เรื่อง นิสสัคคีย์
          "พระวินัยข้อเกี่ยวกับเรื่องเงินเรื่องทอง ถ้าเป็นปาฏิโมกข์ท่านก็สวดเป็นปาฏิโมกข์ ชาตรูปรชตํ อุคฺคณฺเหยฺย วา อุคฺคณฺหาเปยฺย วา อุปนิกฺขิตฺตํ วา สาทิเยยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ. ใช่ไหม เราไม่ได้ลืมนะปาฏิโมกข์เราสวดมาเสียพอแล้ว (นึกว่าลืมแล้ว) ก็นึกเอาเฉย ๆ นึกบ้า ๆ บอ ๆ คนหนึ่งไม่ลืม คนหนึ่งมานึกเอาเฉย ๆ มันก็นึกบ้า ๆ บอ ๆ ละซี นี่ละบาลีข้อนี้ สิกขาบท ๑๘ นิสสัคคีย์ เข้าใจไหมล่ะ นั่นจำได้จนกระทั่งสิกขาบท ๑๘ นิสสัคคีย์ ภิกษุใดจับเงินและทอง หรือให้เขาเก็บไว้เพื่อตนก็ดี อุคฺคณฺเหยฺย วา.เก็บเองก็ดี อุคฺคณฺหาเปยฺย วา ยังคนอื่นให้เก็บก็ดี อุปนิกฺขิตฺตํ วา.หรือยินดีเงินและทองที่เก็บไว้เพื่อตนก็ดี ของนั้นต้องเสียสละ เงินนี้ นิสสัคคีย์ นั่นเสียสละ ปาจิตตีย์เจ้าของต้องไปแสดงอาบัติ

         เมื่อเสียสละเงินนี้แล้ว ก็ให้สมมุติพระสงฆ์สี่องค์นี้ละเป็นผู้จะสมมุติ ให้พระอีกองค์หนึ่งเอาเงินที่พระองค์เป็นโทษจับมานี้ให้ไปปาเข้าป่า ฟังซิน่ะ แล้วห้ามไม่ให้กำหนดที่ตกด้วย ถ้ายังกำหนดที่ตกว่าตกตรงไหน ๆ  แล้วไม่พ้นอาบัติ ปรับอาบัติอีก นู่นน่ะท่านเด็ดขาดมาก สำหรับเงินทองเหล่านี้เด็ดขาดมากทีเดียว นี่ละข้อนี้จำเอา เอามาจากปาฏิโมกข์เลย สวดภาษาบาลีให้ฟังอีกด้วยใช่ไหมล่ะ นี่เป็นข้อบัญญัติต้น ทีนี้อนุบัญญัติที่สอง เมณฑกเศรษฐี ที่เป็นพ่อของธนัญชัยเศรษฐี และเป็นปู่ของนางวิสาขา เห็นความลำบากลำบนของพระเจ้าพระสงฆ์ที่มาจากสกุลต่าง ๆ กัน บางสกุลมาจากพระราชามหากษัตริย์ เศรษฐีกุฎุมพี ซึ่งมีความละเอียดอ่อนต่างกัน ครั้นเวลามาสมบุกสมบันอย่างพระทั้งหลายแล้วจะเป็นความลำบากต่อท่าน 

         เมณฑกเศรษฐีจึงไปขอทรงผ่อนผันลง ทรงขอความผ่อนผันจากพระพุทธเจ้า ก็เล่าเรื่องสกุลต่าง ๆ ที่ว่า ทูลพระพุทธเจ้าเรียบร้อยแล้ว พระพุทธเจ้าก็ทรงผ่อนผันลง ถ้าอย่างงั้นก็ทรงอนุญาตให้คนอื่นเก็บไว้ได้ แต่เพื่อกัปปิยภัณฑ์ที่เจ้าของต้องการ ถ้ามายินดีในเงินและทองไม่พ้นอาบัติอีก นั่นเห็นไหมล่ะ คือทรงอนุญาตเฉพาะปัจจัยที่เขาจะแลกเปลี่ยนกัปปิยภัณฑ์อะไรมานั่นเท่านั้น ให้ยินดีเพียงเท่านั้น จะยินดีเงินและทองที่เขาเก็บไว้เพื่อตนนี้ไม่พ้นอาบัติอีก นั่นเห็นไหม พระพุทธเจ้าทรงผ่อนผันแล้วยังเหน็บเข้าไปอีก เพราะท่านเห็นภัยกับสิ่งเหล่านี้

         พระถ้ามายุ่งกับเงินกับทองแล้วจะไม่มีอรรถมีธรรมภายในใจ จะกลายเป็นเศรษฐีเงินไป เรื่องเศรษฐีธรรมจะไม่มีหวังเลย พระองค์ถึงได้ตรัสลงขนาดนั้น อันนี้ตรัสเด็ดขาดมากทีเดียวกว่าพระวินัยทั้งหลาย ขนาดให้พระถึงสี่องค์มาแสดง มาเสียสละต่อพระตั้งสี่องค์ด้วยกัน เสร็จแล้วก็ให้แสดงอาบัติ แสดงโทษของตัวต่อพระสี่องค์ถึงจะพ้นอาบัติไปได้ แล้วสมมุติพระองค์ใดก็ได้ให้มาเอาเงินนี้ไปปาเข้าป่า ห้ามกำหนดที่ตก ถ้ายังกำหนดที่ตกว่าที่ใดที่หนึ่งอยู่แล้วไม่พ้นอาบัติ นั่นเห็นไหม เด็ดขนาดนั้นพระวินัยข้อนี้ เพราะอันนี้เป็นภัยมาก 

         เมื่อมีเงินมีทองข้าวของเรื่องกิเลสตัณหาจะพอกพูนขึ้นไปเรื่อย ๆ ละ ตัวนี้เป็นตัวสำคัญมาก จึงตัดให้ขาด ไม่มีอะไรเลยทีเดียวติดเนื้อติดตัว ให้เหลือแต่บริขารแปด ปฏิบัติธรรมเพื่ออรรถเพื่อธรรมโดยถ่ายเดียว แล้วก็เพื่อมรรค ผล นิพพาน พระในครั้งพุทธกาล ท่านบัญญัติไว้อย่างนั้น ก็บัญญัติมาจนกระทั่งทุกวันนี้"

(คุณสามารถกดอ่านกัณฑ์นี้ เต็มกัณฑ์ ได้ที่ http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=2272&CatID=2)


และพระธรรมเทศนาวันที่ 18 ธันวาคม 2545 เรื่อง เด็ดหัว
          "ในพระวินัยนี้มีทั้งต้นบัญญัติ มีทั้งอนุบัญญัติ นี้ดูมาหมดแล้วนี่นะ ต้นบัญญัติตัดขาดเรื่องเงินเรื่องทองไม่ให้มายุ่งเลย ขาดสะบั้นไปเลย เป็นภัยต่อการบำเพ็ญสมณธรรมของพระ  นั่นฟังซิ  พระพุทธเจ้าตัดขาดหมดเลยพุทธบัญญัติ  โย ปน ภิกฺขุ ชาตรูปรชตํ อุคฺคณฺเหยฺย วา อุคฺคณฺหาเปยฺย วา อุปนิกฺขิตฺตํ วา สาทิเยยฺย นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ นี้เป็นต้นบัญญัติ

          ภิกษุรูปใดรับเงินและทองเองก็ดี ให้เขาเก็บไว้เพื่อตนก็ดี เป็นนิสสัคคีย์ ของนั้นต้องเสียสละออกไป เจ้าของแสดงอาบัติปาจิตตีย์ เป็นอาบัติแล้ว นั่นบอกไว้แล้วอย่างนี้ นี้ต้นพุทธบัญญัติห้ามไม่ให้พระสงฆ์เกี่ยวกับเงินกับทองเลย นี่พุทธบัญญัติสวดอยู่ในปาฏิโมกข์ทุกอุโบสถ มีหรือไม่มีธรรมวินัย เห็นอยู่ทุกคนบรรดาพระที่บวชมาร่วมอุโบสถสังฆกรรมไม่เห็นอันนี้ไม่ได้ เป็นพระวินัยของพระ เห็นอยู่อย่างนี้ นี่ละบัญญัติต้น

          ครั้นต่อมาบรรดาผู้มีศรัทธาเคารพเลื่อมใสทุกชั้นทุกภูมิตั้งแต่มหากษัตริย์ลงมา มาขอบวชในพุทธศาสนา ชาติชั้นวรรณะมันก็ต่างกัน ทุกสิ่งทุกอย่างมีหยาบมีละเอียด ทีนี้กษัตริย์ออกมาบวชจะให้ทำเหมือนประชาชนทั่วๆ ไป เหมือนตาสีตาสาตามท้องนาอย่างนี้มันก็ลำบาก เมณฑกเศรษฐีเป็นปู่ของนางวิสาขาไปขอความผ่อนผันจากพระพุทธเจ้า  ขอให้ทรงอนุญาตผ่อนผันลงในการตัดขาดเรื่องเงินเรื่องทอง ทั้งเก็บไว้ด้วยตนเองก็ดี ทั้งคนอื่นเก็บก็ดี ห้ามเด็ดขาด ขอให้ลดหย่อนผ่อนผันลง ให้คนอื่นเก็บไว้ให้บ้าง เก็บไว้เพื่อท่านจะต้องการอะไรก็ให้ไปเอาของจำเป็นที่ท่านต้องการนั้นมาถวายพระ

         เมณฑกเศรษฐีขอผ่อนผันพระพุทธเจ้า พระองค์จึงทรงผ่อนผัน ยังเหน็บไว้ด้วยนะ ผ่อนผันแล้วก็ยังเหน็บไว้อีกด้วย คือผ่อนผันว่าให้ผู้อื่นเก็บแทนได้ แต่ให้ยินดีในกัปปิยะที่ของนี้จะไปซื้อไปแลกเปลี่ยนมาเท่านั้น ไม่ให้ยินดีในเงินและทอง ถ้ายังยินดีนี้ปรับอาบัติอีกโน่นฟังซิ ถึงอนุโลมผ่อนผันแล้วยังมีปรับไว้อีก มีข้อเหน็บไว้อีก นี่ละที่มีผ่อนผันนี่มันทำให้จุ้นจ้านอยู่ทุกวันนี้ จนไม่มีความหมายเลยพระวินัยข้อนี้ แหลกเหลวไปหมดมานมนานสักเท่าไรพี่น้องทั้งหลายก็เห็นกัน นี่พระวินัยมีอย่างนี้"

(คุณสามารถกดอ่านกัณฑ์นี้เต็มกัณฑ์ได้ที่
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1730&CatID=2)

                                                
คำถามข้อสอง

1.  จากพระธรรมเทศนาวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2547 
        "เราขอบิณฑบาต นี้เราพูดเป็นธรรม เราปฏิบัติต่อโลกเราปฏิบัติเป็นธรรมล้วนๆ เราไม่เคยมีความมัวหมองในการช่วยโลกสงสารนี้เลย เพราะฉะนั้นเราจึงเอาธรรมนี้ประกาศ สิ่งใดที่มันแสลง มันแทงจิตใจของคนทั้งประเทศและศาสนาแล้วอย่าเอามาทำ เราเป็นลูกชาวพุทธ เราเป็นคนไทย อย่ามาเป็นเสนียดจัญไร เป็นมหาภัยทำลายทั้งชาติทั้งศาสนา เป็นคนที่จมแต่ยังไม่ตาย" 

2.   จากพระธรรมเทศนาวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2547
        "เราเตือนไปนะ ว่าอย่าไปค้นนะ เราบอก มันจะเป็นเหมือนมีดฟันหิน อย่าเอามีดไปฟันหิน อย่าขับรถชนภูเขานะ เข้าใจไหม สองข้อเปรียบเทียบนี้ท่านทั้งหลายพิจารณาเอง เราไม่แปล อย่าเอามีดไปฟันหิน หนึ่ง อย่าขับรถชนภูเขา หนึ่ง เป็นยังไง แปลว่าไง เอามีดไปฟันหินอะไรจะเสียหาย เข้าใจไหม ขับรถชนภูเขาอะไรจะแหลก ฟังให้ดี 
         
         คนทั้งแผ่นดินไทยฟังซิน่ะน้อยเมื่อไร ซึ่งล้วนแล้วตั้งแต่ผู้รักษาชาติไทย อุ้มชาติไทย ศาสนาไทยมาตลอดจนกระทั่งบัดนี้ มีจำนวนมากน้อยเท่าไร มีน้ำหนักเท่าไร ใหญ่กว่าภูเขา ยังใหญ่กว่าหินอีก อย่าเอามีดไปฟันหินนะ อย่าขับรถชนภูเขา ถ้าทำอย่างงั้นแล้วมันจะเป็นแบบเดียวกัน เราบอกตรง ๆ ไปเลย เพราะเราไม่มีอะไรติดเนื้อตัวพอจะระเวียงระวัง ว่าเวลาเขามาตรวจเงินนี้ หลวงตาบัวจะเป็นนักโทษให้เขาเป็นผู้บริสุทธิ์พุทโธเลิศเลอกว่าโลกมาตรวจหลวงตาบัว ซึ่งทำประโยชน์จนกระทั่งชีวิตจะหาไม่ตลอดมา ช่วยขนาดนั้น

         เพราะฉะนั้นจึงว่าอย่ามาทำนะ เราบอก คือมันเท่ากับเอามีดไปฟันหิน ขับรถชนภูเขา เพราะทำลายคนทั้งชาติจะมีมากขนาดไหน เราเป็นคนชั่วเต็มตัวยังไปอวดดิบอวดดีต่อคนดีที่มีจำนวนมากมายคือทั้งประเทศ มันจะเป็นไปได้ไหมล่ะ เมื่อเวลาทำไปอย่างงั้นมันจะเป็นยังไงก็รับก็ทราบกันเอง เราจึงเตือนเอาไว้อย่าทำนะ อย่าไปตรวจหลวงตาบัว ไปตรวจลูกหลานหลวงตาบัวนั้นน่ะ ผลมันจะเป็นยังไงมันจะออกมาแบบนั้นบอกไว้เลยทีเดียว ถ้าลงไปทำอย่างงั้นแล้วมันจะเป็นแบบไหนพิจารณาเอา 

         เพราะธรรมดาบริสุทธิ์พุทโธทั้งฝ่ายผู้รับเงินเก็บเงินทุกอย่าง พวกนี้เป็นพวกที่บริสุทธิ์ เป็นหัวใจเดียวกันกับเรา ไม่ว่าใกล้ว่าไกล เกี่ยวข้องกับการเงินการทอง ใครเป็นผู้รับผิดชอบคนนั้นต้องมีสิทธิ์ต่อสมบัตินั้นๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ๆ มาทำเสียหาย ถ้าเราจับพิรุธได้กับคนคนนี้อย่างน้อยเราตำหนิ คบไม่ได้จนกระทั่งสิ้นชีวิต เราจะสนิทใจไม่ได้เลย ทีนี้เอาใครเข้ามาทำงานแทนเรา เราต้องถือเป็นหัวใจของเราเลย ผิดพลาดให้เห็นอย่างนี้เป็นอันว่าไม่ได้ ตัดขาดสะบั้นไปเลย เราไม่เหมือนใคร เอาธรรมเข้าไปหลักเป็นเกณฑ์ ไม่มีเอนมีเอียง ไม่มีใกล้มีไกล 

         สัตว์โลกมีความหวังพึ่งกันเป็นธรรมดาทั่วโลกดินแดน ธรรมเป็นธรรมชาติที่ให้การสงเคราะห์ต่อโลกด้วยความบริสุทธิ์ ไม่เอนไม่เอียง ยุติธรรมตลอดไป นี่เราก็นำธรรมมาปฏิบัติต่อโลกด้วยความสุจริตยุติธรรมอย่างยิ่ง จึงเปิดอกให้เลย ว่าบาทหนึ่งเราไม่เคยแตะ อย่าไปพูดแต่ทองคำ-ดอลลาร์เลย เงินนี้เป็นสิ่งที่จะกระจายทั่วไปได้ เราจะแยกแยะมายังไง มาเป็นเราทำชั่วขนาดเหลวแหลกก็ได้ แต่อำนาจแห่งธรรมนี้ทำไม่ได้เด็ดขาด นั่น นี่อำนาจของธรรม" 

3.  จากพระธรรมเทศนาวันที่ 29 มกราคม 2547
           "เราพูดอย่างอาจหาญด้วย คำว่าอย่าทำอย่ามานี่คือไม่ใช่เรากลัว คืออย่ามา เข้าใจไหม ถ้าไม่อยากจมทั้งเป็นอย่ามานะ บอกจริงๆ อย่างนี้เลย อย่าอาจอย่าหาญในสิ่งไม่ควรอาจควรหาญ เรื่องกรรมดีกรรมชั่วน้ำหนักแผ่นดินสู้ไม่ได้ แผ่นดินนี้มีน้ำหนัก อำนาจแห่งกรรมหนักมากยิ่งกว่าแผ่นดิน ท่านแสดงไว้ว่า นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ ไม่มีอานุภาพใด ก็ยกแผ่นดินขึ้นมาด้วยซิ ไม่มีอานุภาพใดที่จะมีกำลังมากยิ่งกว่าอานุภาพแห่งกรรมดีกรรมชั่ว นั่นฟังซิของสัตว์ที่ทำลงไปแล้ว ทำดีเป็นดี ทำชั่วเป็นชั่ว หนักยิ่งกว่าแผ่นดิน เพราะฉะนั้นอย่าฝืนแบกแผ่นดิน แบกแผ่นดินแผ่นฟ้า อย่าฝืนกรรมของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้แล้วนะ เราวิเศษวิโสมาจากไหน

          เราจึงพูดตั้งแต่บัดนี้ไปว่าขอบิณฑบาต อย่าทำสิ่งนี้ จะไม่มีผลดีเลย มีแต่จะทำให้บ้านเมืองล่มจม ถ้าลงยิ่งมาตรวจหลวงตาบัวด้วยแล้ว ประเทศไทยนี้จะเป็นไฟขึ้นมาทันทีทันใด เกาะใดดอนใดก็ได้ เราจึงไม่อยากให้ทำ เพราะเราทำเพื่อความร่มเย็นแก่ชาติบ้านเมืองต่างหาก เราไม่ได้ทำเพื่อความเสียหายแก่ชาติบ้านเมือง เราไปก่อความเสียหายอะไร"

4.  พระธรรมเทศนาวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2547
          "ที่โลกเขาโจมตีเราๆ แทนที่เราจะมาคิดถึงเรื่องเขาโจมตีไม่คิดนะ ไม่มีเลย ฟังแต่ว่าไม่มีเลย ในหัวใจของเรา เขาโจมตี บรรดาลูกศิษย์ลูกหาเสียอกเสียใจ เคียดแค้น ว่าเขาโจมตีอาจารย์ตัวเองอย่างนั้นอย่างนี้ อู๊ย ช่างหัวเขาเถอะน่ะ ปากเขา ว่าไปงั้นแหละเรา ความคิดเขา ปากเขา เขาจะยกมาทั้งโคตรก็ช่างเขาซี ก็โคตรของเขาไม่ใช่โคตรของเรานี่วะ เป็นอย่างนั้นไปเสีย ก็เราไม่มีนี่ จะทำให้มีก็ไม่มี
         จึงอดวิตกวิจารณ์ไม่ได้ เอ๊อ มันกรรมอะไรกันน้า เราก็สร้างคุณงามความดีเพื่อโลกเพื่อสงสารเต็มเม็ดเต็มหน่วย เต็มหัวใจ ชีวิตขาดดิ้นเราก็เพื่อไปหมดเลย แล้วก็ยังมีผู้มาโจมตี ขนเอาบาปเอากรรมไปจากเราอีก มันยังไง คิดนะ เพราะเราไม่มีอะไร แต่พวกนั้นมันมีละซี เอ๊อ มันจะกรรมอะไรเกี่ยวกันนะ คิดไปอีก เราอยู่ดีๆ ธรรมดา สร้างแต่ความดี แล้วความชั่วมันก็โปะเข้ามาๆ แทนที่จะโปะแต่เรามันย้อนไปซี มันไม่ไปไหนนะ นี่ละทำให้เราวิตกวิจารณ์ เอ๊อ พวกนี้มันยังไงกันน้า คิดไป แล้วก็คิดถึงเรื่องพระพุทธเจ้า เรื่องพระพุทธเจ้าคิดน้อยมาก เพราะเราไม่มีอะไร พระพุทธเจ้าเป็นฉันใด สาวกเป็นฉันนั้นเลย แน่ะว่างั้น ถูกเขาโจมตีทุกด้านทุกทาง เขาจ้างกันยืนเป็นแถวด่าพระพุทธเจ้า เขาจ้าง นี่มีในตำรา จ้างให้ยืนเรียงแถว เวลาพระพุทธเจ้าบิณฑบาต แทนที่เขาจะเรียงแถวใส่บาตร เขาเรียงแถวเอาไม้ตีพระพุทธเจ้า ไม้ปากเขาน่ะเข้าใจไหม
          ไอ้อูฐ ไอ้ลา ไอ้หัวโล้น ไอ้ขอทาน ว่าไปทุกอย่าง เพราะจ้างเขามา เขาก็มาว่าตามประสา เหมือนอย่างที่เขาจ้างให้ว่าเรานี่ โจมตีเรานี่เขาก็จ้างเหมือนกันเราแน่ใจ ไม่เห็นก็แน่ใจ เพราะการมาโจมตีเรานี้มันสะเปะสะปะ ว่าตรงไหนมันไม่ถูกๆ มาโดยลำดับ นี่แสดงว่าจ้างกันมา ผู้ที่รับจ้างเขาก็หาเงินหาทอง พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเขาก็เอา พอได้เงินแล้วก็ว่าไปๆ เขาเองจริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้ติดใจกับเราแหละ เขาติดใจกับเงินค่าจ้าง แล้วจ้างว่ากันไปทั่วทุกแห่งทุกหนทั่วประเทศไทย จ้างว่าเรา โจมตีเรา โจมตีเรื่องของเราที่บริสุทธิ์สุดส่วนๆ แล้วโจมตีด้วยกองมูตรกองคูถมาตลอด แล้วกองมูตรกองคูถจะไปไหน มันไม่โปะเจ้าของมันจะไปไหน
          ในหัวใจเรามันไม่มี ทำอะไรให้มีก็ไม่มี จึงทำให้อดวิตกวิจารณ์ไม่ได้นะ เอ๊อ น่าสงสารนะ ผู้สร้างบาปสร้างกรรมก็ตั้งหน้าตั้งตาสร้างเอาจริงๆ สร้างอย่างความถึงใจ สร้างอย่างความเคียดแค้น สร้างแบบก่อกรรมก่อเวรจริงๆ เราไม่มีกับใคร เราจึงวิตกย้อนหลังนะ แทนที่จะมีกับเรา เราบอกว่าเราไม่มี ตั้งแต่พระพุทธเจ้าก็ยังเป็นอย่างนั้น เราตัวเท่าหนูจะให้เลยศาสดาไปไหน เขาอยากว่าก็ว่าไปซิ เท่านั้นแหละ ปล่อย แต่มันก็อดวิตกวิจารณ์ในกรรมของเขาไม่ได้เหมือนกัน
         เช่นอย่างกรรมที่จ้างคนมาว่านี่ก็เหมือนกัน นี่ก็ถูกไถเหล็กไถหัวหน้าผู้จ้างวาน นี่มันมีในตำรา ถูกไถเหล็กไถเอาเลย เมื่อเขาสืบทราบชัดเจนไม่มีสงสัยแล้วก็ให้นั่งลงเอาไถเหล็กไถไปเลย นี่มีในตำรา เป็นกรรมปัจจุบัน แล้วกรรมอนาคตข้างหน้า ไปเมืองผีไม่ทราบว่าเมืองผีเมืองไหนจะรับได้คนประเภทนี้น่ะ ดีไม่ดีถูกเนรเทศไปอีก เข้าไปอยู่เมืองผีก็อยู่กับเขาไม่ได้ ลงนรกมันจะอยู่ได้หรือไม่ได้ นรกพิเศษสำหรับมันมีหรือเปล่า เป็นอย่างไรเรื่องสร้างกรรม ใครอย่าหาญนะ คิดดูอย่างที่เขาว่าให้เราขนาดนี้ เราจะฉุกคิดเรื่องตัวเองมันไม่มีเลยนะ มีแต่ย้อนวิตกกับความคิดอย่างนี้ เพราะเราไม่มีเจตนาต่อโลกในทางให้ร้ายอย่างนี้ แต่นี้มันก็มามีอย่างนี้
          นี่เราพูดถึงเรื่องเราช่วยโลกด้วยความบริสุทธิ์ใจนะ เราช่วยจริงๆ ไม่ได้ช่วยเล่นๆ ถึงขนาดคอขาด ขาดเลย นู่นน่ะ ฟังซิน่ะ ให้เสียดายชีวิตยิ่งกว่าชาติกว่าศาสนาไม่มีสำหรับเรา ถึงคราวเด็ด เด็ดขาดสะบั้นไปเลยนะด้วยธรรม ไม่ได้เด็ดด้วยโลกนะ โลกเข้ามายุ่งไม่ได้ เด็ดตรงไหนนั้นละธรรมออกตรงนั้นๆๆ เลย ถ้าขัดธรรมไม่เอา หมอบราบเลย ไม่ฝืน ถ้าเรื่องธรรมแม้ผมเส้นหนึ่งก็ไม่ฝืน หมอบเลย ถ้าเป็นกิเลสมันขาดของมันเองละ ขาดสะบั้นๆ ไปเลย
          มันก็เป็นบุญเป็นกรรมของชาติไทยเรา ผู้ดึงขึ้นก็มี ผู้ลากลงก็มี อย่างงั้นละจะให้ว่าไง ให้พากันพยายามทำความดีของเรา คนเราดีด้วยความดี เป็นสุข บรมสุขด้วยความดีนะ ไม่ได้เป็นทุกข์ เป็นบรมทุกข์ด้วยความดี ไม่มี เหล่านี้เป็นสมบัติของความชั่ว มันสร้างความชั่วมันก็เป็นของมันเอง 
          เรื่องราวที่สืบไปเมื่อวานนี้ก็สืบแล้วนี่ ที่ป้างๆ พูดเมื่อวาน ว่ามาประกาศโฆษณาห้ามไม่ให้เปิดวิทยุฟังเสียงธรรมหลวงตาบัว อย่างนั้นละเห็นไหมล่ะ ถอยใครเมื่อไร ให้ไปสืบถามให้ได้นะ สืบถามได้ความแล้วจะซัดกันนะกับเรา มันของเล่นเมื่อไร มันกลัวใครเมื่อไรว่างี้เลย มีแต่ขี้หมูขี้หมากลัวหาอะไร กลัวขี้หมา นอกจากหลีกไปเฉยๆ ให้กลัวมันไม่กลัว หากหลีกเข้าใจไหม ใครจะไปกล้าเหยียบขี้หมาใช่ไหม แต่จะว่ากลัวมันก็ไม่เห็นกลัวใช่ไหม หากหลีก นี่ก็เหมือนกันนั่นแหละ แบบเดียวกัน กลัวขี้หมูขี้หมาให้กลัวมันไม่กลัว แต่หลีกเฉยๆ 
          ฟังเสียงเขาจ้างวานกันมาโฆษณาโจมตีเรา มันไม่มีที่เขาโฆษณาโจมตี ๆ มานั้นมีแต่เหลวไหลๆ ทั้งหมดเลย จึงได้บอกว่าขอบิณฑบาตพวกโฆษณาโจมตีให้ผ่อนลงหรือให้หยุดเสีย มันไม่เกิดประโยชน์อะไรแหละ มีแต่โทษโดยถ่ายเดียว เพราะมันไม่เป็นไปตามความจริง แสดงให้เห็นว่าผู้ที่มาโฆษณาโจมตีเรามีแต่รับจ้างมาทั้งนั้น ถ้าเป็นความจริง จริง ๆ ต้องมาหาเหตุหาผลใช่ไหมล่ะ ได้หลักได้เกณฑ์แล้วไป เอ้าประกาศออกมา นั่นอย่างงั้นถึงถูก แต่นี้โฆษณาโจมตีสุ่มสี่สุ่มห้า เพื่อแสดงความเลวร้ายของเจ้าของให้คนทั้งชาติได้ดูได้เห็น ดูเอาซิท่านทั้งหลาย"
 
                                                    __________

<< BACK

 


หน้าแรก