คำถาม 
โดย : ลมหายใจไม่ต่อเนื่อง ถามเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2547

ภาวนาที่บ้านไม่สงบเหมือนภาวนาบริเวณหลวงตาพัก

กราบเรียนองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้า หลานได้ปฏิบัติมา4-5ปี ตอนนั่งภาวนาช่วงปีแรกๆๆก็มีเสียงดัง..เห็นภาพหลายๆๆมากมาย จนมาปัจจุบัน สิ่งเหล่านั้นหายไป และจับพุทโธ ที่อกได้ชัดเจนมากเจ้าค่ะ และสามารถจับได้ทุกเวลาเจ้าค่ะ หลานมีปัญหาถามดังนี้เจ้าค่ะ
1."เวลาภาวนา หลานไม่เห็นอะไรเลย รู้แต่พุทโธที่อกเท่านั้น." อาการนี้ถูกหรือเปล่าเจ้าคะ
2.เวลาหลานนั่งภาวนา ในบริเวณที่องค์หลวงตาพัก ทำไมจิตมันนิ่ง..สงบไม่วอกแวก..ไม่ฟุ้งซ่าน...แต่เมื่อหลานตอนอยู่บ้าน จิตมันวุ่นวาย ฟุ้งซ่าน..ไม่สงบเลยเจ้าค่ะ..หลานจึงกราบขอความเมตตาองค์หลวงตาชี้แนะวิธีภาวนาเมื่ออยู่ที่บ้าน ทำอย่างไรให้สงบ ดังเช่นตอนอยู่ในบริเวณองค์หลวงตาพักเจ้าค่ะ.
3.เมื่อไม่นานมานี้ หลานนั่งภาวนา  ใช้บริกรรมพุท-โธ พร้อมกับลมหายใจ โดยให้พุท-หายใจเข้า โธ-หายใจออก และมีช่วงหนึ่ง ตอนลมหายใจเข้า หยุดชะงักไป..พักหนึ่ง แล้วก็ต่อไปเจ้าค่ะแล้วเมื่อลมหายใจออก ก็หยุดชะงัก แล้วก็ต่อไป เช่นกันเจ้าค่ะ...เป็นอย่างนี้2-3ครั้ง หลานก็เลยเปลี่ยนให้ลมหายใจเข้า-ออกเร็วๆๆๆขึ้นเจ้าค่ะ อาการก็หายไป.........ทำไมหลานจึงเกิดอาการนี้เจ้าคะ กราบขอความเมตตาแนะแนวทางในแก้ปัญหา ลมหายใจชะงักๆๆด้วยเจ้าค่ะ 

คำตอบ
เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2547

เรียนคุณผู้ถาม
หลวงตาเมตตาแสดงธรรมตอบปัญหาให้คุณ
เมื่อวันอังคารที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๗ ณ วัดป่าบ้านตาด  ดังนี้
(หรือกดอ่านเต็มกัณฑ์ได้ที่ http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=2613&CatID=2)

โยม           :     คนที่สอง หลานนั่งภาวนาช่วงปีแรกๆ มีเสียงดัง เห็นภาพมากมาย จนมาถึงปัจจุบันสิ่งเหล่านั้นหายไป และจับพุทโธที่ออกได้ชัดเจนมากเจ้าค่ะ สามารถจับได้ทุกเวลา หลานมีปัญหาถามดังนี้เจ้าค่ะ
ข้อที่ ๑ เวลาหลานภาวนาไม่เห็นอะไรเลย รู้แต่พุทโธที่อกเท่านั้น อาการนี้ถูกต้องหรือเปล่าเจ้าคะ

หลวงตา     :     ถูกๆ ให้อยู่กับพุทโธตลอดไป ถูกต้องแล้วเหมาะสมมาก อยู่กับพุทโธ คือรู้กับพุทโธ หมายถึงว่าสติติดแนบกับพุทโธทำถูกต้องแล้ว

โยม           :     ข้อที่ ๒ เวลาหลานนั่งภาวนา ในบริเวณที่องค์หลวงตาพัก ทำไมจิตมันนิ่งสงบไม่ฟุ้งซ่าน แต่เมื่อหลานตอนอยู่บ้านจิตมันวุ่นวาย ไม่สงบเลยเจ้าค่ะ

หลวงตา     :     อ๋อ ตอนนั้นคือหนูมันอยู่ใกล้แมว มันกลัวแมวมันก็ไม่ดิ้น พอเวลาห่างจากแมวแล้วมันก็ซุกซิกๆ ออกมาเป็นธรรมดาแหละ ให้พยายามดึงแมวมาไว้ที่หัวใจเสมอ คือครูบาอาจารย์พระพุทธเจ้าพระธรรมพระสงฆ์ดึงเข้ามาไว้เสมอนะ นี่เท่ากับแมว หนูตัวคะนองคือกิเลสมันจะหมอบเข้าใจเหรอ เอาแค่นั้นแหละ

โยม           :     จากเมื่อกี้นี้นะครับ บอกว่า เมื่อตอนหลานอยู่บ้าน จิตมันวุ่นวายไม่สงบเลยเจ้าค่ะ หลานจึงกราบขอความเมตตาจากองค์หลวงตาชี้แนะวิธีภาวนาเมื่ออยู่ที่บ้าน จะทำอย่างไรให้สงบ 

หลวงตา     :     ให้ทำเหมือนว่าเราอยู่กับครูบาอาจารย์ที่จิตใจเราสงบ ให้ทำเหมือนอย่างนั้นนะ ว่าไป

โยม            :     ข้อ ๓ เมื่อไม่นานมานี้ หลานนั่งภาวนา ใช้คำบริกรรมพุทโธพร้อมกับลมหายใจ โดยให้พุทหายใจเข้า โธหายใจออก และมีช่วงหนึ่ง ตอนลมหายใจเข้าหยุดชะงักไปพักหนึ่ง แล้วเมื่อลมหายใจออกก็หยุดชะงัก แล้วต่อไปก็เช่นกัน เป็นอย่างนี้ ๒-๓ ครั้ง หลานก็เลยเปลี่ยนให้ลมหายใจเข้า-ออกเร็วขึ้นๆ อาการก็หายไป ทำไมหลานจึงเกิดอาการเช่นนี้เจ้าคะ กราบขอความเมตตาแนะแนวทางในการแก้ไขลมหายใจชะงักด้วยเจ้าค่ะ

หลวงตา     :     นี่ก็เหมือนนักมวยเขาต่อยกัน เขาไม่เห็นมาถามพวกนั่งชมนะ เขาต่อยกันเป็นยังไงผมต่อยเขานั่น หมัดผมไปยังไงหมัดเขามายังไง เขาไม่เห็นถามกัน เวลาเขาต่อยกันเขาก็ต่อยกัน เวลาลงมาเขาก็ลงมา นอกจากกรรมการจะคอยเตือน ที่ครูมวยว่างั้นเถอะ เตือนกันเป็นระยะๆ ไปอย่างนั้นเวลามีโอกาส อันนี้ก็ให้ปฏิบัติอย่างนั้นแหละ มันจะเป็นอย่างไรให้ดู อาการของจิตกับของกิเลสมันสลับซับซ้อนกันอยู่ วกวนกันไปมาเหมือนนักมวยต่อยกัน เข้าใจไหม ให้ทำความรู้สึกอยู่ด้วยความมีสติสำคัญมากนะ อย่าเผลอสติ มันจะค่อยรู้ทุกอย่างนั่นละ ก็ไม่เห็นมีเรื่องอะไรมากนัก 

                                              ___________

<< BACK

 


หน้าแรก