คำถาม 
โดย : สลัดบาร์ ถามเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2547

ไม่เห็นจิตของคนอื่นเหมือนตนเอง

ทุกวันนี้ลูกพยายาม เจริญสติดูกาย-ดูใจของตนเองในชีวิตประจำวัน เริ่มปฏิบัติจริงๆจังได้4 ปีแล้ว  เมื่อปีที่แล้วจึงเริ่มเห็นชัดเข้ามาที่ภายในมากขึ้น  สามารถตั้งสติไม่ส่งออกนอกไปกับความคิด หรือสิ่งที่กระทบภายนอก  และเริ่มมองเห็นนามธรรมชนิดต่างๆผุดขึ้นที่กลางอก  เห็นเป็นความเคลื่อนไหวกระเพื่อมๆไปต่าง  เห็นเป็นยิบๆแย็บๆบ้าง  บางทีก็เป็นอารมณ์ชนิดต่าง  ลูกดูนามธรรมเหล่านี้เกิดดับเปลี่ยนแปลง
และบางครั้งที่ทำสมาธิลูกดูนนามธรรมต่างๆจนกระทั่งดับไป  และละเอียดลงเหมือนกับว่าเราเห็โนสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น และวดับไป เราก็รู้อยู่ที่รู้  บางที่ก็ปรากฏเป็นจุดที่ท่ามกลางบ้าง  บางที่ก็ไม่ปรากฏ  รู้ทราบแต่ว่าการปฏิบัติของลูกก้าวหน้าขึ้นจากเดิม เพราะเห็นว่าจิตผ่องใสปล่อยวางและมักจะอยู่กับปัจจุบันในช่วงที่รู้สึกตัว  

กราบเรียนถามท่านหลวงตาว่า  :  ลูกพยายามเพียรทำเช่นนี้ให้ต่อเนื่องขึ้นในชีวิตประจำวัน แต่ลูกทำงานหลายอยุ่าง  ทำให้ไม่สามารถทำความเห็นให้ต่อเนื่อง  พอกลับบ้านก็เหนื่อย
ทำให้ไม่มีเวลานั่งสามาธิเดินจงกลมเป็นเรื่องเป็นราว  ลูกขอถามว่า  ถ้าลูกทำอยู่เช่นนี้  ตามดูตามรู้ กายใจตนเองในชีวิตการทำงานเพี่ยงแค่นี้จะเพี่ยงพอต่อการพ้นจากทุกข์ไหมเจ้าค่ะ?

:  หากบางครั้งเกิดอาการเสียดแทงที่หัวที่เป็นกระแสจิตของคนใกล้ชิด  ลูกไม่สามารถเห็นเจิตเหมือนเห็นของตนเอง คือเวลาที่เห็นของตนเอง สิ่งเกิดสิ่งนั้นก็ดับไป  แต่จิตของคนใกล้ชิด  พอเรารู้แล้วไม่ดับไป  เสียดๆที่หัว  ลูกครวจะทำอย่างไรดีค่ะ?

คำตอบ
เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2547

เรียนคุณใช้นาม สลัดบาร์ 
หลวงตาเมตตาแสดงธรรมตอบปัญหาของคุณให้
เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๔๗ ณ วัดป่าบ้านตาด  ดังนี้

๑.๑ ลูกพยายามเพียรทำเช่นนี้ให้ต่อเนื่องขึ้นในชีวิตประจำวัน แต่ลูกทำงานหลายอย่าง  ทำให้ไม่สามารถทำความเห็นให้ต่อเนื่อง พอกลับบ้านก็เหนื่อย ทำให้ไม่มีเวลานั่งสมาธิเดินจงกรมเป็นเรื่องเป็นราว ลูกขอถามว่า ถ้าลูกทำอยู่เช่นนี้  ตามดูตามรู้ กายใจตนเองในชีวิตการทำงานเพียงแค่นี้ จะเพียงพอต่อการพ้นจากทุกข์ไหมเจ้าคะ

หลวงตา     :      ถ้าทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แล้วยังพอไปเรื่อยๆ พอเป็นขั้นๆ ไปเรื่อยๆ  ต่อไปก็เข้าถึงจุดที่ว่านั่งสมาธิหรือภาวนานั้นไม่ต้องบอก จะเป็นไปเองหมุนไปเองทีเดียว เบื้องต้นก็อย่างนี้ ถูกต้อง ให้บำรุงเหล่านี้เข้าไปเรื่อยๆ อย่าปล่อยวาง ได้โอกาสเมื่อไรก็ให้เข้าสมาธิภาวนา ขานั้นพระพุทธเจ้าท่านก็มีขา ท่านเดินจงกรมได้ สาวกท่านมีขาท่านเดินจงกรมได้ ขาของเราเป็นขาชนิดใด ให้มาถามตัวเอง ถ้าไม่มีเวลาจริงๆ มืดกับแจ้งหายไปไหน ให้ว่างั้นนะเข้าใจไหม มันถึงไม่มีแต่เราคนเดียว โลกเขามีหมด พระพุทธเจ้า สาวกทั้งหลายท่านมี เราทำไมไม่มี ให้เตือนตนตรงนี้ เพื่อจะเป็นส่วนใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ที่ได้แล้วก็จะเพิ่มขึ้น เอาเท่านั้นละ มีอะไรอีก

 ข้อ ๑.๒ บางครั้งเกิดอาการเสียดแทง ที่หัว ที่เป็นกระแสจิตของคนใกล้ชิด  ลูกไม่สามารถเห็นจิตเหมือนเห็นของตนเอง คือเวลาที่เห็นของตนเอง สิ่งเกิดสิ่งนั้นก็ดับไป  แต่จิตของคนใกล้ชิด  พอเรารู้แล้วไม่ดับไป  เสียดๆ ที่หัว  ลูกควรจะทำอย่างไรดีคะ  

หลวงตา     :     รู้แล้วไม่ดับไป มันไปรู้ยังไงมันถึงไม่ดับไป ของเจ้าของรู้แล้วดับไป ของคนอื่นรู้แล้วไม่ดับ มันเป็นเพราะเหตุใด ถามเจ้าของอีก เข้าใจเหรอ ให้ดูตัวเองเข้ามาอีก คนอื่นดับไม่ดับเป็นเรื่องของเขา ให้ดูตัวเป็นภัยของเจ้าของ เป็นคุณของเจ้าของภายในใจ อะไรเกิดอะไรดับ ให้ดูอยู่ที่นี่ เรื่องภายนอกอย่าด่วนยุ่ง เข้าใจไหม 

                                             ________________

<< BACK

 


หน้าแรก