คำถาม 
โดย : วรรณา ถามเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2546

อำนาจจิตท่านอาจารย์ฝั้น

น้องสาวเคยได้ยินหลวงตาเทศน์สอนเรื่อง อำนาจจิตของท่านอาจารย์ฝั้น ที่ท่านเพ่งเครื่องบิน อยากฟังเป็นคติอีกครั้ง ขอเมตตาด้วยค่ะ

คำตอบ
เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2546

เรียนคุณวรรณา

คุณสามารถอ่านได้จากเทศน์วันที่ 19 ตุลาคม 2544  เรื่อง อำนาจจิตพระอาจารย์ฝั้น  หรือกดอ่านเต็มกัณฑ์ที่ http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=758&CatID=2
(คัดมาเฉพาะบางตอน)

บรรดาครูบาอาจารย์นี้ ท่านอาจารย์ฝั้นที่น่าเคารพ น่ารัก น่ากราบ ไหว้บูชาทุกอย่าง เรารักท่านนะ ไม่เพียงแต่ความเคารพเลื่อมใสยังรักท่านอีก โอ๊ย หายากนะ พูดถึงเรื่องกำลังจิตนี้สำคัญมาก ท่านอาจารย์ฝั้นกำลังใจสำคัญ ท่านพูดให้ฟัง ท่านยังหวาดเสียวอยู่นะ เราไม่ลืม ปีสงครามโลกเขามาทิ้งระเบิดที่สถานีรถไฟโคราชสถานีใหญ่นั่น พวกนายทหารเขาก็เข้ามาหาท่าน ท่านพูดดูเป็นลักษณะตื่นเต้นหวาดเสียว มันเผลอไปได้ยังไงท่านว่าอย่างนั้น เขามาพูดเราก็ฟังนิ่งๆ ก็เท่ากับรับเขานั่นแหละ

คือถึงเวลาประมาณ ๖ ทุ่มล่วงไปแล้วเครื่องบินใหญ่จะมา แล้วเขาจะ
มาโยนระเบิดลงที่สถานีรถไฟ มันแหลกหมดแล้วเขามาทุกคืน มาโยนระเบิดลงตรงนั้น พอเรานิ่งๆ แล้วเขาก็ว่าเรารับ เรารับในใจจริงๆ นะ นี่ซิมันน่าคิดเอามากมาย มันก็มาดลบันดาล ท่านว่าอย่างนั้นนะ พอถึงเวลาแล้วเราก็ไปเดินจงกรม ถ้าเครื่องบินมาจะเพ่งเครื่องบิน เพ่งแล้วมันต้องตก ตกคนอยู่นั้นตายหมด ถ้าเพ่งยังไงมันต้องตก พอจิตเพ่งปึ๋งนี้ก็ลงตูมเลย แล้วคนอยู่นั้นตายหมดอะไรตายหมด คนตายหมดนี้ซิ มันทำไมระลึกไม่ได้ มันแปลกเอาเหลือเกิน ท่านว่า พูดแบบตื่นเต้นนะ อู๊ย น่าหวาดเสียวเหลือเกิน แล้วก็ดลบันดาล คืนวันนั้นเครื่องบินไม่มา แปลกอยู่ มันมาทุกคืนจนกระทั่งนายทหารเขาอยู่ไม่ได้ เขาวิ่งมาหาท่าน มาแล้วท่านก็นิ่งๆ ก็แสดงว่าปลงใจจะช่วยเขา

ทีนี้เวลาประมาณสัก ๕ ทุ่มท่านก็ลงเดินจงกรม คอยดูเหตุการณ์ ฟังซิท่านพูดเองนะ คอยดูเหตุการณ์อยู่ที่วัดศรัทธารวม ตอนนั้นท่านอยู่วัดศรัทธารวม ทีนี้ก็พอดึกเข้ามาก็เดินจงกรมสังเกตเหตุการณ์ต่างๆ เงียบๆ ไปเลย จนกระทั่งตี ๒ ท่านถึงออกจากทางจงกรมมา เรื่องก็เลยเงียบไปเลย พึ่งมาระลึกได้ทีหลัง โหย น่าหวาดเสียวจริงๆ เครื่องบินตกคนตายสักเท่าไรเราไม่ได้คิดอะไรเลย ทำไมเป็นอย่างนั้น ท่านพูดด้วยความเสียใจ คือตอนนั้นระลึกไม่ได้เลย นี่สำคัญ ถ้ามาเอาจริงๆ นะ นั่นน่ะเห็นไหมกำลังจิตของท่าน มันบันดลบันดาล วันนั้นเครื่องบินก็ไม่มาทั้ง ๆ ที่มันมาทุกคืน ๖ ทุ่มล่วงไปแล้วมา ฟังเสียงสนั่นหวั่นไหวละระเบิดเขาลง เครื่องบินแต่ก่อนมัน ๔ เครื่องยนต์ ไม่ได้เหมือนทุกวันนี้นะ มาก็ได้ยิน ท่านยืนรอเหตุการณ์อยู่แล้วถ้ามาท่านก็จะเพ่ง ถ้าเพ่งก็ตูมเลย แล้วคนในนั้นมีเท่าไรตายหมดเลยท่านว่า อู๊ย เสียเหลือเกินตรงนี้ ท่านพูดแบบตื่นเต้น แบบเสียอกเสียใจมากทีเดียว แต่ก็ไม่เป็นไรแล้วแหละผ่านไป

นี่ละอำนาจของจิต ท่านเชื่อขนาดไหนเชื่อความรู้ของท่าน มานี้พอเพ่งผางนี้ลงเลยท่านว่า อย่างนั้นแหละอำนาจของจิต อย่างไปขึ้นเครื่องบินท่านก็เล่าให้ฟัง ตอนไปเผาศพหลวงปู่มั่น ขึ้นเครื่องบินไปเผาศพนั้น เขาเอาเครื่องบินมาลงรับจ้าง เราก็พอจำได้ว่า ๒ นาทีต่อ ๔๒ บาท ขึ้นสองนาทีลง ๆ เสร็จแล้วเขาก็มาขอให้เราขึ้น เขาไม่เอาค่าจ้าง มานิมนต์ให้ขึ้นเลย โอ๊ย ขึ้นไปอะไรล่ะ ก็ขึ้นไปชมดินฟ้าอากาศเฉยๆ แหละ พาไปเที่ยวแถวนี้แหละ เขาก็มานิมนต์ท่าน ตกลงใจก็เลยไปท่านว่า ทีนี้พอไปแล้วเขาไม่ได้อยู่แถวนี้ละซิ ฟาดนู่นถึงร้อยเอ็ด สารคาม อุบล เขาไม่ได้พากลับง่ายๆ เที่ยวตระเวนเสียแหลกหมด เราก็ดูดินฟ้าอากาศไป นี่ท่านมาพูดถึงกระแสจิตนะ ส่งจิตดูไปธรรมดาๆ ไม่เข้าห้องเครื่อง ถ้าจิตเข้าปั๊บ พอจ่อปั๊บนี้จะลงเลยและตายทั้งเขาทั้งเรา เวลาตาย ตายทั้งเขาทั้งเรา เราตัวเก่งๆ ก็จะตาย เราตัวเก่งนี้ก็จะตายท่านว่างั้น

ท่านบอกว่าเวลาผ่านเครื่องไปนี้ ท่านจะส่งจิตธรรมดาทั่วๆ ไป ก็เป็นธรรมดา พอเพ่งปั๊บนี้มันจะพุ่งเลยพังเลย ท่านถึงบอกว่าต้องระวัง เครื่องเหล่านี้จิตจะไม่เข้าเลย จิตส่ายไปธรรมดาดูโน่นดูนี้ไปธรรมดา เขาไปเที่ยวจนกระทั่งเมืองอุบลโน่นแหละ ไม่ทราบกี่นาที ไปนานแสนนานกว่าจะกลับมา ท่านพูดถึงเรื่องจิต ไปไหนจิตเราจะไม่เข้าเลยห้องเครื่องเขา ส่งไปธรรมดาดูธรรมดาเหมือนทั่วๆ ไป ถ้าส่งไปนั้นไม่ได้ ท่านพูดตรงนี้สำคัญมากนะ ถ้าส่งไปนั้นแล้วก็พังเลย พังทั้งเขาทั้งเรา ตายทั้งเขาทั้งเรา

                                      ________________

<< BACK

 


หน้าแรก