|
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
คำถาม
|
|
โดย : พัฒนพล ถามเมื่อวันที่
5 พ.ย. 2546 |
หลวงตามีความเห็นอย่างไรกับธรรมยุตกับมหานิกาย
ผมอยากกราบเรียนถามหลวงตาเกี่ยวกับพระกรรมฐานสายทางท่านอาจารย์ชา กับทางหลวงปู่มั่นเป็นกรรมฐานสายเดียวกันหรือเปล่าครับ หลวงตามีความเห็นอย่างไรกับธรรมยุติกับมหานิกายครับ ผมขอทราบเพื่อเป็นคติธรรม (พัฒนพล)
|
คำตอบ |
|
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2546 |
อนุโมทนาในจิตที่บำเพ็ญกับหลวงตาท่านด้วยค่ะ ระยะนี้หลวงตาท่านเดินทางไปรับผ้าป่าช่วยชาติที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง จะกลับถึงวัดป่าบ้านตาดวันที่ ๑๗ พฤศจิกานี้ ทีมงานขอคัดเทศน์ที่หลวงตาท่านเมตตาเทศน์ถึงเรื่องพระกรรมฐานสายธรรมยุตและมหานิกายให้คุณได้ทราบว่าหลวงตาท่านมีความเห็นอย่างไร อ่านได้จากเทศน์ดังนี้นะคะ
(คัดจากกัณฑ์เทศน์ของหลวงตา วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๔๕ ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ) เราบอกตรง ๆ ธรรมยุต มหานิกายเราไม่มี มีแต่สุปฏิปันโนเท่านั้นเป็นอันเดียวกันเลย เรื่องชื่อนั้นชื่อนี้ตั้งแต่ไก่เขาก็มี ไม่เห็นวิเศษวิโสอะไร ตั้งชื่อแดนสวรรค์ถ้าปฏิบัติเลวทรามดูไม่ได้นะ ตั้งชื่อตั้งนามจึงตั้งไว้พอรู้จัก เป็นกฎเป็นเกณฑ์วรรคนั้นวรรคนี้ไปเท่านั้นเอง สายอาจารย์ชากับหลวงปู่มั่นนี้มันเป็นอันเดียวกันมาดั้งเดิม ตั้งแต่หลวงปู่มั่นเป็นอาจารย์สอนอาจารย์ของอาจารย์ชาอีกทีหนึ่ง อาจารย์เหล่านี้มาเป็นอาจารย์ของอาจารย์ชา แม้อาจารย์ชาเองก็เคยไปหนองผือเหมือนกัน ตอนที่เราอยู่ที่นั่น ท่านก็ไปพักอยู่นั้นหลายวัน ไปศึกษาอบรมอยู่กับพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น
เราจึงถือเป็นอันเดียวกันหมด สายเดียวกันหมด เพราะเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นด้วยกัน คำว่าธรรมยุตมหานิกายไม่มีสำหรับเราเอง แม้แต่พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นท่านก็ไม่มี จะเห็นได้มีฝ่ายธรรมยุต มหานิกายซึ่งเป็นกรรมฐานด้วยกันมีอยู่นี้ก็เพราะหลวงปู่มั่นไม่ให้ญัตติ อาจารย์ของอาจารย์ชาเหล่านี้ อาจารย์มีหลายองค์นะฝ่ายมหานิกาย อาจารย์ทองรัตน์ อาจารย์กินรี อาจารย์ไหนต่อไหน หลายองค์นะ มาเคารพเลื่อมใสในปฏิปทาของท่าน แล้วพร้อมกันอยากมาขอยติ และเป็นลูกศิษย์ของท่าน ท่านบอกว่า ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายญัตติแล้ว ท่านทั้งหลายมีพวกมาก ผลประโยชน์ก็จะไม่ขยายออกไป เพราะโลกถือสมมุติ" ท่านว่าอย่างนั้นนะ
ญัตติเป็นฝ่ายธรรมยุตแล้ว ฝ่ายของท่านก็จะขาดผลประโยชน์ไป จึงเป็นการคับแคบผลประโยชน์ไม่ค่อยมีมาก ท่านจึงออกสั่งว่า ไม่ต้องญัตติ คำว่าธรรมยุต มหานิกายเป็นชื่ออันหนึ่งต่างหาก ส่วนสุปฏิปนฺโน อุชุ ญาย สามีจิปฏิปนฺโน นี้เป็นพื้นฐานของศาสดาองค์เอกที่ประทานไว้ให้พระสงฆ์ปฏิบัติตัวอย่างนี้ เหล่านี้แลเป็นเนื้อเป็นหนังอันแท้จริง ไม่ได้เป็นอยู่กับธรรมยุต มหานิกาย เมื่อพวกท่านทั้งหลายมาญัตติแล้ว บรรดาคณะของท่านก็จะแยก ถือว่านี้มาฝ่ายนี้ นู่นไปฝ่ายนู้น ผลประโยชน์ไม่ค่อยมีมาก เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงไม่ให้ญัตติเพราะผลประโยชน์เสมอกันหมด ญัตติแล้วผลประโยชน์จะขาดอีกอันหนึ่ง ถ้าเมื่อไม่ญัตติผลประโยชน์จะเพิ่มขึ้น ท่านเล็งเห็นผลประโยชน์หาผลประโยชน์
เพราะฉะนั้น สายหลวงปู่ชาจึงมีพระกรรมฐานมากมาย คือเข้ากันติด พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นก็ถือเป็นแบบเดียวกันตลอดมา เราเองก็แบบเดียวกัน ไม่มีธรรมยุต มหานิกาย ขอให้ปฏิบัติดีเข้ากันได้สนิท ๆ เลยนะ ถ้าปฏิบัติไม่ดี แม้แต่อยู่ในวัดเดียวกันก็ถูกขับไล่ไม่ให้อยู่ เป็นเทวดามาก็ไม่ให้อยู่ มีแต่ชื่อเทวดา ตัวผู้ปฏิบัติเป็นเทวทัตใช้ไม่ได้ ต้องขับเทวทัตหนี ถ้าเทวดาอยากอยู่ก็อยู่ได้ แต่ต้องปฏิบัติดี ดีขนาดไหน ชื่อนามไม่เกิดประโยชน์ เกิดประโยชน์ในจุดสำคัญคือ สุปฏิปันโน __________________
(คัดจากกัณฑ์เทศน์ของหลวงตา วันที่ ๕ เมษายน ๒๕๔๔ ณ วัดป่าบ้านตาด) คำว่าสายหลวงปู่มั่นนี้มีทั้งมหานิกาย มีทั้งธรรมยุตนะ ทางฝ่ายมหานิกายที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นนี้น้อยเมื่อไร รวมเรียกว่าสายหลวงปู่มั่นด้วยกัน ปฏิบัติอยู่ ทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนั้น เราก็เปิดให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบว่า หลวงปู่มั่นท่าน คิดกว้างขวางขนาดไหนสำหรับประโยชน์ให้โลกนะ
ลูกศิษย์ของท่านฝ่ายมหานิกายไปศึกษาอบรมกับท่านน้อยเมื่อไร เป็นลูกศิษย์ ๆ ไปศึกษาอบรมกับท่านมีเยอะนะ นับตั้งแต่ อาจารย์ทองรัตน์ อาจารย์กินรี เราจำไม่ได้ สำหรับท่านบรรยายให้ฟังหมดนะหลวงปู่มั่น ก็ลูกศิษย์ของท่านนี่ ท่านไม่ได้ว่าธรรมยุตไม่ได้ว่ามหานิกายนี่ ท่านถือเป็นลูกศิษย์ศากยบุตรด้วยกันทั้งนั้น ขอให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเถิดท่านว่างั้น ไอ้ชื่อนี้แต่ไก่มันก็มี ฟังซิท่านพูด แย้งท่านได้ที่ไหน นี่หลวงปู่มั่นพูดเอง เราฟังด้วยหูของเรา ท่านเหล่านั้นที่เป็นฝ่ายมหานิกายเข้ามารับการอบรมจากท่าน เกิดความเชื่อความเลื่อมใส พอใจที่จะญัตติ ๆ นะ
ครูบาอาจารย์แต่ละองค์ ๆ ที่มาพอใจแล้วจะญัตติ พาหมู่คณะญัตติอะไร ๆ นี้ท่านห้ามทันทีเลย ไม่ต้องญัตติ ขึ้นอย่างเด็ดด้วยนะ พวกท่านเป็นศากยบุตรเหมือนกัน ไม่ว่าธรรมยุต มหานิกาย เรียกว่าศากยบุตร ท่านว่างั้น ธรรมยุต มหานิกายอะไรนี้เป็นชื่อแยกออก เพราะความแตกแยกเนื่องจากการปฏิบัติยิ่งหย่อนในธรรมวินัยต่างกันก็เป็นธรรมดา แต่เมื่อตั้งใจปฏิบัติแล้วไม่มีธรรมยุตมหานิกาย เรียกว่าศากยบุตรอย่างเดียว เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นจะต้องญัตติ ขอให้ปฏิบัติเถิด
เมื่อท่านทั้งหลายมาญัตติแล้ว โลกมันถือสมมุติกันหนักมากยิ่งกว่าถือธรรมนะ แม้จะเป็นเรื่องของธรรม โลกสมมุติมันก็แทรกเข้าไป คณะนั้นคณะนี้ ก๊กนั้นก๊กนี้ ไปอย่างนั้น ธรรมท่านไม่มีก๊กท่านว่างั้น แต่โลกมันมองไม่เห็น เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องญัตติ เมื่อพวกท่านทั้งหลายญัตติแล้วมันถือเป็นก๊กเป็นเหล่า บรรดาผู้ที่ต้องการอรรถธรรมทั้งหลายก็จะเข้าถึงพวกท่านได้ยาก หรือจะถือท่านว่าเป็นคณะหนึ่งไปแล้วเป็นธรรมยุตไปแล้วไปอะไรอย่างนี้ ก็เสียผลประโยชน์ของผู้มีความหวังในธรรมทั้งหลายอย่างมากและมีจำนวนมากด้วย เพราะฉะนั้นไม่ต้องญัตติ ท่านบอกไม่ต้องเลย เอ้า อบรมไป ไม่มีคำว่าสัคคาวรณ์ มัคคาวรณ์ การห้ามมรรคห้ามผลต่อนิพพานนั้นนี้ไม่มี ขอให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติไป มรรคผลนิพพานมีอยู่กับทุกพวกทุกคณะนั่นแหละ
พอว่าอย่างนั้นท่านก็บอกว่า ถ้ามาญัตติแล้วฝ่ายส่วนมากซึ่งเป็นฝ่ายของท่านจะขาดประโยชน์มากมาย ท่านว่าอย่างนี้นะ ไม่ใช่ขาดเพียงเล็กน้อย เมื่อพวกท่านทั้งหลายไม่ต้องญัตติ ออกไปนี้กระจายกันไปเลยได้ทั่วถึงกัน สมานกันไปได้หมด ท่านว่าอย่างนี้นะ จึงไม่ต้องญัตติ ท่านพูดเอง เราฟังอย่างถนัดทีเดียว หลวงปู่มั่นพูดท่านไม่ได้เอนได้เอียงไปที่ไหนท่านเป็นธรรมล้วน ๆ พูดถึงเรื่องการญัตตินี้มันเป็นวงคับแคบมากท่านว่างั้น การไม่ญัตตินี้เรายอมรับกันแล้วในสังคมเมืองไทยเราก็ยอมรับกันแล้ว ว่าธรรมยุตก็สมบูรณ์แบบ มหานิกายก็สมบูรณ์แบบ เรียกว่าพระสมบูรณ์แบบเหมือนกัน โลกยอมรับแล้วเป็นส่วนภายนอก ส่วนภายในเป็นหน้าที่ของเราจะปฏิบัติหลักธรรมหลักวินัย ต่างคนต่างเข้มงวดกวดขันปฏิบัติแล้วเป็นศากยบุตรเต็มตัวเหมือนกัน ฟังซิท่านว่า ท่านถึงบอกว่าไม่ต้องญัตติ
ด้วยเหตุนี้เองคณะลูกศิษย์ทางฝ่ายมหานิกายซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ ท่านจึงไม่ได้ญัตติ เพราะหลวงปู่มั่นเป็นผู้พูดเอง เราก็เห็นอย่างนั้นด้วยนะ ยันเลยเราก็เหมือนกัน ขอให้ปฏิบัติดีเถิดเข้ากันได้ทันที ยกตัวอย่างเช่น พระธรรมธร พระธรรมกถึก ทะเลาะกันเรื่องหลักธรรมหลักวินัย เพียงนิดหน่อยเท่านั้นก็แตกกันได้นะการขัดกันทางพระวินัย แตกกัน พระวินัยธรเป็นคณะหนึ่งขึ้นมาแล้วในวงศากยบุตรนั้นแหละ แล้วพระธรรมกถึกเป็นคณะหนึ่งขึ้นมา แล้วแตกแยกกัน พระพุทธเจ้าทรงอิดหนาระอาใจ เพื่อทรมานพวกเก่ง ๆ นี้ก็เลยเสด็จไปจำพรรษาที่ป่าเลไลยก์เสียในพรรษานั้น
พระองค์ทรงทราบหมดแล้วแหละเหตุการณ์ต่าง ๆ แต่ผลประโยชน์จะได้มากได้น้อยเพียงไรนี้พระองค์ทรงเล็งแล้ว ก็เห็นว่าการเสด็จไปจำพรรษาอยู่ที่ป่าเลไลยก์สักหนึ่งพรรษา เพื่อทรมานและอบรมบ่มนิสัยของพวกนี้ว่างั้นเถอะ พอสมควรแล้วก็เสด็จมาโดยที่พระทั้งสองนิกาย นิกายวินัยธร นิกายธรรมกถึกนั้น มันจะตายล่ะซีเขาไม่ใส่บาตรให้กิน ใครก็อวดเก่งอวดกล้าสามารถเก่งด้วยกัน ๆ เขาก็ไม่ใส่บาตรให้กิน อิดหนาระอาใจ เอือมไปหมด พระจะอดตายก็ต้องมาขอร้องพระอานนท์ นั่นลงกันเรียบร้อยแล้วตั้งแต่พระพุทธเจ้ายังไม่เสด็จมา เห็นไหมพระพุทธเจ้าทรงเล็งญาณพิจารณารู้แล้ว ทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าเสด็จมา
นี่ละโลกมันถือกันอย่างนี้ ฟังทุกระยะ ๆ นะ พอพระพุทธเจ้าเสด็จมาแล้ว นี้ลูกศิษย์วินัยธร นี้ลูกศิษย์ธรรมกถึก มาโจมตี พวกคณะนั้นโจมตีคณะนี้ คณะนี้โจมตีคณะนั้นเข้ามา ไหนคณะวินัยธรองค์ไหน ไหนคณะธรรมกถึกองค์ไหน จี้นั้นจี้นี้จี้เข้ามาแล้ว พวกฆราวาส พระพุทธเจ้าประทานอยู่ตรงนั้น ฟังให้ดีคำรับสั่งพระพุทธเจ้านะ พอเข้ามานี่ถ้าเป็นภาษาหลวงตาบัว หรือจะพูดว่าเด็ดไม่ต้องว่าภาษาหลวงตาบัวก็ได้ พูดอย่างเด็ดให้ถึงเหตุถึงผลว่า พวกนี้กำลังรุมเข้ามาจะมาชี้หน้าคณะวินัยธร คณะธรรมกถึก ใครคณะวินัยธร ใครคณะธรรมกถึก
พระพุทธเจ้ารับสั่งทันทีว่า อย่ายุ่ง นี่ภาษาธรรมภาษาน้ำหนัก แต่หลวงตาบัวเคยเป็นหลวงตาบัวอยู่แล้วก็เลยเป็นภาษาหลวงตาบัวก็ไม่ผิด หลักใหญ่หลวงตาบัวนี้เข้าในน้ำหนักนะ เข้าในเหตุในผล นี่ก็แยกออกมาให้พี่น้องทั้งหลายได้คิด พอเข้ามานี้ อย่ายุ่ง ฟังซิน่ะ เธอทั้งหลายมีลูกมีเต้าเหล่ากอมีญาติมีวงศ์ทะเลาะกันยุ่งไปหมดทั่วโลกดินแดน ท่านทั้งหลายมีลูกมีเต้ามีญาติมีวงศ์ ทะเลาะเบาะแว้งกันมาตลอด ลูกศิษย์เราตถาคตก็เป็นคนมีกิเลส ทำไมจะทะเลาะกันไม่ได้ล่ะ อย่ามายุ่งนะเราจะชำระของเราเอง นี่ลูกของเรา ฟังซิ ลูกของพวกเธอทั้งหลายให้ไปชำระกันเอง นี่ลูกของเราตถาคตเราชำระเอง ไล่เตลิดเปิดเปิงวิ่งลงตกทะเล ป่านนี้มันขึ้นทะเลได้แล้วยังพวกนั้นก็ไม่รู้นะ ถูกพระพุทธเจ้าขนาบมันตกทะเล
ทั้งลูกศิษย์วินัยธร ทั้งลูกศิษย์ธรรมกถึก ส่วนพระวินัยธร พระธรรมกถึกได้ฟังโอวาทจากพระพุทธเจ้าแล้วขึ้นนิพพานเสียมากต่อมากนะ เก่งไหม นี่ละเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ บรรดาสาวกฟังธรรมพระพุทธเจ้าได้สำเร็จมรรคผลนิพพานมากมายนะ พระธรรมกถึก พระวินัยธร ทีนี้เวลารวมกันลงแล้ว คณะไหนเป็นคณะวินัยธร คณะธรรมกถึก เป็นศากยบุตรด้วยกันหมด เห็นไหม พอลงกันได้แล้วเป็นศากยบุตรด้วยกันทั้งนั้น ทีนี้พุทธศาสนาของเราทั่วประเทศไทยจะเป็นมหานิกาย ธรรมยุต ขอให้ปฏิบัติให้ลงรอยตามอรรถตามธรรมเถิด เข้ากันได้ทันที นี้ตามหลักธรรมเป็นอย่างนั้น จะขัดแย้งธรรมไปไม่ได้ไม่เรียกศาสนา พากันจำเอาไว้ให้ดีนะ
นี่พูดถึงเรื่องสายหลวงปู่มั่น คำว่าสายหลวงปู่มั่นรวมทั้งฝ่ายมหานิกายด้วย ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์มั่นนะ เราไม่ได้ไปแยกเอาว่า นี่ธรรมยุตเป็นลูกศิษย์ท่านอาจารย์มั่นนะ มหานิกายเป็นลูกศิษย์ที่ไหนก็ไม่ว่า เราไม่ได้มีอย่างนั้น ธรรมไม่มี เราถึงว่ารวมกันที่เป็นส่วนใหญ่ก็คือ ท่านอาจารย์มั่นเป็นองค์ประธานเป็นอาจารย์ แล้วลูกศิษย์ลูกหาก็เลยยกให้มาเสียว่าเป็นสายท่านอาจารย์มั่น ที่จะได้ยินได้ฟังได้เข้าไปฟังเทศน์ คงจะมีมากเราว่างั้นนะ ความจริงก็คือว่า ลูกศิษย์ท่านอาจารย์มั่นไม่ว่าธรรมยุตมหานิกาย เป็นลูกศิษย์ท่านอาจารย์มั่นทั้งนั้น ที่มาศึกษาอบรมกับท่าน ดังที่ระบุมาเหล่านี้มีแต่ลูกศิษย์ท่านอาจารย์มั่นเต็มไปหมดเห็นไหม ทางภาคตะวันออกก็เต็มไปหมด
เราไปเราชมเชย ไปที่ไหนถ้าเป็นพระปฏิบัติ สำนักไหนก็ตามเราเข้าถึง ๆ นะ เช่นอย่างไปกรุงเทพแต่ละครั้ง ๆ นี้ ไปโน้นสำนักทางเมืองชลฯ ซอกแซกซิกแซ็กเข้าไปหาหมด แม้ที่สุดเขาเขียวเราก็ขึ้น วัดเขาฉลากเป็นจุดศูนย์กลางที่เราไปพักที่นั่น แล้วแยกไปทางนั้นทางนี้ บรรดาพระปฏิบัติเราจะเข้าถึงหมดเลย เราไม่มีคำว่าธรรมยุตมหานิกาย เราเห็นแต่ผู้เป็นธรรมแล้วเท่านั้นเป็นที่พอใจ สมความมุ่งหมายของศาสดาสอนโลกเพื่อความกลมกลืนสามัคคีกัน เป็นอย่างนั้นนะ ____________________
|
|
|