คำถาม 
โดย : ชวนชื่น ถามเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2546

จิตกับความคิดใช่อันเดียวกันหรือไม่

กราบนมัสการเรียนถามปัญหาหลวงตา ดังนี้
1.จิตกับความคิด ใช่อันเดียวกันหรือไม่ และมีความสัมพันธ์กันอย่างไร?
2.เวลานั่งสมาธิ บางช่วงมี 2 ความระสึกพร้อมกันคือ รู้ตัวว่ากำลังพิจารณาลมหายใจเข้า-ออก พุท-โธอยู่ และก็รู้ตัวว่ากำลังคิดเรื่องอื่นๆอยู่  ซึ่งจะแว่บเข้ามาในความคิดประมาณ 1-2 นาที และหายไป ถ้าเป็นอย่างนี้ถือว่ามีสมาธิหรือไม่
3. เวลาภาวนาพุท-โธ ไปเรื่อยๆ จะรู้สึกสงบลง ๆ ภาวนาไปนานเข้าจะรู้สึกลืมพุท-โธ อย่างนี้ถือว่าไม่มีสมาธิใช่หรือไม่

กราบขอบพระคุณหลวงตามา ณ โอกาส นี้ด้วย

คำตอบ
เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2546

เรียนคุณชวนชื่น
หลวงตาเมตตาตอบปัญหาธรรมของคุณให้
เช้าวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๔๖ ณ  วัดป่าบ้านตาด  ดังนี้

โยม            :     ข้อ ๑ จิตกับความคิดใช่อันเดียวกันหรือไม่ และมีความสัมพันธ์กันอย่างไร 

หลวงตา     :     จิตคือความรู้ ความรู้ที่ปรุงออกไปจากจิตเป็นความรู้แขนงของจิตนี้เรียกว่าสังขารความปรุงของจิต ออกไปจากจิตแต่ไม่ใช่จิตเข้าใจเหรอ เรียกว่าสังขารคือความปรุงภายใน สังขารภายนอก เช่น ต้นไม้ ภูเขา สัตว์ทั่ว ๆ ไป นี่สังขารภายนอก สังขารภายในคือความคิดปรุงของจิตสำเร็จรูปมาในนั้นเสร็จ ปรุงว่าหญิงเป็นหญิงเรียบร้อยแล้ว ปรุงเป็นชายเป็นชายเรียบร้อยแล้ว นี่เรียกว่าสังขารภายใน เข้าใจเหรอ ทั้ง ๒ อย่างนี้ สังขารภายในเป็นตัวหลอกลวงมากที่สุด ยิ่งกว่าสังขารอื่นใด แล้วถามมาเรื่องอะไร

โยม            :     ถามว่าจิตกับความคิดใช่อันเดียวกันหรือไม่ครับ

หลวงตา     :     ไม่ใช่อันเดียวกัน ความคิดออกมาจากจิต จิตกระเพื่อมมันก็เป็นความคิดออกไป ถ้ามีแต่ความรู้ล้วนๆ ไม่กระเพื่อมก็เป็นจิต พอความกระเพื่อมออกไปนี้ ความรู้อันนี้ออกไปนั้นเป็นสังขาร เป็นความคิดจึงไม่ใช่อันเดียวกัน แต่ออกจากที่เดียวกันคือจิต เข้าใจหรือเปล่า เออ ว่าไป

โยม           :     ข้อ ๒ นะครับ เวลานั่งสมาธิ บางช่วงมี ๒ ความระลึกพร้อมกันคือ  รู้ตัวว่ากำลังพิจารณาลมหายใจเข้าออกพุทโธอยู่และก็รู้ตัวว่ากำลังคิดเรื่องอื่น ๆ อยู่ ซึ่งจะแวบเข้ามาในความคิดประมาณ ๑-๒ นาที และหายไป ถ้าเป็นอย่างนี้ถือว่ามีสมาธิ หรือไม่ครับ 

หลวงตา     :     ขี้เกียจตอบ ถามไม่ได้หน้าได้หลัง  เอ้า ฟัง ความจริงแล้วจิตทำหน้าที่อันเดียว เราคิดนี้แล้วอันนั้นแย็บมานี้คือว่า อันนี้เบามันขึ้นทางนั้น อันนั้นเบาขึ้นทางนี้ มันออกจากจิตดวงเดียวเข้าใจเหรอ ถ้าจริงๆ แล้วจิตทำหน้าที่อันเดียวเท่านั้น ที่มันแทรกก็คือกระแสของความรู้ที่แฝงขึ้นไป ความคิดอันเป็นจุดเดิมของเรานี้เท่านั้นเข้าใจเหรอ ก็มีเท่านั้น ไม่อยากตอบไปมากขี้เกียจตอบปัญหาอย่างนี้นะ นี่ยังดีนะยังตอบให้อยู่ เอ้า ว่าไป

โยม           :     เวลาภาวนาพุทโธไปเรื่อย ๆ จะรู้สึกสงบลง ๆ ภาวนาไปนานเข้าจะรู้สึกลืมพุทโธ อย่างนี้ถือว่าไม่มีสมาธิใช่หรือไม่ กราบขอบพระคุณหลวงตามา ณ โอกาสนี้ ( จาก ชวนชื่น ) 

หลวงตา     :     คำว่า ลืมพุทโธ นี้ส่วนมากฟังกันก็เรียกว่ามันเผลอ มันถึงลืมพุทโธ เราพุทโธ ๆ แล้ว พุทโธหายไปแต่สติยังดีอยู่ มันเชื่อมเข้าไปสู่จุดอันเดียวกันไม่มีคำว่า พุทโธ นี่เรียกว่า ถูกต้องเข้าใจไหม ที่มันหายไปเลยเงียบ ๆ นี้ความเผลอ เข้าใจไหมที่ว่า  ถามย้ำมาอีกคำเก่านั่นละ เอ้า 

โยม             :     เวลาภาวนาพุทโธไปเรื่อย ๆ จะรู้สึกสงบลง ๆ ภาวนาไปนานเข้าจะรู้สึกลืมพุทโธ อย่างนี้ถือว่าไม่มีสมาธิใช่หรือไม่

หลวงตา     :     คำวาลืม พุทโธ มันเผลอไปหรือมันลืม พุทโธ ด้วยเหตุใดนั่นซิ มันน่าถามตรงนี้น่ะ เรายังตอบไม่ได้ คำว่าไม่มี พุทโธ หรือว่า ลืมพุทโธไปเลยก็มี มีพุทโธอยู่แต่พุทโธค่อยกลมกลืนกับความรู้อันเดียวกันไปอยู่อันเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่สติไม่เผลอนี้เรียกว่า ความถูกต้อง ความสงบของจิตไม่ใช้สังขารคือ พุทโธ ในระยะนั้น อันนี้เราก็เคยพูดแล้ว เวลาจิตมันดื้อก็เอาพุทโธตีเข้าไปให้หนัก ๆ แน่น ทีนี้เวลามันอ่อนตัว พุทโธ ละเอียดเข้าไป ๆ จนกระทั่งถึงตัวจิตแล้ว คำว่าพุทโธนี้หายไปเลย แต่ความรู้นั้นไม่หาย สติจับอยู่ตรงนั้น นี่เรียกว่า ไม่เผลอหรือถูกต้องด้วย แล้วเวลามันคลี่คลายออกมาก็เหมือนคนตื่นนอน พอตื่นนอนขึ้นมาก็รู้นั้นรู้นี้ อันนี้พอจิตถอยออกมาเท่านั้นแล้วก็ระลึกพุทโธตามเดิมได้ นี่ก็เคยสอนมาแล้วไม่ใช่เหรอ ก็มีเท่านั้นแหละ ให้ฝึกหัดจริง ๆ นะ มาถามจริง ๆ อย่ามาทำสักแต่ว่าทำแล้วมาถามสุ่มสี่สุ่มห้า เราไม่อยากตอบอย่างนั้น เพราะเราไม่ได้ทำเล่นนี่นะ การตอบก็ตอบเพื่อสาระสำคัญ มาถามสุ่มสี่สุ่มห้า โดยที่ความตั้งใจไม่ค่อยมี สักแต่ว่าถามนี้เราไม่ตอบ ต่อไปจะเป็นอย่างนั้น 

(โปรดหาอ่านธรรมะหลวงตาทุกแง่มุมของขั้นธรรมเพิ่มเติมได้ในเว็บไซด์นี้)

<< BACK

 


หน้าแรก