คำถาม 
โดย : สงสัย ถามเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2546

เดินจงกรมแล้วจิตลงสู่สภาวะไม่ได้ยินเสียง ไม่เห็นภาพ

กราบแทบเท้าพ่อแม่ครูจารย์ ขอโอกาสขอรับ กระผมมีข้อสงสัยในการปฏิบัติบางประการคือ
๑.  ที่ว่าให้ย้อนดูผู้รู้นั้นทำอย่างไร เพราะสติปัฏฐาน ๔ เป็นการตามรู้ ไม่ได้ย้อนรู้ ขณะที่รู้อยู่ว่าจิตกำลังขัดเคืองที่มีรถขับปาดหน้า จะย้อนดูผู้รู้อย่างไร ขณะที่รู้อยู่ว่า จิต กำลังเพ่งโทษเณรอยู่ จะย้อนดูอย่างไรขอรับ
๒.  ขณะกวาดลานวัดเสียงต่าง ๆ รอบตัว และภาพรอบศาลาหรือทางเดินที่กวาด หายไป เหมือนอยู่ในที่ไม่มีภาพ ไม่มีเสียง เฉย ๆ รู้ตัวอยู่ เป็นการตกภวังค์หรือไม่ ควรปฏิบัติอย่างไรขอรับ ขณะนี้เวลาเดินจงกรมแล้วจิตเริ่มวูบจะลงไปสู่ภาวะที่ไม่ได้ยินเสียง ไม่เห็นภาพอย่างเดิมอีก จะฝืนไว้ไม่ให้จิตมันไปอยู่ในภาวะนั้นขอรับ ควรหรือไม่ควรขอรับ ควรจะปฏิบัติอย่างไรขอรับ 

Sep1146

คำตอบ
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2546

เรียนคุณใช้นาม สงสัย
หลวงตาเมตตาแสดงธรรมตอบปัญหาธรรมของคุณให้
เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๖ ณ วัดป่าบ้านตาด ดังนี้

โยม            :     กราบเท้าพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ขอโอกาสถามข้อสงสัยในการปฏิบัติบางประการ คือ ข้อที่หนึ่ง ที่ว่าให้ย้อนดูผู้รู้นั้นทำอย่างไร เพราะสติปัฏฐาน ๔ เป็นการตามรู้ ไม่ได้ย้อนรู้ ขณะที่รู้ว่าจิตกำลังขัดเคืองหรือว่ามีรถขับปาดหน้า จะย้อนดูผู้รู้อย่างไร ขณะที่รู้อยู่ว่าจิตกำลังเพ่งโทษ รอดูอยู่ จะย้อนดูอย่างไรขอรับ

หลวงตา     :     อ๋อ ว่าย้อนดูคือจิตของเรามันเพลิดมันเพลิน ดูไปตั้งแต่ภายนอกนู้น ไม่มาดูตัวเอง ดังที่ท่านแสดงไว้ในบทธรรมคุณนั้นว่า เอหิปสฺสิโก ถ้าแปลตามปริยัติค้านไม่ได้นะ ท่านว่าท่านจงมาดูธรรมของจริงประกาศท้าทายอยู่ เอหิปสฺสิโก ท่านเรียก ท่านจงมา ท่านจงดูธรรมของจริง นี่ทางปริยัติเพราะมันมีข้อบังคับกันอยู่ เราเองก็เรียนมาเหมือนกันเราก็ค้านไม่ได้ ถ้าแปลตามปริยัติต้องแปลอย่างท่านว่า ทีนี้ทางภาคปฏิบัติพลิกปั๊บเลย เอหิปสฺสิโก จิตของท่านนี่มันเพลิดเพลินจนเกินเนื้อเกินตัว ไม่มองดูหน้าดูหลังมองตั้งแต่ข้างหน้าที่จะลงเหวลงบ่อ มองไปก็มีแต่มองด้วยความหลับหูหลับตา แล้วให้ท่านย้อนหลังมามองดูตัวเองบ้าง ความหมายว่างั้น ให้ย้อนจิต

คือจิตของเรามันเพลิดเพลินจนเกินเนื้อเกินตัวให้มีสติ เอหิฯ ย้อนจิตเข้ามาดูตัวเองมันเพลินไปข้างหน้า ให้ย้อนเข้ามาดูต้นเหตุหรือต้นลำของมัน ได้แก่ ต้นจิตที่มีอยู่ที่นี่ กระแสของมันออกไปข้างนอก ให้ดูตัวนี้ เอหิปสฺสิโก ดูตัวนี้จะรู้จะเห็นตัวนี้ อันนี้ที่ว่าย้อนจิตเข้ามาก็อย่างนี้ละ ตามจิตเข้ามาก็คือว่าจิตมันออกไป สติก็ตามมันไปแล้วก็ตามมันเข้ามาเข้าใจเหรอ ตามจิตดวงเดียวนั่นแหละ มันมีทั้งเข้าทั้งออก เอ้า มีอะไรอีกล่ะ 

โยม            :     ข้อที่ ๒ ครับ ขณะกวาดลานวัดเสียงต่าง ๆ รอบตัว และภาพรอบศาลาหรือทางเดินที่กวาดหายไป เหมือนอยู่ในที่ไม่มีภาพ ไม่มีเสียง เฉย ๆ รู้ตัวอยู่ เป็นการตกภวังค์หรือไม่ ควรปฏิบัติอย่างไรขอรับ ขณะนี้เวลาเดินจงกรมแล้วจิตเริ่มวูบจะลงสู่ภาวะที่ไม่ได้ยินเสียง ไม่เห็นภาพอย่างเดิมอีก จะฝืนไว้ไม่ให้จิตมันไปอยู่ในภาวะนั้นขอรับ ควรหรือไม่ควรขอรับ และควรจะปฏิบัติอย่างไรขอรับ

หลวงตา     :     จิตมันลงเข้าสู่ความสงบตัวเอง ทางบาลีท่านว่าจิตตกภวังค์ ภวังค์ แปลว่า องค์แห่งภพ แปลออกแล้วนะ แปลว่าองค์แห่งภพ มันรวมตัวกันไปอยู่จุดนั้น ตัวนั้นแหละตัวที่จะไปเป็นภพเป็นชาติ มันเข้ามารวมตัวกันอยู่ที่นั่น จึงเรียกว่า ภวังค์ แปลว่า องค์แห่งภพ แห่งชาติอยู่ตรงนั้น คือจิตพักสงบแล้วต้องมาอยู่ในนี้ แล้วจิตสงบอย่างนั้นแล้วก็จะไปหาตั้งชื่อตั้งนามอะไร ครั้นเวลาเขาจะนอนหลับ ลงในภวังค์แห่งความหลับเขาไม่เห็นถามกัน ทีนี้เวลาจิตเข้าสู่ความสงบเราจะถามใคร มันสงบแล้วมันก็เท่านั้น ภวังค์พะแวงอะไรก็ไม่รู้ละ เอาละ เรานี้เรียนน้อย ลูกศิษย์เราเรียนมากยิ่งกว่าครู มันตกภวังค์พะแวง แล้วยังมาถามหลวงตาอีก ภวังค์นั้นภวังค์นี้เราโมโห ถ้าอยู่ใกล้ ๆ ตีหน้าผากปั๊วะเลยนะ นี่อยู่ไกล เสียดาย อยู่ที่ไหนประเทศไหน

(ทีมงานอนุโมทนาในความตั้งใจด้วยธรรมของคุณมา ณ ที่นี้)

<< BACK

 


หน้าแรก