คำถาม 
โดย : ออสเตรเรีย ถามเมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2546

บางครั้งจิตละเอียดแต่ยังมีความฟุ้งซ่านมารบกวน

กราบนมัสการหลวงตาค่ะ
หนูเริ่มภาวนามาประมาณเก้าถึงสิบเดือนแล้วค่ะ หนูอยากจะกราบเรียนถามหลวงตาค่ะ บางครั้งที่หนูเริ่มนั่งสมาธิภาวนา ไม่ถึงห้านาทีจิตมันเริ่มหมุนไปพิจารณาออกทางปัญญาว่าทุกสิ่งเป็นอนิจจังไม่เที่ยง แล้วคำถามมันก็เกิดขึ้นภายในจิตว่าทุกอย่างมีแต่จิตเท่านั้นที่ไปยึดมั่นถือมั่นสิ่งต่างๆเช่น ขันธ์ห้า แล้วเรายึดติดกับสิ่งเหล่านั้นมีประโยชน์อะไร เพราะสิ่งเหล่านั้นมันมีเกิดก็ย่อมมีดับ ถ้าเราไม่ไปหมายเอาว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างนั้น ทุกสิ่งมันก็เหมือนกัน และก็เห็นตัณหาที่มี ราคะ โทสะ โมหะ มันแฝงเข้ามาในขันธ์ทำให้เราไปยึดติด ทำอย่างนี้โดยที่จิตไม่ได้เข้าสมาธิให้นิ่งก่อน เพราะว่าบางครั้งมันเป็นเองโดยไม่ได้ตั้งใจค่ะ จนกว่าสิ่งที่พิจารณามันหมดมันจึงกลับเข้าสู่สมาธิเอง อย่างนี้จะถูกต้องไหมคะ
แต่บางครั้งจะออกพิจารณาทางปัญญา แต่พิจารณาได้แป๊บเดียวจิตมันก็กลับมาติดกับคำบริกรรมพุทโธโดยไม่ได้ตั้งใจ และก็บริกรรมได้พักเดียวพอจิตเริ่มเป็นสมาธิขึ้นก็มีบางอย่างแย็บๆเข้ามาในจิตทำให้จิตตามไปพิจารณาสิ่งที่แย็บเข้ามานั้น แล้วพิจารณามันให้เห็นถึงความจริง พักเดียวจิตก็กลับเข้ามาสู่คำบริกรรมอีกเป็นอย่างนี้เข้าๆออกๆ ของมันเอง จนกว่ามันจะกลับไปสงบลงสู่สมาธิ หรือว่าบางครั้งหนูก็บังคับจิตให้มันอยู่กับสมาธิไม่ยอมให้มันออกจนกว่ามันจะสงบก่อนแล้วจึงจะค่อยออกพิจารณาทางปัญญา แต่บางครั้งมันก็ติดอยู่ในสมาธิแต่ปัญญาไม่ยอมออกทำงาน 
หนูควรจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้จิตอยู่กับสิ่งๆหนึ่งจนสงบก่อน แทนที่จะให้มันเข้าๆออกๆ หรือควรจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อไม่ให้ติดอยู่กับสมาธิหรือปัญญาอย่างเดียวคะ
คำถามสุดท้ายคือว่า แต่ก่อนหนูพิจารณาอสุภะได้คล่องแคล่ว พอหลังจากปัญญาเริ่มออกพิจารณาโทษของกิเลส การพิจารณาอสุภะอสุภังก็เริ่มหายไป หนูควรจะต้องกลับมาพยายามพิจารณาอสุภะอสุภังใหม่ไหมคะ 
แต่หนูก็ไม่แน่ใจว่าจิตหนูเคยรวมหรือ เพียงแต่ทราบว่าบางครั้งจิตนิ่งมาก บางครั้งก็ทราบได้ว่าจิตละเอียด แต่ยังมีความฟุ้งซ่านภายนอกมารบกวนบ้าง
หนูกราบขอบพระคุณหลวงตา และขอบคุณทีมงานที่ทำให้หนูได้มีโอกาสฟังธรรม ตั้งปัญหา และการตอบปัญหาของหลวงตาคะ

Aug1946

คำตอบ
เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2546

เรียนคุณจากออสเตรเรีย
หลวงตาได้เมตตาแสดงธรรมตอบปัญหาภาวนาของคุณให้
เมื่อเช้าวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๔๖ ณ วัดป่าบ้านตาด ดังนี้

หลวงตา     :     ถูก ๆ ถูกต้องแล้วนะ ให้พิจารณาซ้ำ ๆ ซาก ๆ จนมีความคล่องแคล่วว่องไวนะ ถูกต้อง เวลาพิจารณาซ้ำซากมันก็คล่องตัว ๆ นี้ถูกต้องแล้ว ทั้ง ๒ รายนี้ดีด้วยกัน เอ้า ว่าไป

โยม            :     ต่อไปนะครับ แต่บางครั้งจะออกพิจารณาทางด้านปัญญา แต่พิจารณาได้แป๊บเดียวจิตมันก็กลับมาติดกับคำบริกรรมพุทโธ โดยไม่ได้ตั้งใจและก็บริกรรมได้พักเดียว พอจิตเริ่มเป็นสมาธิขึ้นก็มีบางอย่างแย็บ ๆ เข้ามาในจิต ทำให้จิตตามไปพิจารณาสิ่งที่แย็บเข้ามานั้น แล้วพิจารณามันไม่เห็นถึงความจริง พักเดียวจิตก็กลับเข้ามาสู่คำบริกรรมอีก เป็นอย่างนี้เข้า ๆ ออก ๆ ของมันเอง จนกว่ามันจะกลับไปสงบลงสู่สมาธิ หรือว่าบางครั้งหนูก็บังคับจิตให้มันอยู่กับสมาธิไม่ยอมให้มันออก จนกว่ามันจะสงบก่อนแล้วจึงจะค่อยออกพิจารณาทางด้านปัญญา แต่บางครั้งมันก็ติดอยู่ในสมาธิ แต่ปัญญาไม่ยอมออกทำงาน หนูควรจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้จิตอยู่กับสิ่งหนึ่ง ๆ จนสงบก่อนแทนที่จะให้มันเข้า ๆ ออก ๆ หรือควรจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อไม่ให้จิตอยู่กับสมาธิหรือปัญญาอย่างเดียวเจ้าค่ะ

หลวงตา     :     เหล่านี้เรื่องของจิตมันก็เป็นธรรมดาของมันละ มันมีออก ๆ เข้า ๆ แต่ให้สังเกต ใช้สติคอยสังเกตดูตัวเองก็แล้วกันนะ จะไม่ให้มันออกก็ไม่ได้ กำลังมีนิสัยหรือระยะที่มันจะคิดอย่างนั้นมันก็มี ระยะของจิตนะ ที่เหล่านี้ไม่ผิดละ ควรพิจารณาก็ให้พิจารณา  ควรสงบให้สงบนี่เป็นสำคัญ ถ้าจิตจะเข้าสู่สมาธิ หมุนให้เป็นสมาธิมันจะออกทางด้านปัญญาก็ให้พิจารณาเป็นทางด้านปัญญา แต่สติต้องติดแนบทุกอย่าง ก็เท่านั้นละ มีอะไรว่าไป

โยม            :     คำถามสุดท้ายคือว่า แต่ก่อนหนูพิจารณาอสุภะไม่คล่องแคล่ว พอหลังจากปัญญาเริ่มออกพิจารณาโทษของกิเลส การพิจารณา อสุภะอสุภัง ก็เริ่มหายไป หนูควรจะต้องกลับมาพยายามพิจารณา อสุภะอสุภังใหม่ใช่ไหมคะ แต่หนูก็ไม่แน่ใจว่า จิตหนูเคยรวมหรือเพียงแต่ทราบว่าบางครั้งจิตนิ่งมาก บางครั้งก็ทราบได้ว่าจิตละเอียดแต่ก็ยังมีความฟุ้งซ่านภายนอกมารบกวนบ้าง หนูขอกราบขอบพระคุณหลวงตา และขอบพระคุณทีมงานที่ให้หนูได้มีโอกาสฟังธรรมะ ตั้งปัญหาและฟังการตอบปัญหาจากหลวงตาเจ้าค่ะ

หลวงตา     :     อันนี้มันก็มีเหตุผลอยู่กับใจ คือมันหายไปด้วยการเข้าใจแล้วมันก็มี หายไปเพราะความขี้เกียจมันก็มี ความเถลไถลไม่มีหลักมีเกณฑ์ก็มี มันหลายอย่างเข้าใจไหมล่ะ อะไรให้มันเป็นชิ้นเป็นอัน ให้เป็นที่แน่ใจเจ้าของ การภาวนามันชัดเจนตรงไหนมันแน่ใจ ๆ ควรปล่อยมันปล่อยของมันเองนะ ถ้ายังมีลูบ ๆ คลำ ๆ แสดงว่าเจ้าของไม่แน่ใจ ต้องจับมาพิจารณาซ้ำอีก เข้าใจ เอ้าว่าไป 

โยม            :     ก็มีแค่นี้ละครับ เพราะเขาก็บอกว่า บางครั้งเขาก็จิตละเอียดแต่ก็ยังมีความฟุ้งซ่านภายนอกมารบกวนบ้าง 

หลวงตา     :     มันละเอียดอะไรภายนอกมารบกวน ก็ตัวในนี้ออกไป ข้างนอกไม่มา เวลาพิจารณาจริง ๆ แล้วมีแต่จิตทั้งนั้นออก ข้างนอกเข้ามาที่ไหนไม่เข้า มีแต่ตัวนี้แหละมันคึกคะนอง มีน้อยมันก็ออกน้อยเข้าใจไหม คะนองน้อย พ่อแม่มันหลับลูกหลานมันไม่หลับ มันก็ออกเล่นคลอเคลียอยู่กับพ่อกับแม่เข้าใจไหม เล็ก ๆ น้อย ๆ มันออกของมันอยู่ อันนี้พอเข้าใจทุกคนนั่นแหละ

(ทีมงานขออนุโมทนาในธรรมภาวนาของคุณและเป็นกำลังใจให้ก้าวหน้าต่อไปในขั้นภูมิธรรมค่ะ)

<< BACK

 


หน้าแรก