|
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
คำถาม
|
|
โดย : พร ถามเมื่อวันที่
14 ก.ค. 2546 |
ทำอย่างไรให้คนอื่นเห็นด้วยว่าสิ่งต่าง ๆ เป็นเพราะกิเลสในจิตผลักดัน
เรียนถามปัญหาหลวงตา ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ผู้หญิงก็มีความสามารถในการปฏิบัติธรรมให้ดับจากกิเลสทั้งปวง แล้วเข้าสู่พระนิพพานได้เช่นกัน ตอนนี้ลูกพิจารณาเห็นจิตที่เต็มไปด้วยกิเลส และกำลังปฏิบัติเพื่อลดละ และดับกิเลสทั้งปวง แต่ลูกเห็นว่าวิธีที่จะดับกิเลสได้ทั้งปวงต้องดับที่จิตก่อนโดยอาศัยศีล สมาธิ ปัญญา แต่ก็ต้องอาศัยความสงบสงัดทางกายด้วย ลูกจึงอยากออกบวชแต่ญาติทั้งหลายไม่เห็นด้วย เพราะเขาเหล่านั้นยังเชื่อว่าผู้หญิงเขาไม่บวชกันไม่เห็นเหมือนผู้ชาย
ลูกจะมีวิธีทำอย่างไรให้เขาเห็นด้วยกับลูก และให้เขาเห็นว่าสิ่งต่างๆที่ดำเนินไปเป็นเพราะกิเลสในจิตเป็นตัวผลักดันทั้งสิ้น และคนที่ลูกรู้จักทั้งหลายยังมองเห็นว่าพระนิพพานนั้นทำไม่ได้จริง แต่ลูกก็ยังเชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ เพราะคราวใดที่จิตวุ่นวายด้วยกิเลส ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ไม่มีความสงบสุข ลูกจึงต้องสงบที่จิตก่อนแล้วจึงพิจารณาเห็นโทษต่างๆที่เกิดจากกิเลสตามคำสอนของพระพุทธองค์และบริกรรมด้วยพุทโธ จิตจึงเริ่มสงบและพิจารณาเห็นโทษของกิเลสภายในจิต แต่บางครั้งที่สติไม่มั่นคงพอกิเลสมันก็เอาชนะได้ แต่ครั้งใดที่มีสติ กิเลสก็ยังไม่ปรากฏออกมาค่ะ
จึงอยากเรียนถามหลวงตาอีกข้อค่ะ ว่าจะมีวิธีใดให้จิตไม่เผลอและมีสติอยู่กับคำบริกรรมตลอดเวลาก่อนที่กิเลสมันจะเริ่มทำงานอีก ขอความเมตตาจากหลวงตาช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะ
Jul1446
|
คำตอบ |
|
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2546 |
เรียนคุณพร หลวงตาได้เมตตาแสดงธรรมตอบปัญหาของคุณให้ เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ณ วัดป่าบ้านตาด ดังนี้
หลวงตา : อ๋อ ไอ้เรื่องที่ว่าไม่เผลอ แม้ในศาลาคนเต็มศาลาก็ไม่มีใครมายืนยันว่าไม่เผลอ ถ้าว่านักเผลอเต็มศาลา นับแต่หลวงตาบัวลงไปนั้นถูก เอ้า ตอบแค่นี้ก่อน มันเผลอได้ตลอดเวลา ตอนต้นถามยังไม่ได้ตอบนะ ตอบนี้ก่อน อันต้นที่ว่าถ้าไม่บวชหรืออะไร (ผู้หญิงไม่ควรบวชครับ) ไม่ควรบวชโดยประการทั้งปวงเหรอ (อันนี้เป็นความเห็นของหลายๆ คน แต่คนที่ถามเขาอยากบวช) ผู้ถามเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย (ผู้หญิงครับ) เขาก็ถามถูกต้องตามจุดที่โลกสงสัย อันนี้มีข้อแยกอยู่บ้างก็คือวิธีปฏิบัติ ผู้หญิงกับผู้ชายมันต่างกัน สถานที่อยู่ที่ปฏิบัติในครั้งพุทธกาลก็มี ตอนนี้มีเหลื่อมล้ำกันอยู่บ้างก็คือเพศชายอยู่ไหนสะดวกสบายหมด แต่เพศผู้หญิงเต็มไปด้วยภัย มันเกี่ยวกับเรื่องเพศ แต่เรื่องมรรคผลนิพพานนี้เสมอกันหมด มีได้ด้วยกันทั้งนั้น
ตอนแรกพระองค์จะไม่ให้ผู้หญิงบวช คือเล็งเห็นเรื่องราวว่าผู้หญิงนี้เป็นภัยแก่ตัวเองมาก อยู่ที่ไหนลำบากลำบน แต่เวลาพระองค์รับสั่งทีแรกเหมือนกับว่าจะไม่ให้บวชนั่นแหละ ตัดกันไปเลย พระอานนท์ก็ทูลถามว่าผู้หญิงจะมีโอกาสมีมรรคผลนิพพานได้เหมือนผู้ชายไหม โอ๋ย มีได้ด้วยกัน นั่นรับ ตรงนี้เสมอเลย เป็นแต่เพียงสถานที่อยู่ของผู้บำเพ็ญของฝ่ายหญิงและฝ่ายชายต่างกัน ท่านว่าอย่างนั้น อันที่ว่าผู้หญิงไม่ควรบวชนี้ ถ้าพูดตามหลักธรรมนี้ก็เป็นอย่างที่ว่า คือไม่ค่อยสะดวก ไปอยู่โดยลำพังคนเดียวนี้ก็ไม่ได้ เป็นภัย ส่วนผู้ชายไปที่ไหนไปได้หมด มันต่างกัน สำหรับมรรคผลนิพพานท่านบอกเสมอกันหมด มีได้ทั้งหญิงทั้งชาย แน่ะ ตรงนี้ให้ความเสมอภาค เป็นแต่เพียงว่าการอยู่บำเพ็ญต่างกัน ระหว่างเพศทั้งสองนี้ต่างกัน แล้วมีอะไรอีก เอ้า ถามมา
เออ ข้อต้นคำถามเขาหมดหรือยัง (เขาบอกว่าผู้หญิงอยากจะบวช แต่คนทั้งหลายเขาไม่เห็นด้วย ญาติก็ไม่เห็นด้วยไม่อยากให้บวช เขาบอกมีวิธีทำอย่างไรให้เขาเห็นด้วยกับลูก คือให้เห็นว่าผู้หญิงควรบวชน่ะครับ) ที่เห็นด้วยก็คือเขาเองคนเดียวนั้นแหละเห็นด้วย เข้าใจไหม คนอื่นเขาไม่เห็นด้วยแล้วก็มีแต่เขาคนเดียว เขาเห็นด้วยเขาบวช ก็มีเท่านั้นจะให้ว่าไง (อีกข้อหนึ่งเขาบอกว่า คนทั้งหลายยังเห็นว่าพระนิพพานนั้นทำไม่ได้จริง) เออ ยอมรับ ทำไม่ได้จริง ไม่ว่าขั้นใดก็ตาม ภูมิใดก็ตาม ถ้ามีความจริงตามสัดตามส่วน กำลังวังชาที่จะได้ผลต้องเป็นฝ่ายเหตุ คือเหตุหนักเหตุเบาขนาดไหนๆ แล้วผลจะปรากฏขึ้นมาอย่างนั้น
อย่างว่าพระนิพพานทำไม่ได้จริง เป็นความเห็นของคนมากต่อมากทั่วโลก ว่าทำไม่ได้จริง คือเขาไม่รู้เรื่องพระนิพพาน ไม่สนใจพระนิพพาน เขาสนใจแต่มั่วสุมกันตลอดเวลาเหมือนหมาเดือน ๙ เดือน ๑๒ เห่าอึกทึกด้วยกิเลสตัณหา อันนี้อยู่ในวิสัยของคนมีกิเลส แต่เรื่องนิพพานอยู่ในวิสัยของพระพุทธเจ้าที่สั่งสอนโลก เพราะพระองค์ได้สำเร็จพระนิพพานมาแล้ว สมควรอย่างยิ่งที่จะได้ไม่สงสัยสำหรับผู้ทำจริงและผู้มีนิสัย เข้าใจเหรอ ก็มีเท่านั้น
(ทีมงานอนุโมทนาและเป็นกำลังให้สำเร็จก้าวขั้นต่อไปในธรรม)
|
|
|