|
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
คำถาม
|
|
โดย : พิสิษฐ์ ถามเมื่อวันที่
28 มิ.ย. 2546 |
จิตต้องมีธรรม แต่มองไม่เห็นธรรมในจิต
ผมนั่งสมาธิและได้เห็นใบหน้าต่าง ๆ สลับไปมา ทำให้รู้สึกกลัว จึงมองไปที่จิตเห็นว่าจิตกำลังปรุงแต่งสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา แต่สักพักสิ่งเหล่านั้นก็จะหายไป จึงมองไปที่จิตอีกเห็นแต่ความว่างเปล่า มองไม่เห็นอะไรอยู่ในจิต สับไปมาอย่างนี้ จนเกิดความคิดว่าจิตจะต้องมีธรรมแต่มองเท่าไรก็ไม่เห็นธรรมในจิต ในตอนนี้ผมเข้าใจว่าจิตมี ๓ อย่างประกอบกันคือ ๑.จิตกิเลสที่คอยปรุงแต่งสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นภายในจิต ๒..จิตว่างที่ไม่มีอะไรเลยอยู่ในจิตนอกจากความว่างเปล่า ๓..จิตธรรมซึ่งผมคิดว่าเป็นธรรมะใช้ดับกิเลสที่เกิดขึ้นภายในจิต ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ ข้อ ๒ นะครับ ในตอนนี้ผมเข้าใจว่า ความรู้ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้ไม่จีรังถาวรพอกาลเวลาผ่านไป ความรู้เหล่านั้นก็จะเสื่อมไปตามกาลเวลาเพราะไม่ใช่ความรู้แจ้งของจิต ผมควรจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้เกิดความรู้แจ้งนั้นครับ ขอกราบขอบพระคุณหลวงตา
Jun2846
|
คำตอบ |
|
เมื่อวันที่ 0 543 |
เรียนคุณพิสิษฐ์ หลวงตาได้เมตตาแสดงธรรมตอบปัญหาให้คุณ เช้าวันที่ ๓๑ มิถุนายน ๒๕๔๖ ณ วัดป่าบ้านตาด ดังนี้
คำถาม : ผมนั่งสมาธิและได้เห็นใบหน้าต่าง ๆ สลับไปมา ทำให้รู้สึกกลัว จึงมองไปที่จิตเห็นว่าจิตกำลังปรุงแต่งสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา แต่สักพักสิ่งเหล่านั้นก็จะหายไป จึงมองไปที่จิตอีกเห็นแต่ความว่างเปล่า มองไม่เห็นอะไรอยู่ในจิต สับไปมาอย่างนี้ จนเกิดความคิดว่าจิตจะต้องมีธรรมแต่มองเท่าไรก็ไม่เห็นธรรมในจิต ในตอนนี้ผมเข้าใจว่าจิตมี ๓ อย่างประกอบกันคือ ๑.จิตกิเลสที่คอยปรุงแต่งสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นภายในจิต ๒..จิตว่างที่ไม่มีอะไรเลยอยู่ในจิตนอกจากความว่างเปล่า ๓..จิตธรรมซึ่งผมคิดว่าเป็นธรรมะใช้ดับกิเลสที่เกิดขึ้นภายในจิต ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ
หลวงตา : ถูกต้อง เป็นขั้น ๆ อย่างนี้แหละ กิเลสปรุงมันก็เป็นต่าง ๆ พอระงับความปรุงทั้งหลายโดยจิตที่ย้อนเข้ามาสู่ตัวเองคือความรู้แล้วจิตจะสงบ พอสงบแล้วมันก็จะว่างของมัน ไม่มีเรื่องปรุงแต่งออกไปสับสนปนเปกัน มันก็ว่างของมัน แล้วอันหนึ่งเป็นอุบายวิธีการต่าง ๆ ที่จะแก้กิเลสด้วยปัญญาคือความคิดความอ่านจากที่ใช้ความคิดนี้ นี้ก็ถูก เอาละแค่นั้น
คำถาม : ข้อ ๒ นะครับ ในตอนนี้ผมเข้าใจว่า ความรู้ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้ไม่จีรังถาวรพอกาลเวลาผ่านไป ความรู้เหล่านั้นก็จะเสื่อมไปตามกาลเวลาเพราะไม่ใช่ความรู้แจ้งของจิต ผมควรจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้เกิดความรู้แจ้งนั้นครับ ขอกราบขอบพระคุณหลวงตา
หลวงตา : อบรมหลักฐานให้ดี หลักฐานที่ภาวนายังไงให้อบรมตรงนั้นให้ดี ให้จิตมีความสงบเย็นใจอยู่กับตัว อย่าไปส่งสิ่งภายนอกเข้าใจเหรอ เอาละ เท่านั้นพอ
(ทีมงานขออนุโมทนในธรรมปฏิบัติด้วยค่ะ และโปรดอ่านศึกษาธรรมจากหลวงตาได้ในเว็บไซด์นี้)
|
|
|