ปรารถนาออกบวชแต่มีภาระ
กราบนมัสการองค์หลวงปู่ที่เคารพยิ่ง กระผมขอโอกาสกราบเรียนถามองค์หลวงปู่ด้วยขอรับ ช่วงเวลานี้การปฏิบัติจิตภาวนาของกระผมยังล้มลุกคลุกคลานอยู่ กระผมขอโอกาสเรียนถามองค์หลวงปู่ดังนี้ครับ 1. ขณะที่บริกรรมพุทโธๆ ความรู้เหมือนจิตจะสงบแต่จิตพยายามออกพิจารณาทางปัญญามากกว่า เลยทำให้เกิดปัญหาลักษณะนี้คือ จิตของกระผมที่ยังไม่สงบตัวมากพอแต่จะออกพิจารณาร่างกายตลอด พอจิตกำหนดรู้เห็นตับไตไส้พุง อวัยวะต่างๆของร่างกาย กำหนดความรู้สึกว่าที่นั่งสมาธิอยู่เป็นโครงกระดูกตลอด จนกำหนดดูภาพซากศพต่างๆ แล้วน้อมมาสู่ตนเอง ทุกส่วนที่กระผมกำหนดดูจะเห็นเป็นสิ่งปฏิกูลในขณะเวลานั้น แต่เมื่อจะพิจารณาให้ต่อเนื่องสืบไปจะทำต่อไม่ได้มันทื่อๆ แล้วสุดท้ายต้องกลับมาที่พุทโธอีก แต่พอจิตเริ่มสงบก็จะออกไปทางปัญญาอีก ซึ่งจะเป็นลักษณะนี้วนไปวนมาตลอด จะเป็นในลักษณะกำหนดเห็นแค่แว็บเดียวพิจารณาได้นิดเดียว เมื่อออกจากภาวนากระผมจึงมาพิจารณาเข้าใจดังนี้ว่า สาเหตุที่ออกทางปัญญาแล้วไปต่อไม่ได้เพราะว่า สติและสมาธิซึ่งเป็นพื้นฐานหลักของกระผมยังไม่มั่นคงพอ เมื่อสมาธิไม่แน่น ปัญญาเลยไปได้ไม่นาน แต่ก็พยายามทำให้ควบคู่กับไปทั้งสมาธิและทางปัญญา กระผมเข้าใจเช่นนี้ถูกผิดอย่างไรครับ 2. ขณะที่เสพกามบางครั้งจิตกำหนดดูกำหนดเห็นว่ามีแต่โครงกระดูกมากอดก่ายกัน มีแต่ความสกปรกแล้วนึกถึงภาพอสุภะ เกิดความรู้ว่ามีแต่เนื้อหนังมาสัมผัสกัน แต่ตัวจิตเป็นตัวรับรู้เองความรู้สึกต่างๆในขณะนั้น ร่างกายสัมผัสกันแต่จิตเป็นตัวเสพอารมณ์นั้น แต่การพิจารณาจะเป็นเหมือนข้อที่1 คือไม่ต่อเนื่อง และกระผมได้มีโอกาสไปกราบนมัสการและศึกษาธรรมะจากพ่อแม่ครูอาจารย์อยู่ที่หนึ่ง ท่านบอกว่า ที่ไม่ต่อเนื่องเพราะมีช่องให้อารมณ์ต่างๆมันเข้าและทำไม่ต่อเนื่อง กระผมยอมรับว่าจริงอย่างที่ท่านกล่าว และเวลาที่ไปพบเจอผู้หญิงสวย แล้วจิตก็ปรุงแต่งไปยาวกว่าจะระลึกได้ พอเวลาภาวนากำหนดดูโครงกระดูกของตนเองเกิดความรู้ขึ้นมาว่า นี่เป็นกระดูกเหมือนกันทั้งชายหญิง เราเห็นว่าสวยก็เพราะมีเนื้อหนังมาหุ้มเห็นว่าขี้เหร่ก็เพราะเนื้อหนังมาหุ้มเช่นกัน แต่สุดท้ายของการพิจารณาวันนั้นทำให้ทราบว่าที่ว่า สวยหรือขี้เหร่เอาเนื้อหนังมาหุ้ม แต่สุดท้ายมันก็เนื้อเหมือนกัน หนังเหมือนกัน เป็นธาตุสี่เหมือนกันแล้วมันสวยตรงไหน นี่คือที่กระผมเกิดความรู้ในวันนั้น กระผมเข้าใจถูกผิดอย่างไรครับหลวงปู่ 3. สุดท้ายนี้กระผมมีความรู้สึกว่าสับสนจึงใคร่ขอโอกาสกราบเรียนถามขอธรรมชี้แนะจากองค์หลวงปู่คือ กระผมและคู่หมั้นต่างก็มีความปรารถนาอยากออกบวชทั้งคู่ ไม่ปรารถนาที่จะมีลูกให้เกิดมาเป็นกรรมต่อกัน แต่ด้วยความสำนึกต่อกรรมจึงจำเป็นต้องหมั้นหมาย และเก็บเงินเพื่อไปแต่งงานอีกสองปีข้างหน้า สำหรับการปรารถนาออกบวชทางพ่อแม่พี่น้องทั้งสองฝ่ายต่างก็ยินดีอนุโมทนาสาธุด้วย สำหรับกระผมเองไม่ได้ห่วงอะไรมาก คุณพ่อกับคุณแม่ท่านยินดีมากถ้าบวชให้เร็วเท่าไรยิ่งดีเพราะท่านบอกว่า บวชเพื่อปฏิบัติเป็นการตอบแทนบุญคุณท่านมากกว่าหาเงินทองส่งให้ท่านเสียอีก แต่ทางพ่อแม่คู่หมั้นของกระผมท่านว่าทำไมจะตัดช่องน้อยแต่พอตัว น่าจะทำงานเก็บเงินให้พ่อแม่ก่อนแล้วค่อยบวชท่านก็ไม่ว่า สิ่งนี้ทำให้กระผมมีความรู้สึกว่าไม่รู้ว่าจะเดินไปทางใด ใจปรารถนาอยากออกบวชให้เร็วที่สุดแต่จำเป็นต้องอยู่ช่วยในส่วนของคู่หมั้นคือ ถ้าจะอยู่ทางโลกสร้างโลกต่อ ใจก็ไม่ปรารถนาเช่นนั้น แต่ถ้าจะออกบวชตอนนี้แต่ก็มีภาระต้องทำให้เสร็จก่อน ใจมันรู้สึกว่าเดินมาถึงทางแยกตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปกับโลกหรือจะไปทางธรรม คุณพ่อของกระผมท่านบอกว่าตอนนี้เรายังไปไม่ได้ เราก็ปฏิบัติเอาได้เช่นกัน พร้อมเมื่อไรค่อยไป เราเป็นฆราวาสเราก็ทำได้เช่นกัน ก็ถูกของท่านครับ กระผมจึงใคร่ขอธรรมะจากองค์หลวงปู่ เพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติด้วยครับ กราบขอขมาองค์หลวงปู่อย่างสูงยิ่งที่ลูกหลานเรียนถามค่อนข้างยาว
Jun2546
|