|
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
คำถาม
|
|
โดย : ณฐนนท์ ตราชู ถามเมื่อวันที่
13 มิ.ย. 2546 |
จิตรวม
กราบนมัสการพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เคารพ ผมก็นั่งสมาธิปกติๆ มีอยู่วันหนึ่งก็นั่งไปได้สักครู่ พุธโทก็หาย สักพักลมหายใจก็ละเอียดเข้าแล้วก็หายไป ความรู้สึกทั้งหมดมาอยู่ที่ตรงกลางๆของร่างกาย ความรู้สึกอันนี้ นี่จำได้ยังไม่ลืมมาทุกวันนี้เลย คือมันหมุน เรียกว่าขมวดเข้าๆๆ เล็กลงๆๆ บางที่ก็ใหญ่ขึ้นๆ แต่ใหญ่ไม่มาก แปลกตรงที่มันจับความรู้สึกนึกคิดได้หมด เสียงก็ได้ยังยินอยู่ ไม่ว่าจะคิดตรงนี้ (ก็ไม่รู้ว่าตรงไหน หล่ะ) มันจะรู้ทัน รู้ทันแบบทันทีทันใดเลย ฝ่ายนั้นออกมา ฝ่ายนี้รู้ รู้แล้วหยุด หยุดไม่คิดอะไรต่อ เหมือนมีดคมๆ ตัดต้นกล้วยไม่เหลือใยเลย แล้วก็หมุนอยู่เรื่อยๆ แล้วมันเป็นของมันเอง บังคับไม่ได้ อยากจะทำอะไรก็ไม่ได้ เป็นแต่ความสงบแบบนั้นตลอด ตรงนั้นที่เดียวด้วย นี่ผมก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้สึกดีมาจนถึงทุกวันนี้ จากวันนั้น ก็นั่งสมาธิแบบคาดจะให้เกิดอีก แล้วก็สงสัย ไม่รู้จะทำต่อยังไง ไม่มีใครให้ถาม จนท้อเป็นปีๆแล้วก็ได้กลับมาเมืองไทย
คำถามนี้อยู่ตรงนี้ครับ เคยได้ยินว่าถ้าจิตรวม ให้สังเกตว่าวันนั้นเราทำยังไง มันเข้าสมาธิยังไง เพราะแสดงว่านั่นเป็นจิตของเรา แต่ผมก็ไม่มีอะไรพิเศษเลยวันนั้น นั่งไม่ถึงนาทีก็ออกมาเป็นแบบนั้น ผมขอถามว่า วันนั้นนะเกิดอะไรครับ นิมิต บุญหรือกรรมเก่าแสดงให้เห็น หรือว่าเป็นจิตรวมธรรมดาๆ สรุปแล้วดีไหมครับ ควรทำอย่างไรต่อไปครับ
ขอบูชาพระคุณหลวงตาสุดจิตสุดใจ และหากข้าน้อยล่วงเกินสิ่งใดทั้งทางกาย วาจา ใจ ในชาติหนึ่งชาติใด ข้าน้อยกราบขอขมาหลวงตามา ณ ที่นี้ สาธุ สาธุ ผมจะส่งที่อยู่เว็ปไซต์หลวงตานี้ให้พระที่วัดสาขาหลวงปู่ชา ที่เวลลิงตันนะครับ จากคุณ ณฐนนท์ ตราชู จากประเทศนิวซีแลนด์
Jun1346
|
คำตอบ |
|
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2546 |
เรียนคุณณฐนนท์ หลวงตาเมตตาแสดงธรรมตอบปัญหาธรรมของคุณให้ เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๖ ณ วัดป่าบ้านตาด ดังนี้
หลวงตา : ที่ทำนั้นถูกแล้ว อย่าไปคาด คาดผิดทั้งนั้น อะไรจะเป็นแบบอัศจรรย์ขนาดไหนก็ตาม ความพออกพอใจก็พอใจด้วยกัน ปิดไม่อยู่อันนี้นะ ต้องพอใจ แต่เวลาเราจะภาวนาให้ปิดให้หมดเรื่องความคาดความหมาย จะให้เป็นอย่างนั้น ๆ อย่างที่เคยเป็นมาแล้วให้ปิดให้หมด ให้เปิดทางปัจจุบัน คือเราบริกรรมคำใด ๆ ให้จับคำบริกรรมคำนี้เป็นปัจจุบันไว้ ไม่ต้องไปคาดคิดอะไร แล้วจะเกิดขึ้นอย่างนั้น หรือยิ่งกว่านั้นไปอีกโดยลำดับไม่มีประมาณ เข้าใจแล้วนะ นี่ละถ้าคาดไม่ได้นะ อย่าไปคาดเป็นอันขาด การภาวนาเป็นหลักปัจจุบัน เกิดขึ้นปัจจุบันๆ ถ้าเกิดขึ้นมาแล้วผ่านไปแล้ว ถึงจะพอใจก็ยอมรับว่าพอใจ เพราะเราห้ามไม่ได้ใช่ไหม แต่เวลาจะทำภาวนาให้ตัดออกหมด ความคาด ความพอใจเหล่านั้นไม่ให้พอใจ ให้พอใจอยู่กับคำบริกรรม ให้เอาอย่างนี้เป็นหลักเกณฑ์
โยม : ที่เขาถามอันนี้เขาบอกว่า เหตุที่เกิดแบบนั้นเป็นนิมิต บุญหรือกรรมเก่า
หลวงตา : กรรมเก่ากรรมใหม่อย่าไปยุ่ง เราเป็นคนทำอยู่นั้น เราขี้เกียจตอบไม่ค่อยเกิดประโยชน์ มันหนุนกันมาโดยลำดับกรรมเก่ากรรมใหม่ ไม่พูดมันก็เป็น เป็นอยู่ในนั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่พูดให้เสียเวลา เอ้าว่าไป
โยม : ตอนท้ายครับ เขากราบบูชาพระคุณหลวงตามาสุดจิตสุดใจ และหากข้าน้อยล่วงเกินสิ่งใดทั้งทางกาย วาจา ใจ ในชาติหนึ่งชาติใด ข้าน้อยกราบขอขมาหลวงตามา ณ ที่นี้ สาธุ ๆ ผมจะส่งที่อยู่เว็บไซต์หลวงตาไปที่วัดสาขาหลวงปู่ชา ที่เวลลิงตัน ลงชื่อณฐนนท์ ตราชู ประเทศนิวซีแลนด์
(ทีมงานขออนุโมทนาในธรรมปฏิบัติของคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ)
|
|
|