|
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
คำถาม
|
|
โดย : อิ๊งค์ ถามเมื่อวันที่
12 มิ.ย. 2546 |
ปรารถนาพุทธภูมิทำให้การปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้าถูกหรือไม่
กราบเท้านมัสการหลวงตาที่เคารพอย่างสูง 1. กระผมปฏิบัติสมาธิภาวนาโดยการพิจารณากายควบคู่ไปกับอายตนะทั้งหก มีอยู่คราวหนึ่งขณะที่กำลังนั่งภาวนาอยู่บนรถ จิตที่พิจารณานั้นมีความคล่องตัวว่องไวอย่างแปลกประหลาด ประหนึ่งว่ากิเลสเกิดที่ไหนปัญญาก็ตามไปที่นั่นทันที ยิ่งพิจารณามากเข้า ปัญญาก็วิ่งเร็วมากขึ้นเท่านั้น จนปรากฏเป็นความระยิบระยับของกิเลสกับปัญญาคล้ายกับว่าปัญญานั้นวิ่งทันกิเลสไปทั่วทุกทิศ
ครั้นพอพิจารณาความระยิบระยับมากเข้าไปเรื่อยๆกลับปรากฏเป็นความว่างของจิตที่ไม่มีสัณฐานที่ตั้ง คล้ายกับว่าจิตนั้นจะเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติทั้งหลาย และเห็นธรรมชาตินั้นเคลื่อนไหวไปมาอย่างอัตโนมัติโดยจิต ไม่สำคัญมั่นหมายอะไร เสมือนกับว่าโลกกับจิตนี้อยู่ด้วยกันแต่ไม่เข้ามาหากันต่างแยกกันอยู่เหมือนน้ำที่กลิ้งบนใบบอน
กระผมพิจารณาอย่างนี้อยู่สองวัน ไม่สามารถผ่านตรงจุดที่จิตระยิบระยับและจิตว่างเปล่าไปได้ จึงอยากจะกราบเรียนขอความเมตตาจากหลวงตาในการแนะนำอุบายธรรมที่จะผ่านตรงจุดนี้ไปได้ครับ
2. เรื่องที่สองคือ ภายหลังจากนั้นปัญญาที่เคยพิจารณาได้อย่างว่องไวกลับเสื่อมถอยลงเป็นลำดับๆ เหมือนกับว่าจิตขาดกำลังสมถะรองรับ กระผมก็ได้ใช้คำบริกรรมพุทโธกับการเดินจงกรมเป็นการสร้างกำลังสมถะให้กับจิต แต่ทว่าจิตที่มีกำลังสมถะกลับพลิกออกไปรู้ไปเห็นสิ่งภายนอกที่เป็นเรื่องการหยั่งรู้เรื่องนอกเหตุเหนือผลซึ่งบางครั้งไม่ได้จงใจจะออกไปรู้ กระผมจึงอยากจะกราบขออุบายธรรมจากหลวงตาในการก้าวผ่านสิ่งเหล่านี้เพื่อความเจริญก้าวหน้าในการเดินปัญญาต่อไป
3. กระผมปรารถนาพุทธภูมิ และกระผมทราบจากประวัติของพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นกับหลวงปู่หลุยว่า การปรารถนาพุทธภูมินั้นมีส่วนในการทำให้การปฏิบัติไม่ก้าวหน้าไปได้เท่าที่ควรจะเป็น การที่จิตของกระผมไม่สามารถก้าวผ่านการเดินปัญญาตรงจุดนั้นไปได้จะเกิดจากการขัดขวางของการปรารถนาพุทธภูมิหรือไม่ครับ
กระผมขอกราบรบกวนหลวงตาเพียงเท่านี้ หากสิ่งใดที่กระผมได้ล่วงเกินหลวงตาไปด้วยกาย วาจา ใจ กระผมขอกราบเท้าขอขมาหลวงตาเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
Jun1246
|
คำตอบ |
|
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2546 |
เรียนคุณอิ๊ง หลวงตาเมตตาแสดงธรรมตอบปัญหาของคุณให้ เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๖ ณ วัดป่าบ้านตาด ดังนี้
หลวงตา : ให้เข้าภาวนาสงบใจเป็นคู่กันไป อย่าปล่อยให้มันระยิบระยับไปมากจะเลยเถิด เข้าใจหรือ ให้จิตสงบลงด้วยสมาธิภาวนา นำคำบริกรรมใดก็ตามมาบริกรรม ให้จิตสงบเสียก่อน ควรจะก้าวแล้วแล้วก้าวออก มันจะเป็นของมันไปเอง กับเรื่องอะไรที่ว่าอัฐิธาตุพระอรหันต์ปัญหาคราวก่อนคนก่อนนั่น ยังตอบไม่หมดมั้ง เกี่ยวกับเรื่องอรหันต์อรแหนนะ แต่ถ้ารวมแล้วก็เรียกว่าขนโคกับเขาโคก็พอแล้วนะ เอาแค่นั้นละนะ
โยม : เรื่องที่ ๒ คือภายหลังจากนั้น ปัญญาที่เคยพิจารณาได้อย่างว่องไวกลับเสื่อมถอยลงเป็นลำดับ ๆ เหมือนกับว่าจิตขาดกำลังสมถะรองรับ ก็ได้ใช้คำบริกรรมพุทโธกับการเดินจงกรม เป็นการสร้างกำลังสมถะให้กับจิต แต่ทว่าจิตที่มีกำลังสมถะ กลับพลิกออกไปรู้ไปเห็นสิ่งภายนอก ซึ่งเป็นเรื่องการหยั่งรู้เรื่องนอกเหตุเหนือผล ซึ่งบางครั้งไม่ได้จงใจจะออกไปรู้ กระผมจึงอยากจะกราบขออุบายธรรมะจากหลวงตา ในการก้าวผ่านสิ่งเหล่านี้ เพื่อความเจริญก้าวหน้าในการเดินด้านปัญญาต่อไป
หลวงตา : นั่นละ ให้เป็นคู่กันไปกับสมาธิความสงบนะ แล้วมันจะเป็นกันไปเอง ถ้าไม่มีสมาธิล้มเหลวไปได้ เข้าใจแล้วนะ สมาธิเป็นหลักใหญ่ มันจะไปยืดยาวอะไรเชือกมัดติดไว้แล้ว ล่ามเอาไว้ดึงมาเมื่อไรก็ได้ ถ้าไม่มีสมาธินี้เหลวไหลนะ เข้าใจนะ
โยม : ข้อ ๓ กระผมปรารถนาพุทธภูมิ และกระผมทราบจากประวัติพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่มั่นกับหลวงปู่หลุยว่า การปรารถนาพุทธภูมินั้นมีส่วนในการปฏิบัติไม่ก้าวหน้าไปได้เท่าที่ควรจะเป็น การที่จิตของกระผมไม่สามารถก้าวผ่านการเดินปัญญาตรงจุดนั้นไปได้ จะเกิดจากการขัดขวางของการปรารถนาพุทธภูมิหรือไม่ครับ
หลวงตา : อ๋อ อันนี้เขาไม่ได้ปรารถนาพุทธภูมิทั่วโลกดินแดน เขาก็เหลวไหลไปตาม ๆ กันหมด เราอย่าเอามาเป็นอารมณ์เข้าใจหรือเปล่า พอจะปรารถนาพุทธภูมิแล้วเป็นบ้าขึ้นแล้ว ผู้ที่ไม่ปรารถนาพุทธภูมิเหลวแหลกแหวกแนวไม่เป็นท่ามันมีจำนวนเท่าไร มันยิ่งกว่าขนโคเข้าไปอีกเข้าใจหรือเปล่าล่ะ เอาละพอ
นี่ละปัญหามันมีประโยชน์อย่างนี้ ผู้ทำมันซอกแซกซิกแซ็ก แต่ไม่ถามกันก็ไม่เข้าใจ ทั้งผู้ทำและผู้อื่นก็ไม่ได้ผลประโยชน์ด้วย เมื่อถามนี้ก็ได้ประโยชน์
(ทีมงานขออนุโมทนาในธรรมปฏิบัติมา ณ ที่นี้)
|
|
|