พิจารณาอสุภะเป็นอนุโลม-ปฏิโลม
น้อมกราบนมัสการกราบเรียนถามหลวงตา เรื่องพิจารณาอสุภะ
อิริยาบถถูกจริตกับการเดินจงกรมภาวนาพุทโธเมื่อขั้นฝึกจิตเกิดสมาธิจนจับคำบริกรรมอยู่ท่ามกลางอกแนบกับสติ มันเหมือนตึ๊ก ๆ แน่นอยู่ท่ามกลางอก มีสติทุกอิริยาบถ เหมือนว่าเราอยู่ในห้องว่างคนเดียว มีใครเปิดประตูโผล่หน้าเข้ามานิดหนึ่งก็เห็น เปรียบคนที่โผล่หน้าเข้ามาเหมือนอารมณ์เครื่องกวนจิต ไม่ว่าดี ชั่ว เรื่องทั่วไป เหมือนมีฐานรู้เป็นสมาธิที่ตรงกลางอก เรื่องราวอารมณ์ใดก็ตามแว็บเข้ามานิดหนึ่ง เหมือนมีฐานรู้ในเรื่องราวนั้น ๆ แต่มันก็เป็นสมาธิสติตึ๊ก ๆ อยู่ท่ามกลางอก จนคิดเทียบของมันเองว่า อาการจิตฟุ้งซ่านกับจิตที่เป็นสมาธิ เห็นความวุ่นวายของสื่ออารมณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาที่จิต จิตมันจึงลงให้กับความเป็นสมาธิ เพราะเห็นโทษวุ่นวายจากจิตฟุ้งซ่านมาเทียบกันแล้ว เช่นหากมีใครมาสร้างความเดือดร้อนให้ ก่อเรื่องวุ่นวายให้ จิตมันก็เย็นของมันอยู่เงียบๆเขาจะว่าจะก่อเรื่องไม่ดีให้เราอะไรใครก็ตาม แปลกที่จิตมันเย็นของมัน เขาทำก็เป็นเรื่องที่เขาทำ เราไม่รับเข้ามาหาใจเรา มันก็อยู่แบบเงียบ ๆ เย็น ๆ รู้สึกตลก ๆ และสงสารคนที่เขาทำไม่ดีกับเรา เขามีแต่ไฟเผาใจเขา นี่ค่อยสังเกตการพัฒนาของจิตเป็นระยะ ๆ ไปแบบนี้
พอออกพิจารณาด้านปัญญา พิจารณาอสุภะเป็นอนุโลม-ปฏิโลม จากหัวลงเท้า จากเท้าขึ้นหัว เป็นภาพสุภะร่างกายคนปกติ ค่อยย่อยลง สลายลงเป็นผงดิน ตามขั้นไตรลักษณ์ของความเป็นกายคนกายสัตว์ อริยสัจมันก็ผุดชัดขึ้นมาจนน้ำตาไหลเป็นความซึ้งด้วยความจริงในอริยสัจที่ไม่เคยชัดด้วยธรรมนี้มาก่อน ขณะจิตที่พิจารณาตอนนี้เมื่อดึงอสุภะให้แน่นที่จิต มันก็เหมือนซึมเป็นความเข้าใจ อาการของกามราคะเหมือนเด็กมาแหย่เล่นๆ ยิบ ๆ อสุภะเป็นเหมือนตัวป้องกัน เป็นฐานมั่นคงแน่นที่จิตจากอาการกามราคะและทั้งภาพกามกิเลสขึ้นมา อสุภะก็ดึงขึ้นมารับกับอาการกามราคะนั้นๆ แต่ระยะหลังมานี่อุสภะขึ้นทันที สุภะก็แว็บขึ้นมาทันทีทับอสุภะ ลูกจึงสังเกตว่านี่ยังมีตัวสุภะกามกิเลสอยู่ที่มันคอยจะเล่นงานได้ทุกเมื่อ ลูกจึงเร่งที่จะพิจารณาอสุภะให้ซึมมากเข้าแต่แปลกที่ทั้งอสุภะกับสุภะมันวื้ด ๆ รวมลงที่จิต มาอยู่ตรงท่ามกลางอก แต่เป็นน้อยครั้งไม่มากเหมือนทุกครั้งที่พิจารณาอสุภะแต่สุภะทับลงทันที
ขอกราบรบกวนเรียนถามหลวงตาเพิ่มเติมในขั้นต่อไปด้วยเจ้าค่ะ และแนวทางที่ปฏิบัติมา ขอกราบนมัสการมาด้วยความเคารพเหนือเกล้า จากศิษย์สวนแสงธรรม
May1346
|