ความสงบของจิตที่เหมาะแก่การพิจารณาธรรม
กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพรักอย่างสูง กระผมเป็นนักศึกษาอยู่ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ฟังเทศน์ท่านอาจารย์ทางอินเตอร์เน็ตทุกวัน ทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน โดยกระผมนั่งทำสมาธิก่อนนอนเป็นประจำ มีอยู่วันหนึ่งขณะนั่งรถไฟใต้ดินไปมหาวิทยาลัย ผมได้นั่งทำสมาธิไปด้วยเป็นการฆ่าเวลา ทำได้สักพักหนึ่งก็ลืมตาขึ้นมา เห็นฝรั่งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังหลับอยู่ ผมก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า คนเราเวลาหลับจิตจะไปที่ไหน ผมก็นั่งมองพิจารณาฝรั่งคนนั้นไปสักครู่ แล้วก็เลิกสนใจ หลับตาทำสมาธิต่อ จิตสงบดีพอสมควร ปรากฏว่าภาวนาไปได้สักครู่ อยู่ดีๆ ก็มีธรรมะผุดขึ้นมาตอบจิตที่กำลังสงสัยอยู่นั้นโดยอัตโนมัติว่า สังขารหาที่ตั้งแห่งจิตไม่ได้ 1. ผมก็ได้เข้าใจธรรมข้อนี้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังงงอยู่ว่า ธรรมที่ผุดขึ้นมานี้เป็นธรรมแท้หรือไม่ หรือว่าเป็นสิ่งที่สัญญาปรุงขึ้นมาเอง
2. ผมเคยอ่านหนังสือของท่านอาจารย์องค์หนึ่งว่า ธรรมะที่ผุดขึ้นมานี้ เป็นสมบัติใครสมบัติมัน ต้องนำไปพิจารณาให้แตกเอง กระผมเป็นผู้มีปัญญาน้อย พึ่งหัดภาวนามาไม่นานนัก อยากจะขอความเมตตาท่านอาจารย์ได้โปรดเมตตาอธิบายธรรมะที่ผุดขึ้นมานี้เพิ่มเติม และแนะนำว่ากระผมควรจะภาวนาอย่างไรต่อไป หรือควรจะพิจารณาสิ่งใด
3. เมื่อ ๓ ปีที่แล้ว กระผมภาวนาอยู่ที่บ้านที่กรุงเทพ ขณะที่ภาวนาไปนั้น อยู่ดีๆ จิตก็สงบจนถึงกับดิ่งวูบลงไป ทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนั้น ดับวูบเงียบไปหมดเลย เหมือนกายกับจิตแยกออกจากกัน มีแต่ความรู้ของจิตเท่านั้นที่ยังคงมีอยู่ เหมือนจิตลอยเด่นอยู่ท่ามกลางแดนอวกาศ ทั้งโลกนี้ไม่มีสิ่งใด ไม่มีกาย ไม่มีเวทนา อยู่เลย ด้วยความที่เพิ่งภาวนาใหม่ๆ กระผมเกิดตกใจในอาการของจิตที่เป็นมาดังนี้ จิตจึงถอนออก ตั้งแต่นั้นมาจิตก็ไม่เคยลงถึงขั้นนั้นอีกเลย กระผมอยากจะเรียนถามว่า ความสงบขั้นนั้นคืออัปปนาสมาธิ คืออาการที่จิตรวมจนถึง ฐีติจิต (จิตเดิม) เลย ใช่หรือไม่
4. แล้วความสงบของจิตที่เหมาะแก่การพิจารณาธรรม คือความสงบขั้นใด
ขอท่านอาจารย์ได้โปรดเมตตาแสดงธรรม เพื่อเป็นหลักในการปฏิบัติแก่ลูกหลานด้วยนะขอรับ สุดท้ายนี้กระผมขออาราธนาหลวงตาได้โปรดดำรงขันธ์อยู่นานๆ ถ้ากระผมได้กลับเมืองไทยเมื่อใด กระผมจะไปกราบนมัสการ กราบเท้าท่านอาจารย์มาด้วยความเคารพรัก
May2646
|