คำถาม 
โดย : คนบางกะปิ ถามเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2546

สติทำงานหมุนตัวตลอด พิจารณาแยกแยะขันธ์ห้า

ลูกจะไปภาวนาตามวัดต่าง ๆ อยู่เสมอ ๆ  ถ้าเป็นช่วงวันหยุดยาวก็จะอยู่ได้หลายวัน  ครั้งหนึ่งไปภาวนาอยู่ที่ถ้ำสหาย 8 วัน  ก็พยายามทำความเพียรมิให้ขาด  มีวันหนึ่งเดินจงกรมตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงบ่ายสองโมง  วันนั้นลูกรู้สึกสติจดจ่อทำงานต่อเนื่องดี  เห็นอะไรก็พิจารณาลงไตรลักษณ์ได้  สติทำงานคล้ายหมุนตัวไปตลอด  พอตอนเย็นลงไปภาวนาที่ถ้ำใต้คนเดียว  หลังจากสวดมนต์เสร็จก็เดินจงกรมตั้งแต่ 1 ทุ่ม  พอสองทุ่มกว่าก็รู้สึกเพลย  เลยนอนพักโดยกำหนดสติไปด้วย  มารู้สึกตัวตอนเกือบ 5 ทุ่มจึงลุกมาเดินจงกรมต่อ  ก็ได้ยินเสียงสัตว์ใหญ่หรืออะไรก็ไม่ทราบตามต้นไม้ัข้าง ๆ ซึ่งเป็นป่า  เกิดความกลัวขึ้นมาเลยกลับมานั่งสมาธิต่อ  จิตก็หดตัวรวมลงเพราะความกลัวนั้น  สติจึงจดจ่ออยู่ที่จิตนั้น  ขณะนั้นเวทนาก็เกิดขึ้นที่ขาด้วย  จิตก็จดจ่อพิจารณาอยู่ที่จิตนั้น  ก็มีความคิดเกิดขึ้นว่าเวทนาที่เกิดขึ้นที่กายน่าจะมีอะไรสัมพันธ์กับจิต   แล้วทันใดนั้นก็มีความรู้เกิดขึ้นว่า  เวทนา  สัญญา  สังขาร  วิญญาณ  มีฐานอยู่ที่จิตแต่ไม่ใช่จิต  เป็นเหมือนเพื่อนบ้านกัน  แต่จิตเราไปหลงคิดว่าเป็นอันเดียวกับจิตเพราะมันอยู่ใกล้กันมากเหมือนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ  ตอนนั้นก็เกิดความรู้สึกมองเห็นภาพว่าจิตอันหนึ่ง  เวทนา  สัญญา  สังขาร  วิญญาณเป็นอีกอันหนึ่ง  แยกกันอยู่  จิตยอมรับเหตุผลอันนี้  จึงจดจ่ออยู่แต่ที่จิต  พร้อมกับเห็นเวทนาเป็นอีกอันหนึ่ง  ไม่ใช่จิต  สติก็จดจ่อทำงานอยู่ีที่จิตไม่สนใจเวทนาเลย  จึงทำให้นั่งในอิริยาบถเดียวนั้นจนถึงเช้า  สติก็ทำงานหมุนตัวไปตลอด  พิจารณาลงธรรมะได้หมด  เพลินสนุกไปตลอดคืน  พอเช้าลุกขึ้นจากที่ก็ล้มลงไปเลยเพราะขานั่งพับอยู่ตลอดคืน  ความจดจ่อหมุนตัวของสตินี้เป็นต่อเนื่องกันราว 3 วันก็ขาดไปเพราะต้องกลับบ้านมาทำงานต่อ  แต่ลูกก็พยายามหาเวลาภาวนาอยู่เสมอ ๆ  และตั้งใจจะหาเวลาปฏิบัติให้มากขึ้น ๆ  เพื่อทดแทนคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่อุตส่าห์เหนื่อยยากลำบากเพื่อสั่งสอนลูกหลานมาโดยตลอด  ขอเมตตาหลวงตาช่วยแนะนำแนวทางปฏิบัติต่อให้ลูกด้วยค่ะ
และบางครั้งภาวนาจิตสงบ  สักพักจะมีเสียงคล้ายระเบิด  ตูม  แล้วเงียบหายไป  ทำให้สะดุ้งเล็กน้อย  แต่ก็พยายามจดจ่ออยู่ที่จิตไม่คิดปรุงแต่งออกไป  บางคราวเกิดระเบิด 2 ครั้งก็มี  ลูกไม่เข้าใจว่าเกิดจากอะไรค่ะ
                               กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
                               ลูก....คนบางกะปิ

คำตอบ
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2546

หลวงตา ตอบคนบางกะปิ ที่พูดมานี้ถูกต้องทุกอย่างแล้ว เหมาะสม ให้ดำเนินตามนั้นไป แต่อย่าไปยึดเอาที่เคยผ่านเคยเป็นมาแล้วนั้นมาเป็นอารมณ์ในเวลาภาวนา แต่ให้พิจารณาตามที่เคยได้ผลมาแล้วนั้นมาเป็นปัจจุบัน เช่น แยกเวทนา แยกความสุข ความทุกข์ แยกสิ่งต่าง ๆ ที่เรียกว่า ขันธ์เป็นอันหนึ่ง ใจเป็นอันหนึ่งนี้ ให้ทำอย่างนี้ตลอดไป แต่อย่าเป็นสัญญาอารมณ์ ให้ทำเป็นปัจจุบันแล้วมันจะเกิดขึ้นอย่างนั้นอีกเข้าใจเหรอ ถูกต้องแล้วที่พิจารณาอย่างนี้ ถูกต้องมาเป็นลำดับ แต่เสียงตูมตามช่างหัวมันเถอะอย่าไปยุ่งกับมันเข้าใจเหรอ มันก็เกิดจากใจ ถ้าเป็นคนตายแล้วไม่ได้ยินแหละเสียงตูมตาม ถ้าแกจะอยากดับเสียงตูมตามให้ตายเสียให้ว่าอย่างนั้นนะ มันจะได้ยินหรือไม่ได้ยินใครก็รู้ด้วยกัน อันนี้เป็นปัญหาปลีกย่อยตอบกันปลีกย่อยไปอย่างนั้นแหละ แต่ส่วนใหญ่ถูกต้องแล้วนะ บอกให้ยึดหลักนี้ให้ดี แต่อย่านำสิ่งที่เป็นผลผ่านมาแล้วนั้นมาเป็นอารมณ์ในเวลาภาวนา ให้พิจารณา เรียกว่า หาใหม่เข้าใจไหม หาใหม่ขึ้นมาสด ๆ ร้อน ๆ มันจะปรากฏขึ้นมาอย่างนั้นแหละ ก็มีเท่านั้นละนะ
 
                    จากกัณฑ์เทศน์ "แม้แต่สัตว์ยังมีธรรม"
                วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2546


<< BACK

 


หน้าแรก