คำถาม 
โดย : ตำรวจปฏิบัติธรรม ถามเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2546

ภาวนาแล้วเกิดอาการเต้นยิบยับที่อก

กราบหลวงตาที่เคารพ  
                กระผมปฏิบัติธรรมมาเล็กน้อย ไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับการเกิดอาการต่างๆของจิต กระผมจึงมีข้อสงสัยและขออนุญาตสอบถามหลวงตาดังต่อไปนี้
                 กระผมปฏิบัติแล้วเกิดอาการเต้นยิบยิบที่อก ตลอดเวลา  กระผมได้รับคำแนะนำให้จับอาการเต้นนั้นไปเรื่อยๆ  ผมจับอาการเต้นโดยเริ่มต้นเหมือนใจของผมเป็นคนเต้นเอง       โดยสุดท้ายผมมีอาการวางการเต้นนั้น  ซึ่งปัจจุบันก็ยังเต้นอยู่      ตอนนี้ผมมีความเห็นว่าการยึดต่างๆทุกสิ่งล้วนเป็นทุกข์ ผมจึงไม่อยากจะยึดอะไรเลย  แต่ยังมีความรู้สึกว่ายังมีความจำเป็นอยู่ที่ใจต้องเกาะบางสิ่ง  ซึ่งใจผมตอนนี้เหมือนมีสองอย่าง คือสิ่งที่เคลื่อนไหวตลอดเวลาบางครั้งก็เต้น บางครั้งก็วูบวาบ อีกสิ่งหนึ่งเป็นสิ่งว่างๆ กระผมได้ระลึกถึงสิ่งว่างๆนั้นอยู่ เพราะเห็นว่าระลีกแล้วเบาที่สุด เบากว่าเพื่อน  ข้อสงสัยของผมก็คือ
         ๑.  ผมไม่แน่ใจการปฏิบัติของผมในเรื่องนี้ว่า เกิดอาการและมีความเห็นที่ถูกต้องหรือไม่
          ๒.หากถูกต้องขออุบายในการปฏิบัติต่อไป ว่าควรแบบใดดี
          ๓.ขณะนี้ผมเกิดอาการกระตุกตามร่างกายโดยไม่ทราบสาเหตุบ่อยครั้ง ซึ่งกระผมไม่ได้กลัวว่าจะเป็นอะไร  แต่กระผม อยากขอคำสอนของหลวงตาที่เคารพเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
                                            กราบด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2546

หลวงตา เขาภาวนาเอาอะไรเป็นอารมณ์

โยม เขาไม่ได้บอกมาว่าเอาอะไรเป็นอารมณ์

หลวงตา ควรจะมีอารมณ์ของธรรมเป็นหลักของใจ เช่น อย่างคำบริกรรมนี่เรียกว่า อารมณ์ของธรรม มาเป็นหลักของใจคือ บริกรรมให้ติดอยู่กับนั้นเข้าใจไหม เรื่องภายนอกมันก็จะจางไป อันนี้หลักใจยังวอกแวกอยู่มาก อะไรเอะอะก็ไปติดอะไรเอะอะไปติด เพราะหลักใจไม่มีเข้าใจเหรอ ก็มีเท่านั้นละ

                จากกัณฑ์เทศน์ "แม้แต่สัตว์ยังมีธรรม"
             วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2546


<< BACK

 


หน้าแรก