คำถาม 
โดย : ณัฐชยา ราทิกุล ถามเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2546

ความกตัญญูกับความโกรธแค้น

นมัสการหลวงตาบัว 
หนูมีเรื่องทุกข์ใจและมีปัญหาที่จะกราบเรียนขอความเมตตาหลวงตาให้ชี้ทางสว่างค่ะ 

ครอบครัวของหนูเป็นครอบครัวฐานะปานกลาง มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน พ่อแม่ประกอบอาชีพค้าขาย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่หนูเป็นเด็กจนเติบโตขึ้น หนูได้เห็นความทุกข์ใจของแม่ ความรักของแม่ที่มีต่อพ่อ และพ่อได้ทำร้ายจิตใจของแม่ตลอดมา พ่อมีภรรยาใหม่ พ่อนำทรัพย์สินของแม่ไปปรนเปรอผู้หญิงอื่น กับลูก พ่อก็มีแต่ความเหินห่าง ไม่ได้ใกล้ชิด สนิทสนมกันเหมือนกัน 

พวกเราพี่น้องได้รับรู้เห็นแต่การกระทำที่ไม่ดีของพ่อๆ ชอบทำบาป ตกปลา เล่นการพนัน เที่ยวโสเภณี สร้างความทุกข์ใจให้กับแม่ แต่แม่ก็พร่ำสอนตลอดเวลาว่า อย่าไปว่าพ่อ มันเป็นบาป เวลาพ่อทำไม่ถูก แม่ก็จะสั่งให้ลูกๆเงียบ อย่าไปต่อล้อต่อเถียง 

ที่บ้านของหนูเลี้ยงสุนัข พวกเราพี่น้องรักสัตว์ แต่บ่อยครั้งที่พ่อมักจะทำร้ายความรู้สึกของลูกๆ เช่น นำสุนัขที่เรานำมาเลี้ยงไปปล่อยวัดบ้าง ไปปล่อยข้างถนนบ้าง โดยที่ลูกๆไม่รู้  ทุกครั้งที่สุนัขของหนูถูกนำไปปล่อย เราก็จะทะเลาะกันมีปากมีเสียง พ่อบอกว่า พ่อไม่อยากทำความสะอาด มันเป็นภาระ นี่คือข้ออ้างของพ่อ บางครั้งพ่อก็ทำร้ายหมา เกือบตาย และกับหมาบางตัวพ่อถึงขั้นวางยาให้มันกิน แล้วในที่สุดก็สมเจตนาของพ่อ คือ มันตาย 

ครั้งสุดท้าย ที่หนูคิดว่าไม่ไหวแล้ว คือ พ่อนำหมาพุดเดิ้ลตัวเล็กๆ ไปปล่อย หมาตัวนี้เป็นหมาที่คุณปู่ของหนู ซึ่งท่านก็ชรามากแล้ว และเป็นเพื่อนเล่นของท่านๆก็นำไปปล่อย หนูคิดว่า นับวันพ่อก็ยิ่งทำบาปมากขึ้น หนูอยากจะคุยกับพ่อ บอกพ่อว่า เมื่อไหร่พ่อจะหยุดทำเสียที เมื่อไหร่จะที่จะเห็นใจความรู้สึกของคนในครอบครัวบ้าง เมื่อไหร่ที่จะรู้สึกเมตตาต่อบุคคลอื่นบ้าง .. หนูบอกกับแม่ว่า หนูเหลืออดแล้ว ถ้าไม่คุย ไม่พูด ไม่บอกกับพ่อ พ่อก็ไม่มีวันได้รู้ 

แม่บอกกับหนูว่า ถึงพูดไปพ่อก็ไม่รู้สึก แม่บอกว่าอย่าไปต่อความยาวสาวความยืด หนูเห็นว่า มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควรและเกิดบันดาลโทสะบอกว่า พ่อคิดโง่ๆ ทำโง่ๆ แม่บอกว่า หนูไม่ควรจะว่าพ่อ เพราะมันเป็นบาป

หนูเป็นคนที่ละอายต่อบาป เข้าใจว่าบาปเป็นอะไร แต่หนูก็ย้อนกลับถามแม่ว่า "หนูเข้าใจคำว่ากตัญญู และหนูก็มีให้เต็มร้อย  แต่ความผิดถูก ความชอบธรรมนั้น เราว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ใครถูกเราก็ต้องสนับสนุน" แต่แม่บอกว่า ไปว่าพ่อนั้นมันบาป 

หนูเลยอยากจะกราบเรียนถามหลวงตาว่า ถ้าสิ่งที่หนูจะต่อว่าพ่อของหนูที่ทำผิด นั้นเป็นบาปต่อบุพการีหรือไม่  

ขอหลวงตาเมตตาเทศนา ชี้ทางสว่างให้กับหนูในเรื่องนี้ด้วยเทอญ 

ขอบพระคุณค่ะ 

คำตอบ
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2546

หลวงตา        เรื่องที่กล่าวมานี้ แม่ก็ดี ลูก ๆ ก็ดี เป็นแม่ตัวอย่างของลูกทั้งหลาย ลูกๆ ทั้งหลายก็เป็นตัวอย่างของลูกทั่วๆ ไป ควรจะยึดเป็นคติสอนตนเองให้ประพฤติเหมือนแม่กับลูกที่มาเล่าอยู่เวลานี้ทั่วหน้ากัน จะเป็นความดีมาก ส่วนพ่อนั้นเรียกว่าเลวเป็นลำดับลำดา อย่าเอามาเป็นตัวอย่าง  ที่เลว พ่อคนนี้ถ้าเป็นพ่อหมาหรือก็น่ากลัวว่ามันจะไม่รับเป็นพ่อมัน เพราะมันเลวกว่าหมา ให้พากันระมัดระวัง พ่อประเภทที่กล่าวมาเหล่านี้ ไม่ใช่พ่อของคนดีทั่วๆ ไป ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบทุกคน ที่เด็กมาพูดเหล่านี้กระจายทั่วโลก ควรจะได้เป็นคติตัวอย่าง โดยนำเอาเรื่องของแม่และเรื่องของลูกนี้มาเป็นคติเครื่องเตือนใจ

         ส่วนเรื่องของพ่อเป็นพ่อที่เลว อย่านำมาเป็นคติจะเป็นคนเลวกันทั่วโลกไปหมด นี่เราพูดเฉพาะเรื่องแม่ดี ลูก ๆ ดี พ่อเลว ทีนี้เมื่อย้อนแล้วพ่อดี แม่ไม่ดี ลูก ๆ ไม่ดี ลูกเลวก็เป็นความเสียหายเช่นเดียวกัน จึงอย่านำมาใช้ให้เป็นพ่อดี เป็นคติตัวอย่าง พ่อดี ลูก ๆ ดี เป็นคติตัวอย่าง แล้วทั่วโลกนี้มีพ่อมีแม่มีลูกทั่วหน้ากัน ซึ่งใครก็มีโอกาสที่จะทำผิดหรือทำถูกได้เต็มตัวเช่นเดียวกัน ส่วนมากมักจะทำผิด เพราะสิ่งที่ผิดนี้มีกำลังมากกว่าสิ่งที่ถูกอยู่ภายในใจดวงเดียวของเรา จึงขอให้พากันพินิจพิจารณาให้ดี

         เรื่องของเด็กกับแม่นี้เป็นคติอันดีงาม เรื่องของพ่อนี้เป็นผู้ที่เลวอย่านำมาใช้ ทุกคนผู้ชายเราให้เห็นใจ อยู่ร่วมกันในครอบครัว อยู่กับเมียให้เห็นใจเมีย เมียมีหัวใจ ผัวมีหัวใจ ลูก ๆ ทั้งหลายมีหัวใจ แม้ที่สุดสัตว์เลี้ยงในบ้านเขาก็มีหัวใจ เอาไปปล่อยไปทิ้งไปขว้าง หรือไปฆ่าด้วยวิธีการต่าง ๆ ซึ่งทำลายจิตใจและร่างกายของสัตว์นั้นไม่เป็นสิ่งที่ควรอย่างยิ่ง ให้นำธรรมอันนี้ไปปฏิบัติทั่วโลก สมกับนามว่าเราเป็นชาวพุทธนะ นี่เป็นข้อหนึ่ง แล้วมีอะไรที่ยังบกพร่อง

(ลูกเขาถามว่าเขาทนไม่ไหว ที่พ่อเขาทำบาป เขาถามว่าที่เขาต่อว่าพ่ออย่างนี้เป็นบาปไหมครับ) ต่อว่าพ่ออย่างที่ต่อว่าในทางที่ถูกอย่างนี้ไม่เป็นบาป พระพุทธเจ้าก็เคยต่อว่าสัตว์มามากแล้ว เป็นแต่เพียงว่าสัตว์มันดื้อด้าน มันไม่ยอมฟังคำพ่อใหญ่คือพระพุทธเจ้าเท่านั้นเอง ให้เราฟังคำพ่อของเราคือพระพุทธเจ้าทุกคนๆ  นะ  ต่อไปว่าไป (ไม่มีครับ มีข้อเดียวนี่ครับเขาข้องใจอยู่ ) ว่าเขาจะเป็นบาปไหมว่างั้น ไม่เป็นบาป ควรว่าต้องว่าซิ พ่อกับลูก แม่กับลูก มีความรับผิดชอบกันอยู่เต็มตัวด้วยกัน ใครผิดใครถูกต้องแนะนำ ต้องดุต้องว่ากันเป็นธรรมดา คนเราถ้าว่าถ้าสั่งสอนกันไม่ได้ โลกนี้เรียกว่าไม่มีธรรมเลย ถ้าเป็นสัตว์ก็เป็นสัตว์ไม่มีเจ้าของ ไม่มีใครต่อว่า ไม่มีใครรับผิดชอบ จึงอย่าให้เป็นดังที่ว่านี้

ให้แนะนำตักเตือนกันได้ ไม่ว่าแต่ในครอบครัวเหย้าเรือนของเรา เพื่อนฝูง ญาติมิตร คนร่วมงาน รวมแล้วทั่วโลก เห็นหน้ากันแล้วใครผิดใครถูกให้แนะนำบอกกล่าวกันได้ เพราะความดิบดีทั้งหลายนี้เป็นธรรมทั่วโลก โลกเราถ้าต่างคนต่างคอยฟังเสียงถูกต้องดีงามคือเสียงอรรถเสียงธรรมต่อกันอยู่แล้ว จะมีความสนิทสนมกันทั่วประเทศ เช่นอย่างประเทศไทยสนิทกันทั่วประเทศ ในวงงานต่าง ๆ ก็มีความสนิทตายใจกันทั่ววงงาน เข้ามาครอบครัวเหย้าเรือนก็สนิทสนมตายใจกันด้วยทั้งครอบครัว เพราะต่างคนต่างฟังเสียงเหตุเสียงผล เสียงอรรถเสียงธรรม เพื่อการแก้ไขในสิ่งไม่ดี และปฏิบัติตัวให้ดีต่อกัน

มีเท่านั้นหรือถามมาอีก (เขาว่าปรกติปัจจุบันนี้ผู้ใหญ่จะชอบเอ็ดเด็ก เวลาเด็กจะต่อว่าผู้ใหญ่ก็จะอ้างว่าเป็นพ่อเป็นแม่ เด็กมาว่าพ่อแม่ไม่ถูก เป็นบาปไม่สมควรครับผม) พ่อเช่นนี้เรียกว่าพ่ออันธพาล แม่เช่นนี้ก็ว่าแม่อันธพาล เข้าใจเหรอ ถ้าลูกคอยจะต่อว่า จะเถียงพ่อเถียงแม่ โดยความประพฤติของตัวที่เลวนี้ไม่ยอมแก้ไข นี่ก็เรียกว่าลูกอันธพาล ถ้าตรงกันข้ามดีแล้ว พ่อก็เป็นคนดี แม่เป็นคนดี ลูกเป็นคนดี ไปสังคมกับใคร ๆ ก็กลายเป็นคนดีด้วยกัน เอ้า ถามมา ถ้าเตรียมจะตอบแล้วถามมาก็ตอบเลยแหละ (อย่างนี้ให้ยึดหลักธรรมะเป็นหลักนะฮะ ถ้าทำถูกต้องตามหลักธรรมะ จะเป็นลูกเป็นผู้น้อยก็ต่อว่าผู้ใหญ่ที่ไม่มีธรรมได้)

ได้ เพราะธรรมใหญ่กว่าอยู่แล้ว อยู่กับเด็ก ธรรมก็ใหญ่ เพราะฉะนั้นเด็กนำธรรมมาแนะนำสั่งสอนจึงถูกต้องดีงาม เพราะธรรมใหญ่อยู่แล้ว ไม่มีอะไรใหญ่เกินธรรมไป ใครจะหยิบขึ้นมาตักเตือนสั่งสอนซึ่งกันและกันได้ทั้งนั้น เอ้า ถามมา (ให้หลวงตาอธิบายให้ลึกซึ้งไปอีกครับ) แล้วแน่ใจหรือยังว่าที่ถามนี่ลึกซึ้งขนาดไหน ถามมานี่ เอะอะจะให้ผู้ตอบตอบลึกซึ้งเลย เราตอบไม่ได้ เราต้องคอยฟังเสียงคำถามมาก่อน ว่าผู้ถามถามอะไรและลึกซึ้งอย่างไรหรือไม่ จะมาบังคับให้เราตอบคนเดียว เอาลึกซึ้งทีเดียวเลยไม่ได้ เดี๋ยวเราจะพาไปขุดส้วมขุดถาน มันลึกซึ้งตรงนั้นนะ เข้าใจ เอ้าว่าไป

เออ ชี้ทางสว่าง ให้พากันฟังเหตุฟังผล เราเป็นลูกชาวพุทธ พ่อของเรานั้นเรียกว่าเลิศเลอแล้ว ในโลกทั้งสามนี้ไม่มีใครเกินพระพุทธเจ้าแหละ ขอให้พากันยึด เด็กยึด ผู้ใหญ่ยึด น่าเคารพเลื่อมใส เด็กก็น่ารัก ผู้ใหญ่น่าเคารพเลื่อมใส ยึดมาปฏิบัติ ประสับประสานกันด้วยความดีทั้งหลายคือธรรม จะเป็นคนดีทั่วโลก เวลานี้ที่มันเกิดเรื่องเกิดราวตลอดเวลาทั่วโลกดินแดนกันนี้ มีตั้งแต่เรื่องกิเลสออกทำงานอาละวาด ผู้ใหญ่ยิ่งอาละวาดหนัก ไม่มีเหตุมีผลมีกฎมีเกณฑ์ ถืออำนาจป่าเถื่อนมาเป็นผู้สั่งการสั่งงาน ทีนี้โลกก็เลยเดือดร้อนไปหมด ถ้ามีอรรถมีธรรม ผู้ใหญ่เท่าไรยิ่งมีความเมตตาสงสาร เฉลี่ยเผื่อแผ่แก่ผู้น้อยได้เต็มกำลังของตนๆ ผู้น้อยก็มีความเคารพรัก ไปที่ไหนเป็นอย่างนี้ด้วยกัน ตามหลักของผู้ใหญ่แล้วดี เช่นประเทศชาติต่างๆ นี้ มีประเทศใหญ่ประเทศเล็ก มีทั่วไป นี่ก็เท่ากับเป็นพ่อเป็นพี่เป็นน้องกันมาโดยลำดับ แล้วต่างคนต่างให้อภัยเฉลี่ยเผื่อแผ่กัน เป็นธรรมด้วยกันทั้งนั้น ตอบนี้ลึกไหมนี่ ตอบนี้ลึกหรือไม่ลึก

เอา ให้ถามมาลึกๆ กว่านี้ลองดูซิ จะตอบว่ายังไงผู้ตอบน่ะ คอยฟังคำถาม ถามมาเสียก่อนซิ (ในจดหมายนี้นะครับ แม่ก็คอยจะห้ามลูกอยู่ตลอดเวลา เวลาลูกจะต่อว่าพ่อ กรณีที่พ่อทำบาปทำผิดนี่นะครับ) แม่นี้ถูกต้องดีมากทีเดียว ถึงขั้นดีมากของขั้นฆราวาสเรา เราฟังเสียงมาโดยลำดับ ไม่มีอะไรแสลงหูเลย เอ้า ว่าไป (ลูกก็อธิบายกับแม่ว่า ลูกเข้าใจคำว่ากตัญญู แล้วเขาก็มีให้เต็มร้อยกับพ่อแม่ แต่ทีนี้ความถูกความชอบธรรมนั้น ควรจะว่ากล่าวกันได้ ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ใครถูกก็ต้องว่าไปตามถูก แต่แม่ก็ชอบอ้างว่าอย่าไปต่อว่าพ่อ เพราะจะเป็นบาป)

อันนี้แม่คงเห็นว่าพ่อมันเป็นเสืออยู่แล้ว ใครเดินผ่านมามันจะงับเอา แม่ก็เลยเตือนลูก กลัวลูกตายเพราะพ่องับเอา แม่ไม่ได้ผิดนะ แม่มีแง่คิดอยู่ภายในลึกๆ ว่าจะเกิดเรื่อง ความหมายว่างั้น เอ้าว่าไป วันนี้เอาสนทนาละมา เอ้า ถามมาจะตอบ การเทศน์สอนโลกคราวนี้ ๕ ปีกว่า บกพร่องที่การถามการตอบธรรมะ เราพูดมาโดยตลอด ถ้ามีการถามการตอบธรรมะกันแล้ว ธรรมะทั้งหลายเหล่านี้จะมีรสชาติสูงขึ้นโดยลำดับ เพราะการถามการตอบธรรมะนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อน ออกจากความรู้สึกของแต่ละคนที่ถามมา การตอบไปก็ตอบไปตามเหตุตามผลหลักเกณฑ์ของการถาม เพราะฉะนั้นคติตัวอย่างอันดีจึงมักจะเกิดจากปัญหา ธรรมนี้ท่านไปกลางๆ ยึดได้เป็นลำดับๆ แต่ปัญหานี้มักตอบเข้าสะดุดใจกึ๊กๆ ไปเลย

(เหตุผลของพ่อที่ทำร้ายสุนัขก็ดี เอาสุนัขไปปล่อยก็ดี บอกว่าสุนัขมันชอบทำสกปรก พ่อไม่อยากทำความสะอาด มันเป็นภาระของพ่อ) ถ้าหากพ่อว่าสุนัขสกปรก ก็ชำระพ่อตัวสกปรกใหญ่ ๆ นั้นเสียก่อนซี พ่อทำทุกอย่างที่เป็นความสกปรกแก่ครอบครัวเหย้าเรือน มิหนำซ้ำอาจทำต่อเพื่อนฝูงต่อไปก็ได้ ด้วยความสกปรกจากความประพฤติอันนี้ พ่อควรจะทำความสะอาดให้พ่อเสียบ้าง หมาทำความสกปรกไม่เหมือนพ่อทำความสกปรก ซึ่งเป็นความเสียหายมากยิ่งกว่าหมาทำความสกปรกในบ้านในเรือน ไม่เห็นมีความเสียหายอะไร เป็นตามประสาหมาเฉยๆ ถ้าว่าขี้เขาไม่มีส้วม เขาก็ขี้ระไป จะไปว่าเขาทีเดียวก็ไม่ได้ เราคนมีส้วมอยู่มันยังไปขี้ใส่หัวคนได้ ขี้รดหัวคนก็ได้ ความประพฤติชั่วนั่นแหละรดหัวใจของคนให้บอบช้ำมากมาย ยิ่งกว่าหมาทำความสกปรกต่อคน เอ้า แล้วมีอะไรอีก

(มีอีกนิดหนึ่ง เขามีปู่อยู่ด้วย ปู่ก็รักหมา แต่พ่อก็เอาหมาของปู่ไปปล่อย) นี่ละพ่อตัวอันธพาล ไปทำลายจนกระทั่งปู่ หมาปู่ก็ทำลาย ปู่ก็ทำลาย พ่อคนนี้เลวมากใครอย่าเอามาเป็นตัวอย่าง พ่อคนนี้ถ้าลงเป็นปู่แล้วมันยังจะร้ายยิ่งกว่านี้ มันเป็นขนาดนี้ก็ยังเลวมากอยู่แล้ว ถ้าได้เป็นปู่คนนี้โลกนี้พินาศเลยนะ ปู่คนนี้น่ะ เข้าใจไหม เอาแค่นั้นก่อน เอ้า ถามมา ถ้าเตรียมจะตอบเอาจริงนะ พอถามปั๊บมันจะใส่ปั๊วะเลย พูดจริงๆ เพราะฉะนั้นเราถึงว่าบกพร่องในเรื่องปัญหา การไปเทศนาว่าการ ถ้ามีปัญหามามันจะรับกันทันที ออกทันที ขนาดไหนออกมา เว้นแต่อะไรควรไม่ควรมันก็รู้เอง เท่านั้นเอง

ปัญหาเหล่านี้เป็นกัณฑ์เทศน์อันใหญ่หลวงสำหรับเราชาวพุทธ ควรจะได้ถือเป็นคติตัวอย่างในครอบครัวเหย้าเรือนของกันและกัน ให้ดูใจกัน ผู้หญิงฝ่ายแม่บ้านก็ให้ดูใจพ่อบ้าน พ่อบ้านดูใจแม่บ้าน ดูใจลูกเล็กเด็กแดงตลอดไปหมด ต่างคนต่างอ่านเข้าอ่านออก กระจายออกไปแล้วจะมีส่วนดีออกใช้มากกว่าส่วนที่เสียหายนะ ส่วนมากคนเราไม่ค่อยคิด อยากทำอะไรก็ผลุนผลัน เพราะอำนาจของกิเลสมันรุนแรง เกินกว่าที่จะได้ไตร่ตรองหรือห้ามปรามไว้เสียก่อน มันผางออกไปแล้ว ๆ เสียหายมาแล้วมันก็เสียไปแล้ว แก้ไม่ตก แล้วก็ไม่สนใจจะแก้ด้วย นี่ที่สำคัญ มีแต่ทำเรื่องสกปรกไปเรื่อย ไม่มีการแก้เลย 

         จากกัณฑ์เทศน์ "เถียงพ่อเป็นบาปหรือไม่"
       วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ.2546
     


<< BACK

 


หน้าแรก