คำตอบในจิต
กราบนมัสการหลวงตาที่เคารพอย่างสูง การพิจารณาของลูกมักจะมีคำตอบให้รู้ควบคู่ตลอด แต่ก็รับรู้แล้วผ่านไป เมื่อมีสิ่งมากระทบไหม่ก็จะพิจารณาไปเป็นเรื่องๆ โดยไม่เบื่อ จากเรื่องนั้นไปเรื่องนี้ อย่างไม่ลดละ ตามค้นไปตามดูจิตไปตลอด จนบัดนี้ทำไมมันจึงไม่ค้นอีก ลูกขอเล่าถึงการปฏิบัติของลูกโดยย่อๆดังนี้ ลูกได้รู้จักกับพุทโธตอนอายุประมาณ 4-5 ขวบแต่ไม่รู้หรอกว่าพุทโธคืออะไร พิ่ชายบอกว่า ถ้ากลัวผีให้ท่องพุทโธไว้ ลูกเป็นคนกลัวผีมากๆจึงท่องพุทโธหลับไปทุกคืน จนโต มีครอบครัว(ตอนนี้อยู่คนเดียว) อยู่ไปนานๆมีความรู้สึกว่าทำไมเราจะต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ พยายามหาคำตอบให้กับตนเองก็ไม่พบจนกระทั่งได้พบกับพระ ที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ชา(ลูกเคยไปกราบท่านตอนท่านป่วย นั่งรถเข็น) ฟังท่านเทศน์ จึงพอได้คำตอบบ้าง และหลังจากนั้นลูกได้รู้จักกับการภาวนาและได้ทำมาตลอด แต่ลูกนั่งไม่ได้นาน ทั้งสวดมนต์และนั่งก็ประมานวันละ2 ชั่วโมงมีความเย็นในใจและสงบดี ลูกขอเล่าเหตุการณืที่เกิดขึ้นบางตอนพร้อมการปฏิบัติของลูกเป็นข้อๆดังนี้ 1. ลูกกำหนดพุทโธไปกับการทำงาน และการไปการมาตลอดเวลาที่ระลึกได้ วันหนึ่งชณะลูกเดินอยู่โดยกำกับพุทโธไปด้วย จะปรากฏเป็นภาพ ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน หัวสลอนเลย พร้อมกับมีเสียงบอกกับลูกว่า "ยังมีคนอีกมายมายที่ยังไม่รู้ธรรมเห็นทาง " น่าสงสาร จากที่เห็นยิ่งทำให้ลูกเชื่อว่าถ้าปฏิบัติจริงต้องเห็นได้จริง 2. ลูกไปงานเผาศพคนรู้จัก มองออกไปดูที่โลงศพจิตก็พิจารณาขึ้นเองว่า คนเราเกิดมาก็ไม่มีอะไร เกิดมาดิ้นรนแทบตายทำทุกอย่างให้ได้มา แต่ในที่สุดก็ไม่มีอะไรเหลือแต่ขี้เถ้า 3. ก่อนที่จิตจะสงบลงได้ ลูกจะพยายามสวดมนต์เพื่อดึงจิตให้อยู่กับตัวเอง ( แต่ก่อนลูกเป็นคนเอาแต่ใจตนเอง ขี้โมโห) เวลาสวดกับหม่คณะที่วัด สวดๆไปจะนิ่งไปเลยแต่รู้ตัวอยู่จนกระทั่งสวดจบจึงจะลืมตาบางทีไม่อยากจะลืมตาเลย ปัจจุบันนี้ทำไมจะสวดมนต์ไม่ออก มักจะเป็นแบบเดิมอีก แต่ไม่ใช่หลับ ถ้าได้ฟังเสียงสวดมนต์จะสงบดี 4. ในวันหนึงหลังจากกลับจากวัดก็มานั่งสมาธิต่อที่บ้านช่วงเวลาไม่ถึง10นาทีปรากฏว่า มีลมหมุนเป็นเกลียวอย่างเร็วออกมาจากกายพุ่งขึ้นมาทางศีรษะ แล้วก็แผ่ตัวออกเป็นวงกลมครอบกาย ในขณะนั้นก็จะมีเสียงผุดออกมาบอกว่า "ร่างกายนี้เปรียบเหมือนท่อนไม้และท่อนฟืน"ร่างกายจะแข็งเหมือนท่อนไม้จริงๆ จากนั้นจะไม่รู้สึกว่าห่วงกายอีก 5. การปฏิบัติของลูกนั้น นอกจากจะนั่งสมาธิแล้ว เวลาปกติจะพิจารณาสิ่งที่มากระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ พิจารณาทีละอย่าง เช่น สิ่งที่มากระทบทางตาจะทำให้เราเกิดอารมณ์ ดีใจ รัก เกลียด พอใจ เสียใจ โกรธ หรือไม่แล้ว จะตามดู ตามรู้ ตามลด ละ ให้ทันให้ได้ เมื่อกิดอารมณ์ต่าง ๆขึ้น ใช้เวลาหลายปีกว่าจะทำได้ และเมื่อรู้แล้ว เวลามีสิ่งมากระทบจิตมันจะประมวล รู้แล้วละได้ ตอนแรกจะละได้ช้า แต่ฝึกนานๆเข้าจะละได้ในขณะที่กระทบไม่นาน ไม่เอามาไว้ในใจปล่อยทิ้งไป รู้สึกว่าเบาสบาย หลังจากนั้นพิจารณาต่อไปจะมีคำบอกออกมาว่า "คนเราเกิดมาอายุไม่ถึงร้อยปีก็ตายจากกันแล้ว จะโกรธเกลียดกันไปทำไม ให้เมตตากันให้อภัยกัน "ทำให้เราไม่โกรธใครเกลียดใคร อีกให้อภัยได้เสมอ แม้เขาทำกับเราหนักแค่ไหนก็ให้อภัยได้ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เกิดกับจิต จิตจะบอกให้รับรู้ เมื่อจิตรู้แล้วจะร้องอ๋อ และผ่านไป ไม่ทราบว่าสิ่งที่เกิดกับลูกนี้ถูกต้องตามแนวทางหรือไม่ ควรจะเจริญต่อไปหรือไม่ ขอได้รับความเมตตาจากหลวงตา ได้ตอบให้ลูกได้รับทราบด้วยเพื่อนำไปแก้ไขในการปฏิบัติของลูกต่อไป ขอนมัสการหลวงตามาด้วยความเคารพอย่างสูง ค่ะ
|