|
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
คำถาม
|
|
โดย : พระมหาองอาจ วัดพิชัยสงคราม จ.สมุทรปราการ ถามเมื่อวันที่
14 ก.ย. 2548 |
ความสงบเกิดเมื่อไหร่จะมีอาการวูบวาบ
กราบเรียนองค์หลวงตาที่เคารพอย่างสูง กระผมได้ติดตามฟังวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนของหลวงตาตั้งแต่เริ่มแรกจนปัจจุบัน ธรรมะแท้ๆแบบหลวงตานั้นหาฟังที่อื่นได้ยากมากครับในยุคปัจจุบันนี้ นับได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อจิดใจของชาวพุทธมากทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ถ้าได้ฟังแล้วปฏิบัติตามทำให้จิตใจสงบลงอย่างรวดเร็ว ธรรมะแบบสดๆร้อนๆออกมาจากใจที่บริสุทธิ์ของหลวงตานั้นฟังเมื่อใดถึงใจและกิเลสสะดุ้งเฮือกๆทุกที และเกิดคติธรรมทุกครั้ง (ถ้าเป็นพระก็ไม่อยากสึกครับ) เพราะมองเห็นโทษภัยของวัฏฏะสงสารตามกระแสแห่งรัศมีธรรมเทศนาขององค์หลวงตาครับ ใจจริงของผมอยากได้CD ธรรมะและหนังสือทุกเล่มขององค์หลวงตาตั้งแต่องค์หลวงตาเริ่มเทศน์ปีพ.ศ.2494เก็บสะสมไว้เป็นหลักแนวทางในการปฏิบัติสำหรับกระผม แต่ปัจจุบันกระผมมีเพียงม้วนเทป15ม้วนเท่านั้นครับหนังสือไม่มี ธรรมะแบบองค์หลวงตาถูกจริตผมมากครับทำให้ใจเจริญขึ้นมากและมองเห็นเป้าหมายของธรรมะปฏิบัติมากขึ้น กระผมยังได้แนะนำคนอื่นฟังด้วยทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า"สุดยอดแห่งรัศมีธรรมจริงๆครับ"ในขณะที่ฟังธรรมขององค์หลวงตากิเลสหลบหน้ากันเป็นแถว แต่พอหยุดฟังเมื่อไรกิเลสจะโผล่หน้ามาอีก" ฉะนั้นต้องฟังเสมอขาดไม่ได้ครับ --ถ้าวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนนยังก้องกังวาลอยู่ในโลกตราบใดพระพุทธศาสนาก็จะมั่นคงสถาพรตราบนั้น-- ** ขอเทิดทูนเสียงธรรมเพื่อประชาชนให้อยู่เคียงข้างชาวไทยและชาวโลกตลอดไป
ขอกราบเรียนถามองค์หลวงตาดังนี้ครับ... ข้อ1 การใช้สติกำหนดรู้ความเคลื่อนไหวอิริยาบถน้อยใหญ่ทางกายและการกำหนดรู้การเคลื่อนไหวของใจแล้วละวางอารมณ์ที่เกิดกับใจ พยายามไม่ยินดียินร้ายกับอารมณ์และพยายามทำใจให้กำหนดรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทั้งไม่ทิ้งคำบริกรรม คำบริกรรมที่กระผมใช้คือ พองหนอๆ ยุบหนอๆ**โดยที่ไม่ได้ใช้ปัญญาพิจารณาตจปัญจกรรมฐานเห็นเป็นเพียงแค่ธาตุทั้งสี่** การปฏิบัติแบบนี้ถูกต้องตามแนวทางพ้นทุกข์มั้ยครับ ข้อ2 กระผมได้นั่งภาวนาและฟังวิทยุเสียงธรรมของหลวงตาไปด้วยไม่นานเท่าไรจิตก็ไม่รับรู้คำบริกรรมอีก รู้แต่ว่าใจนิ่งอยู่ตรงกลางอก แต่มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นคืออาการวูบวาบๆในใจจะเกิดเป็นระยะๆไปครับตอนแรกนึกว่าง่วงนอนเกิดสัปงก แต่พอตั้งสติกำหนดดูร่างกายยังนิ่งอยู่เหมือนเดิมมิได้เอนเอียง ความสงบเกิดเมื่อไรมักจะเป็นเมื่อนั้น อยากถามว่าเกิดเพราะอะไรควรแก้ไขยังไงครับอาการวูบๆจึงจะหาย
ขอความเมตตานุเคราะห์ช่วยชี้แนะกระผมด้วยครับ หากคำถามของข้าพเจ้าผิดพลาดพลั้งไปโปรดอภัยให้ด้วยครับ
กราบเรียนมาด้วยความเคารพอย่างสูง (พระมหาองอาจ) ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์องค์หลวงตาด้วยครับ
|
คำตอบ |
|
เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2548 |
กราบนมัสการพระมหาองอาจ หลวงตาเมตตาแสดงธรรมตอบปัญหา เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๔๘ ณ วัดป่าบ้านตาด ดังนี้
ผู้กำกับ : ข้อ 1 การใช้สติกำหนดรู้ความเคลื่อนไหวอิริยาบถทางกาย และการกำหนดรู้การเคลื่อนไหวของใจ แล้วละวางอารมณ์ที่เกิดกับใจ พยายามไม่ยินดียินร้ายกับอารมณ์และพยายามทำใจให้กำหนดรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทั้งไม่ทิ้งคำบริกรรม คำบริกรรมที่กระผมใช้คือ พองหนอๆ ยุบหนอๆ โดยที่ไม่ได้ใช้ปัญญาพิจารณาตจปัญจกกรรมฐานเห็นเป็นเพียงแค่ธาตุทั้งสี่ การปฏิบัติแบบนี้ถูกต้องตามแนวทางพ้นทุกข์ไหมครับ
หลวงตา : ถูกต้อง ทำให้พ้นทุกข์ได้ถ้าสืบต่อกันด้วยความเพียร โดยมีสติกำกับ สติเป็นสำคัญมากในการประกอบความเพียร เรื่องสติเป็นพื้นฐานตลอดจนถึงขั้นมหาสติมหาปัญญา สติปล่อยไม่ได้เลย ตั้งแต่เริ่มแรกสติติดไปเลยๆ ผู้ใดมีสติดี สติติดแนบอยู่มากเท่าไรยิ่งได้ผลดีขึ้น ฐานของจิตจะเป็นความสงบเยือกเย็น สติเป็นสำคัญมากทีเดียว ปัญญาจะค่อยเกิด สตินี้เป็นพื้นฐานทำใจให้สงบก่อน เมื่อใจสงบใจไม่หิวโหยอารมณ์ เรียกว่าใจสงบ ใจหิวโหยอารมณ์คืออยากคิดอยากพูดอยากรู้อยากเห็น เรียกว่าใจหิวอารมณ์ ทีนี้เมื่อจิตสงบแล้วจะไม่หิวอารมณ์เหล่านี้ แล้วก็พาพิจารณาทางด้านปัญญา ปัญญาก็ทำหน้าที่ได้โดยถูกต้อง ไม่กลายไปเป็นสัญญาอารมณ์อะไรเลย ที่ว่าตะกี้ว่าถูกต้องไหม ถูกต้อง สำคัญให้มีสติ ใครจะใช้อารมณ์ใดเป็นบทภาวนาก็ตาม สติต้องติดๆ เลย สติเป็นสำคัญมาก
ผู้กำกับ : ข้อ 2 ครับ กระผมได้นั่งภาวนาและฟังวิทยุเสียงธรรมของหลวงตาไปด้วย ไม่นานเท่าไรจิตก็ไม่รับรู้คำบริกรรมอีก รู้แต่ว่าใจนิ่งอยู่ตรงกลางอก แต่มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นคืออาการวูบวาบๆ ในใจ จะเกิดเป็นระยะๆ ไปครับ ตอนแรกนึกว่าง่วงนอนเกิดสัปหงก แต่พอตั้งสติกำหนดดูร่างกายยังนิ่งอยู่เหมือนเดิมมิได้เอนเอียง ความสงบเกิดเมื่อไรมักจะเป็นเมื่อนั้น อยากถามว่าเกิดเพราะอะไรควรแก้ไขยังไงครับอาการวูบๆ จึงจะหาย (จาก พระมหาองอาจ จ.สมุทรปราการ ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์องค์หลวงตาด้วยครับ)
หลวงตา : ไม่ต้องแก้ ปล่อยตามเรื่อง แต่หน้าที่การภาวนาอย่างไรให้ทำไปตามนั้น เรื่องวูบวาบมันเกิดขึ้นชั่วระยะกาลแล้วมันก็หายของมันไป ไม่ให้เป็นอารมณ์ ถ้าหากว่าไปกังวลกับมัน เสีย จึงไม่ให้เป็นกังวลกับมัน หน้าที่ของเราที่ภาวนาอย่างไรให้ทำตามหน้าที่ของตนไป อันนั้นมันจะวูบวาบๆ มันก็จะค่อยผ่านไป เท่านั้นนะ _________
(ท่านสามารถอ่านและรับชมรับฟังพระธรรมเทศนากัณฑ์นี้เต็มกัณฑ์ได้ที่หน้าเทศน์ประจำวันhttp://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=3597&CatID=2 หรืออ่านในหน้ารวมถาม-ตอบปัญหาธรรม)
|
|
|