คำถาม 
โดย : ผู้ที่พยายามฝึกภาวนา ถามเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2548

ออกจากการภาวนาด้วยความตกใจทำให้ภาวนาแบบเดิมไม่ได้

กราบนมัสการหลวงตาด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
มีอยู่ครั้งหนึ่งหลายปีมาแล้ว กระผมได้นั้งภาวนาโดยกำหนดลมหายใจพุทธโธ ตอนนั้งไปสักพักรู้สึกว่า ฐานด้านล่างของตัวขยายกว้างขึ้น ต่อจากนั้นเริ่มรู้สึกถึงลมหายใจเข้าออก ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังชัดเจน จากนั้นกระผมก็เห็นแสงสว่างสีขาวค่อยๆใหญ่ขึ้นเหมือนจะดึงผมเข้าไป อาการนี้ไม่เคยปรากฎกับผมมาก่อนครั้งนี้เป็นครั้งแรก ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจมาก ตกใจตื่นเต้นกลัวจนคุมสติไม่อยู่ ถึงกระทั้งอยากออกมาจากอาการนั้นในทั้นที หลังจากวันนั้นเป็นเวลาหลายวันเมื่อผมคิดถึงอาการนี้ทีไรรู้สึกขนลุกพอง น้ำตาจะไหล เป็นอยู่หลายวัน ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นี้ผ่านมาหลายปีแล้วผมก็ยังจำความรู้สึกอย่างนั้นได้ จากครั้งนั้นทำให้ผมเชื่อจับใจว่าการภาวนานี่เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง แต่หลังจากวันนั้นเวลาภาวนากระผมก็ไม่เคยเจออาการประหลาดอย่างนี้อีกเลยกระผมรบกวนกราบเรียนหลวงตาว่า 
1.การที่กระผมออกมาจากการภาวนาด้วยความตกใจอย่างนี้แล้วทำให้ภาวนาแบบเดิมไม่ได้ ใช่ไหมครับ 
2.การที่ภาวนาแล้วอาการแบบนี้ไม่เกิดขึ้นอีก เป็นเพราะรีบออกมาด้วยความตกใจ ทำให้จิตเสื่อมใช่ไหมครับ
3. ทำอย่างไรจะทำให้ภาวนาแบบที่เคยเป็นมา
4. ถ้าเกิดอาการประหลาดต่างๆขึ้นอีกกระผมควรจะทำอย่างไร
5.แล้วกระผมจะต้องทำอย่างไรต่อไปในการภาวนา 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2548

เรียนคุณผู้ถาม
หลวงตาเมตตาแสดงธรรมตอบปัญหาการภาวนาให้คุณ
เมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๔๘ ณ วัดป่าบ้านตาด  ดังนี้

ผู้กำกับ       :     คนที่ ๑ กระผมได้นั่งภาวนาโดยกำหนดลมหายใจพุทโธ สักพักรู้สึกว่าฐานล่างของตัวขยายกว้างขึ้น จากนั้นรู้สึกถึงลมหายใจเข้าออก ได้ยินเสียงหัวใจเต้นดังชัดเจน จากนั้นกระผมก็เห็นแสงสว่างสีขาวค่อยๆใหญ่ขึ้นเหมือนจะดึงผมเข้าไป อาการนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้ผมตื่นเต้นกลัวจนคุมสติไม่อยู่ อยากออกจากอาการนั้น หลายวันไปเมื่อผมคิดถึงอาการนี้ทีไรรู้สึกขนลุกพอง น้ำตาจะไหล เป็นอยู่หลายวัน ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นี้ผ่านมาหลายปีแล้วผมก็ยังจำความรู้สึกอย่างนั้นได้ จากครั้งนั้นทำให้ผมเชื่อจับใจว่าการภาวนานี่เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง แต่หลังจากวันนั้นเวลาภาวนากระผมก็ไม่เคยเจออาการประหลาดอย่างนี้อีกเลย กระผมรบกวนกราบเรียนหลวงตาว่า 
1.การที่กระผมออกมาจากการภาวนาด้วยความตกใจอย่างนี้ ทำให้ภาวนาแบบเดิมไม่ได้ ใช่ไหมครับ

หลวงตา     :     การภาวนาจะให้เป็นอย่างเก่าอย่างใหม่ไม่ได้ ต้องถือหลักปัจจุบัน ขึ้นในปัจจุบัน มันจะแสดงอะไรขึ้นมาก็รู้ก็เห็นในเวลานั้นแล้วก็ผ่านไปๆ จะไปเป็นอารมณ์กับสิ่งที่เป็นขึ้นแล้ว ผ่านไปแล้วนั้น มาถือเป็นอารมณ์นี้ใช้ไม่ได้ อะไรจะเกิดขึ้นให้มันเกิดขึ้น ให้มันรู้มันเห็นแล้วผ่านไปๆ ทีนี้พอผ่านไปแล้วอะไรที่จะมาเป็นคติเราก็ต้องจับมาพิจารณาอีก หลักใหญ่ภาวนาต้องให้อยู่ในวงปัจจุบัน

ผู้กำกับ       :     2. การที่ภาวนาแล้วอาการแบบนี้ไม่เกิดขึ้นอีก เป็นเพราะรีบออกมาด้วยความตกใจ ทำให้จิตเสื่อมใช่ไหมครับ

หลวงตา     :     อย่าไปวินิจฉัยมันเถอะ เรื่องมันเป็นแล้วก็ให้มันผ่านไปเสีย อย่าไปเป็นอารมณ์กับมัน จะไปสร้างความกังวลใส่ตนเองอีก อะไรที่ปรากฏขึ้นในปัจจุบันๆ นี้ก็ให้รู้ในปัจจุบัน พอผ่านไปแล้วอย่านำมาเป็นอารมณ์ เข้าใจหรือ พอพูดอย่างนี้เราก็ยังไม่ลืม พ่อแม่ครูจารย์ขนาบเราอยู่ที่หนองผือ เราไม่ลืมนะ ก็จิตมันเป็นเหมือนท่านที่อยู่ถ้ำสาริกา เราก็ไม่เคยคาดเคยคิด ไม่ได้วัดรอย ไม่เป็นอารมณ์ ของท่านเป็นของท่าน ของเราเป็นของเรา แต่เวลาพิจารณาภาวนาลงไปๆ มันจับติดๆ จับติดเรื่อยไปเรื่อย ลงเต็มที่แล้วสว่างจ้าครอบโลกธาตุเลยที่นี่ โอ้โห ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ อัศจรรย์ใหญ่หลวงทีเดียวละเรา รู้สึกตื่นเต้น เราไม่เคยเป็นนี่นะ พอไปเล่าให้ท่านฟังแล้ว ท่านก็ยืนยันทันที เอ้อ ถูกต้องแล้ว เหมือนกันกับผมอยู่ถ้ำสาริกา ที่เกิดความสว่างไสว เป็นแบบเดียวกันเลย เราก็เลยเป็นบ้า มาวันหลังก็ซัดอีกจะให้เป็นอย่างนั้นอีก มันก็ไม่เป็น กลับไปหาท่านอีก เอ๊ ทำไมทำจะให้มันเป็นอย่างนั้นอีกมันจึงไม่เป็น มันเป็นบ้าหรือ ท่านขนาบใหญ่ มันเป็นแล้วมันก็ผ่านไปแล้ว เอาปัจจุบันซิการภาวนา ไปหายึดอดีตอนาคตมายุ่งทำไม ท่านเลยดุเอาอย่างใหญ่ มันภาวนาเป็นบ้านะนี่น่ะ มันจะเป็นบ้านะนี่ ท่านขนาบอยู่เรื่องบ้า ย้ำแล้วย้ำเล่า เรายังไม่ลืม เอ้าว่าไปที่นี่

ผู้กำกับ       :     ก็เหมือนกันครับ นี่เขาบอกว่า 3.ทำอย่างไรจะทำให้ภาวนาเป็นแบบที่เคยเป็นมา 4. ถ้าเกิดอาการประหลาดต่างๆ ขึ้นอีกกระผมควรจะทำอย่างไร

หลวงตา     :     อย่าเป็นบ้าคนที่สองที่สามกันอีกมันจะต่อบ้าไปอีก เข้าใจหรือ เมื่อกี้พูดเรื่องบ้าให้ฟังแล้วนี่ พ่อแม่ครูจารย์มั่นขนาบเรา อันนี้คนนี้ก็มาอีก เราจะขนาบคนนี้ต่อเพื่อเอาทุนรอนกลับคืนมา มันเป็นแล้วก็แล้ว เรื่องภาวนาต้องเป็นอย่างนั้น จะไปเอาอารมณ์อะไรมาใส่ไม่ได้ ต้องเป็นปัจจุบันตลอดเลย เป็นอย่างไรให้รู้ให้เห็นชัดเจนในนั้น ถ้ามันจะเป็นขึ้นมาอีกอย่างไรก็ให้มันเป็นในหลักปัจจุบันของมัน ก็ไม่ขัดข้องอะไร ถ้ายึดอดีตเป็นอารมณ์ไม่ได้ ผิด เอ้าว่าไป
                                                 ________

(คุณสามารถอ่านและรับชมรับฟังพระธรรมเทศนากัณฑ์นี้เต็มกัณฑ์ได้ที่ หน้ากัณฑ์เทศน์ประจำวัน 
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=3581&CatID=2 และที่หน้ารวมถาม-ตอบปัญหาธรรม)

<< BACK

 


หน้าแรก