คำถาม 
โดย : ชิน ถามเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2548

พิจารณาเหตุเกิดของทุกข์

น้อมกราบบูชาองค์หลวงปู่ที่เคารพเทิดทูนบูชาอย่างสูงสุด

คืนวันเสาร์ที่ 11 มิ.ย. ลูกตั้งใจนั่งสมาธิ ๔ ชั่วโมง เพื่อบูชาองค์หลวงปู่ที่คอยเทศน์สั่งสอนมาเป็นอุบายให้ฝึกตนผ่านทางอินเตอร์เน็ตครับ  

และคืนวันเสาร์ต่อมา ลูกตั้งจิตอธิษฐานนั่งสมาธิ ๕ ชั่วโมง ลูกเดินได้ชั่วโมงกว่า แล้วเริ่มทำวัตร และเริ่มนั่งสมาธิก่อนตีหนึ่ง พิจารณาทุกข์ที่เกิดจากนั่ง ไล่หาต้นตอของทุกข์ตามอุบายที่องค์หลวงปู่เคยสอน  ไล่ลงไปตั้งแต่หนัง เนื้อ กระดูก คนตายไม่เห็นมีทุกข์ แต่เราไม่ตาย ทำไมจึงทุกข์เอานักหนา  ปวดแสบปวดร้อน เฉพาะบริเวณที่ปวด พิจารณาว่าทุกข์เกิดมาจากอะไร  จนจิตหดรวมเข้ามารู้เฉพาะหน้า คล้ายมองเห็นเป็นจุด ๆ หนึ่ง เหมือนจิตไม่เกาะเกี่ยว ทุกข์ก็เริ่มเบา จึงพิจารณา ขันธ์ ๕ และปัจจยาการ ที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ทั้งปวง ปวดกระดูกหลังจนต้องยืดตัวขึ้น  ทุกข์ที่ปวดแสบปวดร้อนก็เลยกระเพื่อมขึ้นมาใหม่ ได้แต่น้ำตาซึมกับทุกข์ที่เกิดนี้ ไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของพ่อแม่ครูอาจารย์ องค์หลวงปู่มั่น และองค์หลวงปู่มหาบัว เอาองค์ท่านมาเป็นคติตัวอย่าง ต้องฝึกต้องดัดต้องทรมานตน ทุกข์ของเรามันน้อยนิด ยิ่งอยากหายทุกข์ก็ยิ่งทุกข์ ได้เพียรตั้งหน้าสู้เป็นยก ๆ ไป  บทเรียนคราวนี้ช่างเป็นบทเรียนราคาแพง เห็นบุญเห็นคุณของพ่อแม่ครูอาจารย์องค์หลวงปู่เต็มหัวใจ  องค์ท่านเด็ดเดี่ยวกล้าหาญชาญชัย ได้น้อมเอามาเป็นกำลังใจแก่ตน เพื่อให้ถึงเวลาที่อธิษฐานไว้ ยิ่งตีสี่  สมองก็ยิ่งทื่อ ๆ (เพราะเริ่มนั่งเกือบตีหนึ่ง ถึงหกโมง) เมื่อครบกำหนด จึงค่อยจับขาออกแล้วเดินจงกรมต่อครึ่งชั่วโมง จึงทำวัตรครับ 

ลูกขอกราบเรียนถามว่า ขณะที่จิตหดรวมเข้ามารู้เฉพาะหน้า (ลมก็ยังปรากฏอยู่) แล้วน้อมเอาสิ่งที่มองเห็นคล้ายเป็นจุด ๆ หนึ่ง ซึ่งไม่รู้คืออะไร แต่ก็น้อมมาเป็นจุดเพื่อทำลาย โดยพิจารณาสาวถึงปัจจยาการ ไม่ทราบพอจะเป็นไปได้ไหมครับ  ลูกเข้าใจว่ากำลังของลูกยังไม่เพียงพอ ยังต้องเพียรฝึกให้มาก ทำให้มาก   จึงกราบเรียนขออุบายจากองค์หลวงปู่พิจารณาธรรมเพิ่มเติมครับ

จาก ลูก ...ผู้ติดกระแสเมตตาธรรมขององค์หลวงปู่ครับ

คำตอบ
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2548

เรียนคุณชิน
ทีมงานต้องขอย่อเอาแต่เนื้อคำถาม เพื่อรักษาเวลาให้หลวงตา และองค์หลวงตาท่านเมตตาตอบปัญหาจิตตภาวนาให้คุณ
เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๘

หลวงตา     :     ที่พิจารณานี่ถูกต้องแล้วนะ พิจารณาไล่ไปมันทุกข์ตรงไหนๆๆ ทุกข์ตรงไหนไล่เข้าไปๆ มันก็มาจนตรอกที่จิตซึ่งไปหมายเข้านั่นแหละ พอมาถึงจิตนี่แล้วอันนั้นก็ดับไปหมด ไม่มีอะไรเหลือ จิตก็รู้ตัวแล้วก็แน่วเลย พิจารณานี้ถูกต้องแล้ว ถ้าไล่เข้ามานี้จะเพื่อความสงบแหละ ถ้าไล่เรื่องทุกข์เรื่องอะไรมันเกิดที่หนังที่เนื้อ ที่เอ็นที่กระดูก หรือเกิดที่ตรงไหนๆ ไล่มันเข้าไป ถ้าว่าเกิดที่หนังเนื้อเอ็นกระดูกตายแล้วเอาไปเผาไฟเขาว่าไง เขาไม่เห็นบ่นว่าทุกข์ว่ายากลำบาก ว่าร้อนว่าหนาว เวลามีชีวิตอยู่มันเป็นอะไร มันเป็นอะไรก็ไล่เข้ามาถึงจิต

นี่ละเรียกว่าไล่หาสัจจธรรม สัจจธรรมอยู่กับเรา ความจริง เมื่อมันเข้าใจนี่แล้วสิ่งเหล่านั้นมันก็ระงับของมันลงไป เข้าใจ พิจารณาอย่างนี้ถูกต้องแล้ว ให้ไล่เข้ามา มันทุกข์ตรงไหนไล่ เราอยากให้ทุกข์หายไม่ได้นะ มันจะเกิดมากเกิดน้อยอย่าไปอยากให้มันหาย มันยิ่งทวีนะ พิจารณาตามความจริง มันทุกข์ตรงไหนมาก ดูทุกข์ให้มากด้วยสติด้วยปัญญาฟัดกันลงไปนั้น เดี๋ยวมันก็จางลงเข้าใจๆ ปั๊บๆ ทีนี้พอเข้าใจนี้มันก็เข้าใจไปตามๆ กันหมด เพราะเป็นอาการอย่างเดียวกัน เข้าใจเหรอ 

นี่ละการพิจารณา ถ้าพิจารณาอย่างนี้แล้วจะได้หลัก ใครไล่เบี้ยเรื่องความทุกข์ทั้งหลายที่มันเกิด เกิดขึ้นมามากๆ กลัวแต่จะตายคนนั้นไม่ได้เรื่องนะ ล้มเหลว ไม่ต้องกลัวตาย คำว่าเกิดตายมีอยู่กับทุกคนนั่นแหละ ผู้ภาวนาก็มี ผู้ไม่ภาวนาก็มี เราภาวนาเพื่อให้รู้เรื่องของมัน เรื่องความตายเป็นอะไร อะไรตายแน่ ไล่หามัน ทีนี้ทุกข์นั้นไล่เข้าไปหามันก็ไม่มี หนังก็เป็นหนังธรรมดา หนังรองเท้าเห็นไหมล่ะ ใส่เหยียบขวากเหยียบหนาม เหยียบขี้เหยียบอะไรมันก็ไม่เห็นว่าอะไร หนังว่าอยู่กับเราทำไมมันไม่เป็นอย่างนั้นล่ะ  พิจารณาอย่างนั้นซิ

เนื้อก็เหมือนกัน เนื้อเป็ดเนื้อไก่เอามากินไม่เห็นเป็นอะไร เนื้อเราทำไมใครแตะไม่ได้ เดี๋ยวเจ็บนั้นทุกข์นี้ กระดูก-เอ็นไล่เข้าไปให้มันเห็นทุกสัดทุกส่วน คืออันนี้มันมีสักแต่ว่าสภาพอันหนึ่งเท่านั้น จิตเข้าไปยึดอยู่ในนั้น พอจิตเข้าใจแล้วจิตถอยออกมาสิ่งเหล่านั้นก็เป็นความจริงของเขาอยู่ตามเดิม เข้าใจเหรอ มีเท่านั้นละ
                                              ____________

(คุณสามารถอ่านและรับชมรับฟังพระธรรมเทศนาเต็มกัณฑ์ได้ที่หน้าเทศน์ประจำวันที่ ๒๑ มิถุนายน และอ่านได้ที่หน้ารวมถาม-ตอบปัญหาธรรม)


<< BACK

 


หน้าแรก