|
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
คำถาม
|
|
โดย : จากแม่ที่เฝ้าการกลับมาเป็นคนดีของลูก ถามเมื่อวันที่
14 มิ.ย. 2548 |
โปรดสงเคราะห์เยาวชนของชาติ
กราบเรียนพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เคารพ ด้วยความเมตตาที่กรุณายกชาติ ศาสนา ช่วยชาติให้พ้นภัย จากผลงานที่ประจักษ์ใจคนทุกหมู่เหล่าแล้ว ลูกกราบขอความกรุณาจากพระคุณท่าน เมตตาช่วยเหลือยกจิตยกใจเยาวชนของชาติด้วย เนื่องจากในยุคนี้ เด็กไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแม่ เถียงครูอาจารย์ มีความประพฤตินอกกรอบศีลธรรมอันดีงาม ไม่เห็นคุณค่าของความดี พูดจาไม่สุภาพ กระด้างกระเดื่อง ก้าวร้าว แต่งกายไม่สมควร และมีการเลียนแบบในสิ่งที่ไม่ดี แต่กลับเห็นว่าเท่ห์ เก๋ใก๋ และเป็นกันมาก ๆ ทำให้เป็นกังวล และเป็นห่วงอนาคตของเด็กที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ของชาติว่า จะเป็นอย่างไร ได้เคยปรึกษาครูผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งก็บอกตรงกันว่า เหนื่อยเหลือเกิน เหมือนมีใครบางกลุ่มต้องการให้สังคมและประเทศชาติเป็นแบบนี้ แทรกเข้าไปในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเพลง การแต่งเนื้อแต่งตัว การสื่อสารต่าง ๆ เวบไซด์ สถานบันเทิงมอมเมาเยาวชน ด้วยเห็นแก่เงินเป็นที่ตั้ง ไม่เห็นแก่ส่วนรวม พ่อแม่หัวใจแทบสลาย ไม่รู้ว่ากำลังสู้อยู่กับอะไร รัฐบาลเคยบอกว่าให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน แต่ต่างคนต่างทำ ไม่มีพลังเพียงพอ ลูกมองไม่เห็นใครแล้ว ก็เห็นแต่ความเมตตากรุณา ความเด็ดเดี่ยวของพระคุณท่านกับผลงานที่ผ่านมาต่อคนในชาติ ขอได้โปรดช่วยสงเคราะห์เยาวชนของชาติ เฉกเช่นการช่วยชาติศาสนาที่ผ่านมา เพื่อให้เป็นผลในรูปธรรมด้วยเถิด กราบเรียนด้วยความเคารพอย่างสูง
|
คำตอบ |
|
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2548 |
หลวงตาเมตตาแสดงธรรมตอบให้คุณ เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๘ ณ วัดป่าบ้านตาด ดังนี้
หลวงตา : อันนี้มันก็มีอยู่ทั่วไป ก็เพราะการไม่ระมัดระวัง การปล่อยเนื้อปล่อยตัวทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่มันก็เลอะเทอะไปหมด ถ้าต่างคนต่างเข้มงวดกวดขันตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่จนกระทั่งถึงข้าราชการงานเมือง วงรัฐบาล ตั้งเนื้อตั้งตัวที่จะปฏิบัติปรับปรุงตัวเองให้เป็นคนดี และเป็นตัวอย่างแก่คนอื่นได้ มันก็ดีไปทั่วหน้ากันนั่นแหละ ถ้าต่างคนต่างปล่อยเนื้อปล่อยตัว บ่นเท่าไรว่าเท่าไรก็เท่าเดิม ยิ่งทวีรุนแรงมากขึ้น เพราะเวลานี้คนเราปล่อยเนื้อปล่อยตัวมาก ทางด้านอรรถด้านธรรมถือเป็นข้าศึกไปแล้วเวลานี้ ด้านอรรถด้านธรรมเป็นสิ่งชะล้างสิ่งสกปรก กลายเป็นข้าศึกต่อความสกปรกไปแล้ว ความสกปรกไม่ยอมรับ ดีอยู่ตั้งแต่ความสกปรกของตัวเอง สกปรกขนาดไหนก็ว่าดีๆ
นี่ละคนที่ทำผิดได้มากตลอด ไม่มีเวลายับยั้งชั่งตัวได้ ก็คือเห็นความสกปรกของตัวว่าเป็นของดี ถ้าเห็นความสกปรกเป็นของสกปรกตามธรรมที่ท่านสอนไว้แล้ว ธรรมท่านเป็นข้าศึกต่อใครล่ะ ความสกปรกนั่นเป็นข้าศึกต่อเรา คือกิเลส นั่นละ ถ้าแก้ตรงนี้มันก็แก้ได้ละซิ ก็ไม่เห็นหรือธรรมเขาคัดค้าน พวกเปรตพวกผีว่ามันชัดๆ อย่างนี้ คัดค้านต้านทานธรรม เอาธรรมเป็นข้าศึกต่อเขาเอง แล้วเอาธรรมเป็นผู้ต้องหาเวลานี้ กีดกันท่านั้นท่านี้ เรื่องอรรถเรื่องธรรมสอนโลกให้เป็นคนดีมามากต่อมากแล้ว เรื่องความสกปรกรกรุงรังของกิเลสไปสอนใครให้เป็นคนดี แม้แต่เจ้าของก็เลอะเทอะพอแล้ว แล้วจะไปสอนใครให้เป็นคนดีเพราะอำนาจของกิเลสนี้ไม่เคยมี นี่ละที่โลกเดือดร้อนทุกวันนี้เพราะเชื่อกิเลสมากกว่าเชื่อธรรม ถ้าธรรมออกมาสอนก็มีกีดมีกันทุกสิ่งทุกอย่างดังที่เห็นนี่ เห็นไหมล่ะ เขาออกทางวิทยุ บังคับให้อยู่ในระดับนั้นระดับนี้ สุดท้ายเทศน์ให้ได้ไม่เกิน ๑๕ กิโล อย่างนี้ซิฟังซิน่ะ ไอ้มูตรคูถส้วมถานนั่นน่ะมันไปสั่งสอนอบรมธรรมของพระพุทธเจ้าที่กระเทือนโลกมานานให้ปฏิบัติตามมัน พวกมูตรพวกคูถนั่นเวลานี้ มันน่าสลดสังเวชไหม
ธรรมเป็นสิ่งที่เลิศเลอมาดั้งเดิม สอนคน คนชั่วขนาดไหนก็ตามดีได้ ถ้าเอาธรรมเข้ามาสอน ปฏิบัติตามธรรมแล้ว ถ้าไม่ยินดีในธรรม ยินดีแต่ความชั่วแล้วเลวไปตลอด ยังเหลือแต่ลมหายใจฝอดๆ เท่านั้น ตายแล้วก็จมเลย เจ้าของว่าจะขึ้นฟ้าขึ้นเมฆที่ไหนก็ตามแต่จิตใจที่ต่ำทรามแล้วจมทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครเกินพระพุทธเจ้าเรื่องความแม่นยำในการสอนโลก สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว ฝืนไปเท่าไรคนนั้นก็ฝืนตัวเอง ทำลายตัวเองนั้นแหละ ก็มีเท่านั้น __________ (คุณสามารถอ่านและรับชมรับฟังพระธรรมเทศนากัณฑ์นี้เต็มกัณฑ์ได้ที่หน้าเทศน์ประจำวัน http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=3433&CatID=2 หรืออ่านได้ที่หน้ารวมถาม-ตอบปัญหาธรรม)
|
|
|