คำถาม 
โดย : ยง ถามเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2548

พิจารณาภายใต้กฎไตรลักษณ์

กระผมขออนุญาตกล่าวเริ่มต้นการปฏิบัติของกระผมก่อน  คือกระผมก็ทำความรู้อยู่กับอานาปานสติ เข้า-พุท , ออก-โธ  พิจารณากายเป็นเพียงธาตุ  บางครั้งเมื่อมีสิ่งใดเกิดก็พิจารณาสิ่งเหล่าเป็นเพียงขันธ์  เป็นธรรมดาของสิ่งปรากฏขึ้นภายใต้กฎแห่งไตรลักษณ์  ปฏิบัติอย่างนี้มาเป็นระยะเวลาหลายปี  
กระผมมีหลายคำถาม ขอแยกเป็นข้อดังนี้ครับ
ข้อ 1. หลังจากที่กระผมนอนภาวนาจงหลับ  ผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมง  รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเอง  แล้วกระผมก็ลุกขึ้นนั่งดูนาฬิกาแล้วนั่งภาวนาต่อทันทีโดยวิธีอานาปานสติ  รู้สึกจิตสงบอยู่กับตัวรู้กับลมที่เริ่มละเอียดลงไปเรื่อยๆ นั้นตลอดจนกระทั่ง  ตัวรู้นี้เด่นชัดมากจากร่างกาย  ไม่มีลมใดๆ  รู้ว่าจิตไม่ใช่กาย  กระผมก็นั่งทำความรู้ส่วนหนึ่งอยู่ว่ากายนั่ง  แต่ตัวรู้อีกส่วนหนึ่งนั้นก็รู้อยู่ในเบื้องหน้าด้วย  รู้สึกอย่างนี้เป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง  หลังจากนั้น  จิตก็ถอนออกมาเอง  แล้วกระผมก็นั่งพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมงก็ไม่ค่อยชัดเจนเท่าที่ควร  
ข้อ 2.  ค่ำคืนวันหนึ่ง หลังจากกระผมเดินจงกลมตั้งแต่ช่วงเย็นจนมืดมองไม่เห็นทาง  กระผมจึงมานั่งพักภาวนาโดยพิจารณากาย  เริ่มต้นจากศีรษะ, ผม, ตา, จมูก, ปาก, กะโหลกศีรษะของตนเอง   จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นาน ประมาณ 10-15 นาที่  กระผมรู้สึกลมเบา-ละเอียดมาก  สติกับจิตรู้อยู่กับอาการเหล่านั่น  ไม่มีความรู้สึกอะไรกับอาการต่างๆ (เฉยๆ) สักครู่ต่อมาก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองนี้ประกอบไปด้วยส่วนละเอียดต่างๆ ที่ปะปนกันอยู่ทั่วร่าง  เหมือนเราเป็นเพียงหุ่นทรายตัวหนึ่งเท่านั้น  รู้สึกอย่างนี้อยู่ประมาณเกือบชั่วโมง  แล้วจิตก็ถอนออกมาเอง  
กระผมจะทำอย่างไรดีครับหลวงตา  กระผมก็พยายามปฏิบัติต่อไปส่วนผลที่เกิดขึ้นตามมาเล็กๆ น้อยๆ นั้นกระผมก็พอจะเข้าใจได้   จึงไม่อยากรบกวนหลวงตามาก  กระผมจะพยายามไปให้ถึงที่สุดแห่งความจริงให้ได้ครับกระผม  ขอความเมตตาจากหลวงตา  ให้หลวงตาช่วยแนะนำกระผมด้วยครับผม  แบบแปลนของผมคงยังไม่ชัดเจนเท่าไรนัก  ขอให้หลวงตาช่วยสอนแนะด้วยครับผม
สุดท้ายนี้ขอหลวงตาช่วยเมตตาสอนโปรดสัตว์โลกให้พ้นจากทุกข์ตามเห็นแก่สมควรด้วยครับผม

คำตอบ
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2548

เรียนคุณยง
หลวงตาเมตตาแสดงธรรมตอบให้คุณ
เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ณ วัดป่าบ้านตาด  ดังนี้

ผู้กำกับ      :     กระผมทำความรู้อยู่กับอานาปานสติ เข้า-พุท  ออก-โธ พิจารณากายเป็นเพียงธาตุ  บางครั้งเมื่อมีสิ่งใดเกิดก็พิจารณาสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงขันธ์  เป็นธรรมดาของสิ่งปรากฏขึ้นภายใต้กฎแห่งไตรลักษณ์  
กระผมมีหลายคำถาม 
ข้อ 1. ผมภาวนาวิธีอานาปานสติ  รู้สึกจิตสงบอยู่กับตัวรู้กับลมที่เริ่มละเอียดลงไปเรื่อยๆ นั้นตลอดจนกระทั่ง  ตัวรู้นี้เด่นชัดมากจากร่างกาย  ไม่มีลมใดๆ  รู้ว่าจิตไม่ใช่กาย  กระผมก็นั่งทำความรู้ส่วนหนึ่งอยู่ว่ากายนั่ง  แต่ตัวรู้อีกส่วนหนึ่งนั้นก็รู้อยู่ในเบื้องหน้าด้วย  รู้สึกอย่างนี้เป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง  หลังจากนั้น  จิตก็ถอนออกมาเอง  แล้วกระผมก็นั่งพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมงก็ไม่ค่อยชัดเจนเท่าที่ควร  

หลวงตา     :     ให้พิจารณาอีกมันจะชัดเจนเอง กำหนดอานาปานสติ สำคัญกับสติให้ติดกัน มันจะสร้างผลขึ้นมาอย่างอัศจรรย์ ผลจะแตกออกไปจากเหตุเบื้องต้นคืออานาปานสติ เท่านั้นละ

ผู้กำกับ       :     ข้อ 2.  หลังจากกระผมเดินจงกรมตั้งแต่ช่วงเย็นจนมืดมองไม่เห็นทาง  กระผมจึงมานั่งพักภาวนาโดยพิจารณากาย  เริ่มต้นจากศีรษะ, ผม, ตา, จมูก, ปาก, กะโหลกศีรษะของตนเอง   จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นาน ประมาณ 10-15 นาที กระผมรู้สึกลมเบา-ละเอียดมาก  สติกับจิตรู้อยู่กับอาการเหล่านั้น  ไม่มีความรู้สึกอะไรกับอาการต่างๆ (เฉยๆ) สักครู่ต่อมาก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองนี้ประกอบไปด้วยส่วนละเอียดต่างๆ ที่ปะปนกันอยู่ทั่วร่าง  เหมือนเราเป็นเพียงหุ่นทรายตัวหนึ่งเท่านั้น  รู้สึกอย่างนี้อยู่ประมาณเกือบชั่วโมง  แล้วจิตก็ถอนออกมาเอง   กระผมจะพยายามไปให้ถึงที่สุดแห่งความจริงให้ได้ครับกระผม  ขอความเมตตาจากหลวงตาช่วยแนะนำกระผมด้วยครับผม  (จาก ยง)

หลวงตา     :     ให้ทำไปอย่างนั้นเรื่อยๆ ความเพียรทำไป มันจะค่อยแตกกระจายออกไป
                                          ___________

คุณสามารถอ่านและรับชมรับฟังพระธรรมเทศนาเต็มกัณฑ์ได้ที่
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=3223&CatID=2

<< BACK

 


หน้าแรก