คำถาม 
โดย : โอ๊ต ถามเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2547

นอกจากอสุภะแล้ว ควรกำหนดให้เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วยหรือไม่

กราบนมัสการหลวงตาที่เคารพ ขอเรียนถามปัญหา ครับ
1. ผมเป็นฆารวาส ปัจจุบันผมกำลังพิจารณากายอยู่ โดยพิจารณาผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ให้เป็นปฏิกูล มันมีความรู้สึก ยุบยิบๆ ในจิต ครับ เช่น พอนึกถึง ผม หรือหนังว่าปฏิกูลปั๊บ มันก็แสดงอาการปฏิกูลทันที บ้างก็หลุดออกมาให้เห็น ทำไมมันถึงรู้สึกยุบยิบๆ เวลาทำงานก็ทำปกติไป แต่เหมือนอีกจิตหนึ่งก็อยากจะพิจารณาให้ต่อเนื่อง แต่มันก็ต้องทำงาน ตอนนอนนอนไม่ค่อยหลับเลยคับ เพราะมันพอใจจะพิจารณาแบบนี้ แต่ไม่ค่อยชัด เพราะมันเบาสบาย  ถูกไหมครับ การพิจารณากาย พิจารณาแบบนี้ ใช่ไหมคับ

2. นอกเหนือจากอสุภะแล้ว ควรกำหนดให้เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วยไหมคับ?  แล้วบางครั้งพอพิจารณาอยู่ จิตมันก็มายึดตรงอกตัวเอง แล้วพิจารณาทุกขังว่าอะไรเป็นทุกข์ อก เป็นทุกข์เหรอ ลองลอกหนังจนถึงกระดูก แล้วทุกข์จากการยึดอกมันก็ดับ หรือบางครั้งก็เป็นแบบทุกข์ก็อยู่ส่วนทุกข์?

3. ทำไมเวลาพิจารณาแล้วจิตมันมาเด่นอยู่ที่กลางอก เหมือนมันหดตัว แต่ก็ไม่ถาวร บ้างครั้งมันก็ไปยึดกายอีกแต่ไม่หนักเหมือนยังไม่เคยพิจารณา พอรู้เท่าทัน หรือพิจารณาจิตมันก็มาเด่นอยู่กลางอกอีก ต้องทำยังไงต่อไปคับ

4. บางครั้งจิตมันบอกว่าพิจารณาพอแล้ว จะพิจารณาอีกเหมือนมันไม่สนใจต่อ ต่อมาเหมือนกิเลสมันค่อยๆแทรกตรงไอ้ความนอนใจบอกว่าพิจารณาพอแล้ว ตรงนี้จะแก้อย่างไร ให้รู้เท่าทันหรือเปล่าครับ

ขอบพระคุณหลวงตาครับ
โอ๊ต


คำตอบ
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2547

เรียนคุณผู้ถาม
หลวงตาเมตตาแสดงธรรมตอบปัญหาจิตตภาวนาให้คุณ
เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๔๗ ณ วัดป่าบ้านตาด  ดังนี้

ผู้กำกับ       :     ปัจจุบันผมกำลังพิจารณากาย โดยพิจารณาผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ให้เป็นปฏิกูล มันมีความรู้สึกยิบๆ ในจิต เช่นพอนึกถึงผมหรือหนังว่าปฏิกูลปั๊บ มันก็แสดงอาการปฏิกูลทันที บ้างก็หลุดออกมาให้เห็น ทำไมมันถึงรู้สึกยุบยิบๆ เวลาทำงานก็ทำปรกติไป แต่เหมือนอีกจิตหนึ่งก็อยากจะพิจารณาให้ต่อเนื่อง แต่มันก็ต้องทำงาน ตอนนอน นอนไม่ค่อยหลับเลยเพราะมันพอใจจะพิจารณาแบบนี้ แต่ไม่ค่อยชัด เพราะมันเบาสบาย ถูกไหมครับ

หลวงตา     :     ถูกต้องๆ พิจารณาอย่างนั้นแหละ กองทุกข์อยู่กับอันนี้แหละ กับภูเรา ภูเขาไม่ติดมาติดภูเรา ให้แก้ภูเราด้วยการพิจารณาตามพระพุทธเจ้าสอน พังทลายภูเราออกแล้วพังหมดโลกธาตุนี้ไม่มีเหลือ อย่าว่าแต่ภูเขาที่อยู่ในโลกธาตุนี้เลย พังหมดถ้าลงอันนี้ได้เข้าถึงไหน

ผู้กำกับ       :     ข้อที่สองครับ นอกเหนือจากอสุภะแล้ว ควรกำหนดให้เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วยใช่ไหมครับ 

หลวงตา     :     ใช่ๆ เอ้าว่าไป

ผู้กำกับ       :     บางครั้งพิจารณาอยู่จิตมันก็มายึดตรงอกตัวเอง แล้วพิจารณาทุกขังว่าอะไรเป็นทุกข์ อกเป็นทุกข์เหรอ ลองลอกหนังออกจนถึงกระดูก แล้วทุกข์จากการยึดอกมันก็ดับ หรือบางครั้งก็เป็นแบบทุกข์ก็อยู่ส่วนทุกข์ 

หลวงตา     :     ก็มีเท่านั้นจะให้ว่าอะไรอีก

ผู้กำกับ       :     ข้อสาม ทำไมเวลาพิจารณาแล้วจิตมันมาเด่นอยู่ที่กลางอกเหมือนมันหดตัว แต่ก็ไม่ถาวร บางครั้งมันก็ยึดกายอีก แต่ไม่หนักเหมือนยังไม่เคยพิจารณา พอรู้เท่าทันหรือพิจารณาจิตมันก็มาเด่นอยู่กลางอกอีก ต้องทำยังไงต่อไปครับ

หลวงตา     :     ถูกต้องแล้วให้พิจารณาอย่างนั้นต่อไป เวลาชำระแล้วมันจะคล่องแคล่วว่องไวและเข้าใจตัวเองไปโดยลำดับ

ผู้กำกับ       :     ข้อสี่ บางครั้งจิตมันบอกว่าพิจารณาพอแล้ว จะพิจารณาอีกเหมือนมันไม่สนใจ 

หลวงตา     :     ไม่สนใจก็ให้อยู่ในความสงบ ไม่สนใจกับการพิจารณาแล้วก็ให้เข้าไปอยู่ในความสงบ คือรู้อยู่โดยเฉพาะ

ผู้กำกับ       :    ต่อมาเหมือนกิเลสมันค่อยๆ แทรกตรงความนอนใจ บอกว่าพิจารณาพอแล้ว ตรงนี้จะแก้อย่างไร ให้รู้เท่าทันหรือเปล่าครับ

หลวงตา     :     เวลาพอก็พอ คือเวลาเราเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าก็พักงาน เรียกว่าพอเสียก่อนวันนี้ วันหลังซ้ำใหม่อย่างนี้ เข้าใจเหรอ มันพอเป็นระยะๆ หิวเป็นระยะ อิ่มเป็นระยะ เอ้าว่าไป

                                               _________

(คุณสามารถอ่านและรับชมวิดีโอพระธรรมเทศนากัณฑ์นี้เต็มกัณฑ์ที่
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=3037&CatID=2)

<< BACK

 


หน้าแรก