คำถาม 
โดย : ดนัย ถามเมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2547

จิตมีอาการปีติตัวลอย

กราบนมัสองค์หลวงตาด้วยความศรัทธายิ่ง
1. กระผมอยากกราบเรียนถามว่า ผมปฏิบัติโดยการทำความรู้อยู่กับร่างกายตลอดเวลาและตามรู้ความคิดและอารมย์ต่างๆที่มากระทบจิตอยู่ตลอด เมื่อมีอารมณ์พอใจหรือไม่พอใจก็จะกำหนดรู้ให้ทัน รู้แล้วก็ปล่อยวาง จะทำอย่างนี้ตลอด กำหนดทันบ้างไม่ทันบ้างคงเพราะสติยังอ่อน และจะนั่งสมาธิช่วงก่อนนอน แต่เน้นสติตามรู้อาการทางกาย ความคิด และรู้เท่าทันอารมย์มากกว่าการนั่ง ถ้าหลานปฏิบัติอย่างนี้ไปตลอดไป กิเลสต่างๆจะค่อยๆหมดไปได้หรือไม่ครับ เพราะเห็นหลวงตาบอกกิเลสต้องมีสมาธิเป็นพื้นฐาน จึงทำให้ปัญญามีกำลังพอที่จะตัดกิเลสไปได้ แล้วที่หลานทำอยู่นี้ถูกต้องหรือเปล่า หรือว่าต้องเน้นสมาธิไปด้วยครับ  2. แต่เกือบทุกครั้งที่นั่งสมาธิ จิตของหลานมักจะจำอาการของปีติที่เคยเกิดขึ้น คืออาการตัวลอย จิตจะเป็นไปเองทุกครั้ง ครั้ง แล้วก็ไปนิ่งสบาย สงบลุ่มลึกไปเรื่อยๆ อย่างนี้จะถูกหรือไม่หลวงตาช่วยแนะนำด้วยครับ

คำตอบ
เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2547

เรียนคุณดนัย
หลวงตาเมตตาแสดงธรรมตอบให้คุณ
เช้าวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๔๗ ณ วัดป่าบ้านตาด  ดังนี้
         
ผู้กำกับ            :     ๑. ผมปฏิบัติโดยการทำความรู้อยู่กับร่างกายตลอดเวลา และตามรู้ความคิดและอารมณ์ต่างๆ ที่มากระทบจิตอยู่ตลอด เมื่อมีอารมณ์พอใจหรือไม่พอใจก็จะกำหนดรู้ให้ทัน รู้แล้วก็ปล่อยวาง จะทำอย่างนี้ตลอด กำหนดทันบ้าง ไม่ทันบ้าง คงเพราะสติยังอ่อน และจะนั่งสมาธิช่วงก่อนนอน แต่เน้นสติตามรู้อาการทางกาย ความคิด และรู้เท่าทันอารมณ์มากกว่าการนั่ง ถ้าหลานปฏิบัติอย่างนี้ไปตลอด กิเลสต่างๆ จะค่อยๆ หมดไปได้หรือไม่ครับ เพราะเห็นหลวงตาบอกกิเลสต้องมีสมาธิเป็นพื้นฐาน จึงทำให้ปัญญามีกำลังพอที่จะตัดกิเลสไปได้ แล้วที่หลานทำอยู่นี้ถูกต้องหรือเปล่า หรือว่าต้องเน้นสมาธิไปด้วยครับ  

หลวงตา          :     ให้ปฏิบัติอย่างที่ปฏิบัตินั่นแหละ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องถามมา ขี้เกียจตอบ เขาก็ปฏิบัติกันทั่วโลกอยู่แล้ว ปฏิบัติแบบนี้แหละเขาก็ไม่เห็นถามมา เพราะฉะนั้นจึงว่าขี้เกียจตอบ เอ้าต่อไป

ผู้กำกับ             :     ข้อ ๒.ครับ เกือบทุกครั้งที่นั่งสมาธิ จิตของหลานมักจะจำอาการของปีติที่เคยเกิดขึ้น คืออาการตัวลอย จิตจะเป็นไปเองทุกครั้ง แล้วก็ไปนิ่งสบาย สงบลุ่มลึกไปเรื่อยๆ อย่างนี้จะถูกหรือไม่ หลวงตาช่วยแนะนำด้วยครับ (จาก ดนัย)

หลวงตา           :     เอ้าทำไป มันจะลอย มันจะเหาะขึ้นฟ้าแข่งนกเขาบ้างซิเป็นอะไร เรื่องนี้ก็มีอยู่ในธรรมแล้ว พวกปีติห้าหรืออะไร แต่ว่าตัวลอยมีในปีติ ทุกวันนี้ก็มีนะ พระก็มี ฆราวาสก็มี นั่งภาวนานี้ตัวลอยขึ้นไป ทุกวันนี้ยังมี นี่ก็เป็นปีติประเภทหนึ่ง ผิดไหมพระพุทธเจ้าสอนไว้ เวลานั่งภาวนาตัวลอยขึ้นๆ กำหนดเมื่อไรขึ้นเรื่อย ถ้าค่อยปล่อยมันก็ลง อย่างที่ท่านอาจารย์เสาร์ท่านขึ้นตัวลอย อย่างพระทุกวันนี้มีนะ ฆราวาสก็มี นี่ละธรรม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฆราวาสกับพระ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้หญิงผู้ชาย ขึ้นอยู่กับที่หัวใจไม่มีเพศอย่างเดียวกัน ใจไม่มีเพศ เท่านั้นแหละ หมดแล้วเหรอ
                                              __________

(คุณสามารถกดอ่านและรับชมพระธรรมเทศนากัณฑ์นี้เต็มกัณฑ์ได้ที่http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=2930&CatID=2)
          

<< BACK

 


หน้าแรก