ขอให้ตายใจในธรรมของพระพุทธเจ้า
วันที่ 14 ธันวาคม 2548 เวลา 8:20 น.
สถานที่ : ศาลา สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

เมื่อเช้าวันที่ ๑๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

ขอให้ตายใจในธรรมของพระพุทธเจ้า

         (หลวงตามองภาพในหนังสือพิมพ์ที่ถ่ายกับสมเด็จพระสังฆราช) นี่เวลาท่านจ้อกัน ดูอาการท่านจ้อกัน ท่านนิ่งเฉย ทางนี้ก็กำลังจ้อ สนใจกัน (สื่อใจไม่ผ่านวาจา) สื่อใจอะไรจ้อตลอด จับมือจับแขนกัน เท่ากับเพื่อนเก่า เป็นเพื่อนกัน แต่ก่อนเป็นเพื่อนกัน พรรษาท่านแก่กว่าเราสามเดือน เราเกิดแก่กว่าท่านดูเหมือนสองเดือนหรือสามเดือน นี่ละเพื่อนเก่าคุยกัน สนิทกัน (ไม่ต้องมีเสียงนะครับ) ไม่มีเสียง เราจะใช้เสียงน้อยมาก แต่ท่านไม่ได้ใช้ เสียงท่านไม่ได้ใช้ มีแต่เราใช้กราบเรียนท่าน ที่เหลือเราก็มาเยี่ยมท่านอะไรๆ นิดหน่อย แต่ดูอาการก็สนใจ จับมือจับแขนกันดูซิน่ะ ใครจะไปจับมือจับแขนท่านได้ มีแต่หลวงตาละจับได้สบาย นี่ดูเอา

         (หลวงตาท่านหยิบหนังสือพิมพ์มาดูภาพ ท่านกับสมเด็จพระสังฆราชตลอดที่ท่านเทศน์เรื่องสมเด็จพระสังฆราช) ท่านไม่ได้ใช้วาจาเลยนะ ไม่พูดเลย มีแต่เราพูดเล็กน้อย พอให้ท่านทราบเท่านั้น แล้วก็ไม่อยู่นาน เวลาสำคัญๆ ท่านคุยธรรมะเรื่องภายในสำคัญๆ อยู่มาก เฉพาะสองต่อสอง เรื่องสำคัญท่านจะถาม คุยกันธรรมดา ว่าท่านพูดน้อยท่านก็ไม่ได้พูดน้อย เวลาคุยกันเฉพาะสองต่อสองคุยกันธรรมดาเลยนะ เวลาออกสังคมท่านพูดน้อยมาก

         เวลาคุยกันสองต่อสองนี้คุยกันธรรมดาเลย มีอะไรท่านก็รับสั่งถามมา เราก็ตอบไปๆ ท่านถามข้ออรรถข้อธรรมข้อใด พูดกันธรรมดา แต่เวลาสิ่งสำคัญๆ ท่านมักจะถามเฉพาะสองต่อสอง อยู่วัดบวรฯก็ดี อยู่วัดป่าบ้านตาดก็ดี แต่ท่านรู้สึกว่าอาการของท่านเพียบกว่าเรามากนะ ทั้งๆ ที่อายุเท่ากัน เราแก่กว่าท่านดูเหมือนสามเดือน เวลาบวชท่านก็แก่กว่าเราสามเดือน ไล่เลี่ยกัน แต่ดูท่านรู้สึกจะเพียบกว่าเรามากอาการทุกอย่าง

         วันนี้ก็ไม่พูดอะไรมากนักละ วันไหนพูดทุกวันๆ นี่ตอนกลางคืนเทศน์ทุกคืนนะ ออกวิทยุกระจายทั่วประเทศไทยทุกคืนๆ ส่วนไปเทศน์ที่ไหนต่อที่ไหนไม่ทราบ แต่เทศน์ที่นี่ออกวิทยุเดี๋ยวนั้นเลย

         เห็นไหมล่ะพระท่านคอยดูแลอุปถัมภ์อุปัฏฐากท่าน บกพร่องที่ไหน ไหนจะไปหาใครมาทำงานแทนสมเด็จสังฆร่งฆราช มันเสือกหาอะไร ว่าอย่างนี้ละเรา มันหยาบมากต้องบอกว่าเสือก ไม่อย่างนั้นน้ำหนักมันไม่เท่ากัน การพูดนี้ไม่ได้พูดหยาบโลน เอาน้ำหนักฟัดกัน มันเสือกหาอะไร คือความดื้อด้านของคนที่มานี่เสือกมาหาอะไร มันก็รับกันได้ละซิ มันโกโรโกโส เป็นพระผู้ใหญ่เท่าไรยิ่งหยาบโลนลงไป จะให้เขากราบไหว้ลงคอเหรอ อยากเป็นสังฆราช เป็นสังฆราชมาแล้วใครจะกราบ หมามันก็ไม่กราบพระประเภทนี้

         พูดชัดๆ นี่ภาษาธรรม ไม่เคยสะทกสะท้านกับสิ่งใดในสามแดนโลกธาตุ เวลาจะพูดผางออกเลยๆ พูดแล้วหายเงียบไปเลย สุญฺญโต โลกํ โลกธาตุว่างเปล่าสูญเปล่าหมด จะว่าอย่างไร เห็นแต่ความหยาบโลนของพระเรา ตะกละตะกลาม พระท่านอยู่ที่นั่นประจำ ดูแลอุปัฏฐากท่านอยู่นั่นสี่องค์เป็นประจำ เราถามชัดเจนนะ มาอยู่นี้เป็นประจำสักกี่องค์ สี่องค์ นั่น แล้วผลัดเปลี่ยนกันมาเรื่อยๆ สี่องค์ไม่ขาด นั่นผู้ดูแลท่าน ท่านบกพร่องอะไร จำเป็นอะไรจะต้องหาผู้อุปถัมภ์อุปัฏฐากมาทำงานแทนสมเด็จสังฆราช พระท่านแทนสนิทยิ่งกว่าที่ประกาศโฆษณาตะกละตะกลามป้างๆ มานั้น มันได้เรื่องอะไร มีแต่คำพูดคำจาโอ้อวดไปอย่างนั้น อยากให้คนเขาเคารพนับถือ เขาไม่เคารพอย่างนั้น มีแต่ความอุจาดเท่านั้นเอง

         เราไปดูถามพระเณรละเอียดลออ เพราะเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้แหละ วันหนึ่งๆ มีพระมาจำอยู่เท่าไร ประจำอยู่เท่านั้นๆ ตลอดเลย เปลี่ยนกันตลอด นั่นเห็นไหมท่านดูแลกัน จำเป็นหาอะไรที่ไหนมาทำหน้าที่แทนซึ่งอยู่คนละวัดละวา อยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบ นี้ท่านอยู่วัดบวรฯด้วยกัน ก็คือพ่อแม่กับลูกดูแลกัน ใครจะสนิทสนมยิ่งกว่าพ่อแม่กับลูกดูแลกัน พระทั้งหลายเหล่านั้นเป็นลูกของท่าน ดูแลท่าน ใครจะสนิทสนมยิ่งกว่าพ่อแม่กับลูกดูแลกัน เสือกหาอะไรไปทำหน้าที่แทนสมเด็จสังฆราชอันนั้นสังฆราชอันนี้ มีแต่ความอยาก ความตะกละตะกลาม เป็นบ้ายศบ้าลาภ อยากมีชื่อมีเสียง เสียงก็มีแต่ลมๆแล้งๆ

         ถ้าศีลธรรมไม่มีอยู่ภายในใจแล้วดูไม่ได้นะพระเรา พระเราต้องดูที่ใจดูที่คุณสมบัติ ศีลสมบัติ สมาธิสมบัติ ปัญญาสมบัติ วิมุตติสมบัติ นั่นสมบัติของพระ จะไปหาอะไรชื่อนั้นชื่อนี้ เสียงโด่งดังเหมือนโลกเขา มันก็เป็นบ้า พระเป็นบ้าร้ายกว่าโลกเขาเป็นนะ พูดให้มันชัดๆ อย่างนี้ แล้วพูดตรงๆ ไม่มีใครพูดอย่างเรา เราไม่พูดอย่างใครทั้งนั้น พูดตามธรรมไปเลย มันอุจาดบาดตาเข้าทุกวัน เรื่องศีลเรื่องธรรมมันไม่มีในหัวใจนะ มีแต่เรื่องโลกเรื่องสงสาร เห่อบ้ากันไปอย่างนั้น เห่อหาอะไร ขอให้มีธรรมในใจเถอะคนเรา อยู่ที่ไหนสบายหมดเย็นหมด แล้วเย็นไปทั่วโลกธาตุเสียด้วย ไม่ใช่เย็นธรรมดา

         ที่มาโฆษณาป้างๆ อยากให้เขาเคารพนับถือ เคารพไม่เคารพมันเป็นอยู่ในหัวใจของเขาเอง พอเคารพไม่บอกเขาก็เคารพ ถ้าไม่พอเคารพจ้างเขาก็ไม่เคารพ ว่าอย่างนั้นเลย ทำตัวให้ดีก็แล้วกัน นี่พูดตรงๆ ใครเคารพไม่เคารพเราไม่เคยสนใจกับใคร เกี่ยวข้องกับประชาชนทั่วประเทศเขตแดน เราไม่เคยสนใจว่าใครจะเคารพนับถือ ไม่เคารพนับถือ เราพออยู่ในหัวใจของเรานี้พอตลอด ไม่มีอะไรที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องได้เลย เป็นส่วนเกินทั้งนั้น

         เขาเคารพนับถือ เขาสรรเสริญเยินยอก็เป็นส่วนเกิน เขาตำหนิติเตียนแบบไหนก็ตามนี้ก็เป็นส่วนเกิน เข้าไม่ติด นี้คือสมมุติทั้งมวล ธรรมชาตินั้นวิมุตติ หัวใจนี้เป็นวิมุตติ พูดให้ชัดๆ อย่างนี้ เราสอนโลกด้วยความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเราถึงกล้าพูดได้ สมบัติเงินทองข้าวของที่พี่น้องนำมาบริจาคเรานี้ชัดเจนที่สุดในหัวใจของเรา ที่บริสุทธิ์แล้ว เวลาออกจากนี้จะออกด้วยความบริสุทธิ์ดีงามทั้งนั้น อะไรจะมาขัดข้องจิตดวงนี้ไม่ได้เลย พอคิดเรื่องผิดแป๊บปัดทันทีๆ

         เพราะฉะนั้น กิริยาที่แสดงออกในการสงเคราะห์โลกแบบไหน ต้องออกจากหัวใจที่บริสุทธิ์เป็นความดีงามไปทั้งหมดเลย เราไม่เคยได้ตำหนิเราว่าได้ช่วยโลกมีความมัวหมองตรงไหน ที่ปฏิบัติต่อโลกหรือประชาชนมัวหมองตรงนั้นตรงนี้ไม่มี เราถนัดชัดเจนในหัวใจเราจากใจที่บริสุทธิ์นี้ คิดออกแง่ไหนๆ ต้องเป็นธรรมทั้งนั้น เป็นธรรมจากหัวใจ กิริยาออกไปต้องเป็นธรรมทั้งหมด อะไรที่จะมาขัดมาแย้งไม่ได้ นั่นคือกิเลสเป็นสิ่งมัวหมองมืดตื้อ หรือเป็นฟืนเป็นไฟปัดทันทีๆ

         เวลาจะช่วยโลกแบบไหนก็เหมือนกัน เราช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจของเราทุกอย่าง อยู่ไหนก็อยู่สบาย ใครจะเคารพนับถือไม่เคารพนับถือ พูดจริงๆ เราไม่เคยสนใจ แต่ความเมตตานี่ครอบอยู่ตลอดเวลา กิริยาอาการทุกอย่างที่ทำต่อโลกเราทำด้วยความเป็นคุณทั้งหมด ไม่มีกิริยาใดที่จะเป็นภัยต่อโลกสงสาร แม้รายเดียวไม่มี นอกจากเขาจะคิดไปในแง่ต่างๆ ที่เป็นฟืนเป็นไฟ ก็กลับไปเผาเขาเอง ไม่ได้เผาเรา เราไม่มีสิ่งนั้นจะมาเผาเราได้อย่างไร มีแต่ความดีงาม เราทำอย่างนี้ทำประโยชน์ให้โลก เราไม่สงสัยในการกระทำของเรา  สมบัติเงินทองข้าวของมีมากน้อยบริสุทธิ์ทั้งหมดเลย จะไปหาที่ไหน เอาเขียนเป็นประวัติศาสตร์ก็ได้ เราชี้นิ้วเลย บอกว่าเราหนึ่งไม่มีสอง ว่าอย่างนั้นเรื่องความบริสุทธิ์มีความเมตตาครอบไว้ตลอดเลย

         ที่จะมาเป็นมลทินต่อเราเอามาด้วยความทุจริตซุบๆ ซิบๆ อย่างนี้เราไม่มี มีไม่ได้ แม้แต่คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเราก็ต้องเป็นใจอันเดียวกับเรา ซื่อสัตย์สุจริตที่สุดเลย ใครมายิบแย็บให้เราเห็นปัดทันทีเลย ตั้งแต่นั้นคนนั้นจะเข้ากับเราไม่ได้เลย ถึงขนาดนั้นนะ  ไม่มีใครที่จะมากล้าทำความสกปรกให้เราได้รู้ได้เห็นบรรดาคนที่มารับใช้เราต้องเป็นเหมือนกับเรา ที่เราใช้ทุกวันนี้บริษัทบริวารลูกศิษย์ลูกหาที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเราต้องเป็นอย่างเรา เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ตัดทันทีเลย แล้วไม่คบจนกระทั่งวันตาย เหมือนว่าสาปแช่งกันไปเลย ถึงขนาดนั้นละ มันเป็นภัยต่อธรรม เรื่องเหล่านี้เป็นภัยต่อธรรม เราไม่นำเข้ามาใกล้ชิดติดพันเลยละ จะมีแต่ความดีงามช่วยโลกช่วยสงสาร

         สมบัติเงินทองข้าวของมีมากน้อยเพียงไร เราไม่เคยสนใจจะนำมาเป็นของตัว แม้บาทเดียวเราก็ไม่เคยปรากฏ ได้มาเท่าไรไหลออกๆ ควรจะไหลไปทางไหนเป็นประโยชน์ เอาๆ เรื่อยเลย อย่างนั้น ที่เราทำประโยชน์ให้โลกเราทำอย่างนี้ การแนะนำสั่งสอนโลกไม่ว่าหนักว่าเบา เป็นไปตามแถวทางเหตุผลกลไกที่จะควรหนักเบามากน้อย นี้เทศน์ไปตามนั้น แต่ไม่มีการที่จะทำความเสียหายแก่ผู้ใด เพราะออกจากธรรมที่บริสุทธิ์แล้วล้วนๆ เราทำอย่างนี้กับบรรดาพี่น้องทั้งหลายเต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกอย่าง ทุกข์ยากลำบากเราก็ทนเอา

         ทุกวันนี้ถ้าโดยลำพังเราแล้วเราอยู่คนเดียวเท่านั้นสบายอิริยาบถทั้งสี่ ยืน เดิน นั่ง นอน สบายทั้งหมด แต่นี้ทำไมจึงต้องมาดีดมาดิ้น ก็ด้วยความเมตตานั่นละ ช่วยนั้นช่วยนี้ไปเรื่อยๆ สำหรับเราเองเราไม่เอาอะไรมาช่วย ไม่มีอะไรที่จะมาช่วยหัวใจดวงนี้  พอแล้วทุกอย่าง จึงนำเอาคำว่าพอออกจากหัวใจมาสอนพี่น้องทั้งหลาย ให้ตื่นกันนะ อย่าหลับจนจมนะ ธรรมพระพุทธเจ้ากระเทือนโลกมานานแสนนาน ไม่มีผู้ใดที่จะนำธรรมมากระเทือนโลกได้เหมือนพระพุทธเจ้า แล้วเป็นอย่างไรหัวใจเรา หูเรา มันพอยิบแย็บๆ กับธรรมทั้งหลายที่ท่านแสดงกระเทือนโลกนั้นบ้างไหม ให้ถามเราทุกคนๆ นะ

         อย่าให้กิเลสมันกล่อมเอาเสียทั้งวันทั้งคืน จมไปตลอด จมไปตลอด เกิดมาเพื่อจมมีอย่างหรือคนเรา เกิดมาเพื่อความสุขความเจริญ หวังทั้งนั้นละหวังเพื่อความสุขความเจริญ แต่มันไม่สมหวังๆ เพราะกิเลสแบ่งไปกินๆ เลยกลายเป็นความไม่สมหวังไปเสีย ให้พากันตื่นเนื้อตื่นตัวนะพี่น้องทั้งหลาย นี่พูดเต็มเม็ดเต็มหน่วย สอนเต็มอรรถเต็มธรรม ไม่สงสัยในการสอนทุกแง่ทุกมุม ไม่ว่าธรรมะขั้นใด เราสอนเต็มภูมิของเราที่มีอยู่ในหัวใจนี้ ไม่อัดไม่อั้นพูดตรงๆ เลย ธรรมนี่ท้องฟ้ามหาสมุทรยังแคบไป ธรรมกว้างกว่านั้นอีกเป็นไหนๆ

         ควรจะสงเคราะห์หนักเบามากน้อยหากรู้เองเป็นเองภายในจิต ไม่ต้องไปศึกษาปรารภกับใคร การจะแสดงออกอรรถธรรมมากน้อยนี้จะออกภายในจิตพอดีๆ เลย ด้วยความไม่สงสัยว่าผิดไปอย่างนี้ไม่มี ขอให้ท่านทั้งหลายตายใจในธรรมของพระพุทธเจ้า มีธรรมพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะยังเราทั้งหลายให้พยุงตัวขึ้นได้ๆ จนกระทั่งถึงวิมุตติหลุดพ้นจากธรรมพระพุทธเจ้านี้ทั้งนั้นแหละ ไม่จากอื่นจากใด นอกนั้นมีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้ตลอดเวลา นั้นคือเรื่องของกิเลสที่เป็นภัยต่อธรรม อย่าให้เข้ามาติดกับใจเราจะเป็นภัยต่อใจเรา

         พากันตั้งใจประพฤติปฏิบัติ ให้ตื่นเนื้อตื่นตัว เราเป็นลูกชาวพุทธให้ถือพระพุทธเจ้าเป็นหลักหัวใจเถอะ ถือกิเลสเป็นหลักหัวใจมีแต่ไฟเต็มตัว โลกไหนๆ ที่ว่าเจริญมันไม่มีโลกเจริญ มีแต่โลกเป็นฟืนเป็นไฟ พูดได้เต็มปาก โลกเจริญมีแต่โลกที่มีธรรมภายในใจ ถ้ามีธรรมภายในใจมากน้อยนั้นเจริญได้ ชุ่มเย็น ถึงจะทุกข์จะจนแต่หัวใจไม่จนในธรรมทั้งหลาย ชุ่มเย็นอยู่ที่หัวใจ

         พี่น้องลูกหลานพากันจำเอา ให้พากันตื่นเนื้อตื่นตัว เราสอนด้วยความเต็มอกเต็มใจ ด้วยความเมตตาล้วนๆ ไม่ได้สอนสักแต่ว่าสอน สักแต่ว่าสอนเฉยๆ เราสอนด้วยความมุ่งหวังให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ฟังร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ขอให้ท่านผู้ฟังทั้งหลายนำไปพินิจพิจารณาแก้ไขดัดแปลงตนเสียใหม่ อันไหนที่ไม่ดีให้รีบแก้ ถ้าพระพุทธเจ้าหรือธรรมท่านตำหนิตรงไหนนั้นละผิดจริงๆ ชมว่าถูก ถูกจริงๆ พระพุทธเจ้าไม่เคยมีสอง คำไหนผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก แต่กิเลสร้อยสันพันคม ปลิ้นปล้อนหลอกลวงไม่มีอะไรเกินกิเลส โลกวิ่งตามกิเลสมันถึงหาความแน่นอนไม่ได้นะ เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านี้ พอออกจากนี้แล้วก็จะไปปากช่อง

         เมื่อวานนี้วัดบวรฯนี้ก็สี่องค์นะ เราถามละเอียดลออ เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวกับพวกตะกละตะกลาม เราจึงถามละเอียดลออ เวลาถามละเอียดก็พูดได้ชัดเจน อย่างหนึ่งบอกว่ามันตะกละตะกลามหาอะไร มันเสือกมาอะไร พอดีกันเลยกับพวกตะกละตะกลาม เลวมากนะพระเรา ดูไม่ได้จริงๆ เราดูไม่ได้ พระดูกันไม่ได้ คนหนึ่งรักษาเข้มงวดกวดขัน เอาเป็นเอาตายต่อหลักธรรมหลักวินัย คนหนึ่งมาทำลายต่อหน้าต่อตามันก็ซัดกันอย่างหนักละซิ เสือกมาทำไม นั่นเห็นไหม ใส่กันตรงนั้น มันเสือกมาอะไร ตะกละตะกลาม แหมเลวมาก ศีลธรรมมันไม่มองดูเลย มันเป็นบ้ากับโลก ยิ่งกว่าโลกไปอีก นี่ที่น่าว่า ว่าเอา แล้วไม่มีใครว่าได้พูดได้ เราพูดได้หมดตลอด สามโลกธาตุไม่หวั่นกับอะไร พูดได้ตลอด เต็มเม็ดเต็มหน่วย สะทกสะท้านกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่มี

         ทองคำได้เท่าไรพวกนี้ไม่เห็นมาบอก คนหนึ่งหาแทบตาย ได้มาแล้วไม่เห็นมาบอกได้กี่บาทกี่สตางค์ (๑๐ บาท ๙ สตางค์) ผู้หาหาแทบตาย หาอะไรไม่รู้ นั่งเฉยๆ เขาเอามาให้ แล้วอวดตัวว่าหาแทบตาย แล้วไปขู่เขาได้เท่าไร นี่ละฟังซิ พี่น้องทั้งหลายฟังภาษานี้นะ ที่หลวงตากับพี่น้องทั้งหลายพูดกันนี้ เปิดให้ชัดเจนเสียว่า ที่พูดอย่างนี้มันฐานะพ่อแม่กับลูกคุยกัน จึงไม่มีอะไรผิด มีอะไรถูก เป็นอย่างนั้นละภาษาบ้งเบ้งๆ เหมือนพ่อแม่กับลูกคุยกันในครอบครัว พูดด้วยความสนิทตายใจต่อกันเป็นอย่างนั้น

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก