ให้เชื่อบุญเชื่อบาป
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2546 เวลา 8:35 น. ความยาว 54.3 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Real)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๖

ให้เชื่อบุญเชื่อบาป

 

ก่อนจังหัน

         เรามองเห็นประชาชนศรัทธาทั้งหลายเข้าวัดเข้าวา เรารู้สึกว่ายิ้มแย้มอยู่ภายในจิตใจนะ นี่ละที่พระท่านทั้งหลายหลุดพ้นจากทุกข์ คือบุญ คือกุศล ศีล ทาน นี้แหละนะ ให้จำกันทุกคนๆ เวลานี้มีจำนวนมาก ใจให้มุ่งเข้ามาในอรรถในธรรมบ้าง อย่าวิ่งแต่ตามส้วมตามถานนะ มันไปตายกองกันอยู่ในนรกนั่นไม่เห็นน่ะซี ลำบากที่มันไม่เห็น มันไม่เชื่อ มันก็บืนกันลงนรกๆ พระพุทธเจ้าองค์เอกมันไม่ยอมเชื่อ มันเชื่อแต่พวกเอกตาข้างเดียว กับตาบอด เข้าใจไหม พวกตาเอกตาข้างเดียวกับตาบอดมันเชื่อกัน ผู้ตาดีมันไม่ยอมเชื่อ

ท่านทั้งหลายเป็นยังไง เกิดมานี้กี่ปีกี่เดือนแล้ว จิตใจได้ใฝ่ฝันกับอรรถกับธรรมมากน้อยเพียงไรให้คิดนะ เวลานี้ยังไม่ตายให้คิดเสียเดี๋ยวนี้นะ พระพุทธเจ้าองค์เอกนะ พูดอะไรไม่มีเคลื่อนคลาด สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบๆ ชอบตลอดเลย พิจารณาเต็มกำลังความสามารถ ตัวเท่าหนูก็ตามยอมรับ กราบเลยๆ ถึงได้กล้ามาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ขอให้พากันพินิจพิจารณานะ อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมลืมเนื้อลืมตัว ว่าวันว่าง มันว่างเพื่อกิเลส ว่างเพื่อส้วมเพื่อถาน ไม่ได้ว่างเพื่อศีลเพื่อธรรมนะ ว่างอย่างนั้นแหละส่วนมาก กิเลสลากเอาไปถลุงเสียหมดๆ ว่างทั้งวันกิเลสถลุงทั้งวัน ธรรมะจะได้จิ๊บๆ แจ๊บๆ บ้างไม่มีเลย ขอให้คิดกันให้ดี

เราเป็นลูกชาวพุทธอย่านอนเฝ้าอรรถเฝ้าธรรม แบบกบเฝ้ากอบัวนะ ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลย มีฤทธิ์มีเดชทั้งสองนะ ทั้งสองอย่างนี้เป็นคู่แข่งกัน บาปกับบุญ ชั่วกับดี เป็นคู่แข่งกัน ให้เลือกเฟ้นเสียนะ ชั่วนี้เป็นภัยจริงๆ ต่อเราผู้ทำ ดีเป็นคุณจริงๆ ต่อเราผู้ทำเช่นเดียวกัน เวลาว่างอย่างนี้ให้คิดหาอรรถหาธรรมบ้างซี ไอ้เรื่องความเพลิดความเพลินรื่นเริงบันเทิงตั้งแต่วันเกิด ตั้งแต่วันเด็กมา มันจืดมันจางที่ไหน มันไม่ได้อิ่มได้พอ ส่วนอรรถส่วนธรรมนี้แหงนหน้า มันไม่อยากฟัง ไม่อยากดู นี่เห็นไหมกิเลสมันทำให้ธรรมเป็นข้าศึกแก่เราเองนั่นละ กิเลสอยู่กับเรา ธรรมอยู่กับเรา นี้บืนไปตามกิเลสทั้งนั้น ให้พากันคิดนะ หลวงตาบัวตายไม่มีใครพูดอย่างนี้ นี้พูดอย่างอาจหาญชาญชัย เพราะจ้าอยู่ในจิตนี่ จะให้ว่ายังไงอีก

องค์ศาสดาๆ เอกมาตลอดทุกๆ พระองค์ ลากขนสัตว์ขึ้น กิเลสมันก็ลากลงๆ ใครจะเอาทางไหนพิจารณาให้ดีนะ วันนี้พูดเพียงเท่านี้ละ เห็นพี่น้องทั้งหลายมา จะได้ข้อคิดไปคิดอ่านบ้าง ให้แต่กิเลสขยำไปทั้งวันทั้งคืนมันดูไม่ได้นะ นี่ก็จวนจะตายแล้ว เราอยากจะพูดเต็มปากว่าใครมาพูดอย่างเรานี่ว่ะ  หรือใครจะว่าเราโอ้เราอวด เราไม่มีเลยเรื่องเหล่านั้น มีแต่ความเมตตาสงสารพี่น้องทั้งหลายเท่านั้น ให้เชื่อบุญเชื่อบาปนะ ถ้าเชื่อบาปแล้วก็รู้ว่าเป็นภัย ไม่ทำ เมื่อเชื่อบุญ รู้ว่าเป็นบุญแล้วหมุน ชีวิตจิตใจร่างกายของเรานี้อาศัยสิ่งเหล่านี้ อาศัยอยู่เห็นไหมนี่ ตายแล้วกองเกลื่อนอยู่นี้ มันติดเราไปที่ไหน มีแต่ความดีเท่านั้นที่จะติดไป ขอให้ท่านทั้งหลายคิดให้ดีนะ เอาละให้พร

 

หลังจังหัน

         วันนี้คนก็มามาก เมื่อเช้านี้ก็พูดถึงเรื่องการเสาะแสวงบุญเพื่อตัวเอง เป็นเรื่องจำเป็นมากกว่าเรื่องอื่นใด สิ่งทั้งหลายเกลื่อนอยู่ทั่วโลกนี้ไม่ได้จำเป็นยิ่งกว่าหัวใจเรา หัวใจเรานี้ตัวสมบุกสมบัน จะช่วยตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ สิ่งเหล่านี้เขาไม่ได้ช่วย อยู่กับเขาอาศัยเขาไปเท่านั้น ถ้าว่าช่วยก็อาศัยกันไปอย่างนี้ แต่เวลาตายจริงๆ แล้วนั้นละเรื่องของผีจะเข้ามา เรื่องของเทพจะเข้ามาในระยะพอใจขาดปั๊บ เรื่องของเปรตของผีของนรกอเวจีสำหรับคนชั่ว จะสวมกันปึ๊บแทนกันเลยจากชาติมนุษย์นี่ เป็นชาติของเปรตของผี ชาติของสัตว์เดรัจฉาน เป็นของนรกอเวจีไปเลยสำหรับคนชั่ว ทีนี้ผู้ที่สร้างความดี พอใจขาดปั๊บ ภาพเทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม ความดีงามทั้งหลายเครื่องให้สมมักสมหมายจะเข้าแทนกันทันที แทนภพมนุษย์ เข้าใจไหม ภพเทพ เทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม ทั้งหลายเข้าแทนทันทีสำหรับคนดี ทีนี้สำหรับคนชั่ว ภพเมืองผีละที่นี่ พวกเปรตพวกผีจนกระทั่งถึงนรกอเวจีจะเข้าแทนที่ ทำงานแทน

ใจเป็นตัวรับเคราะห์รับกรรม ถ้าทำกรรมไว้เจ้าของนั่นแหละเป็นผู้รับหมด แบกหมด ถ้าทำดีไว้ ความดีจะหนุนเจ้าของตลอดไป ภพใดชาติใดเราตบแต่งไม่ได้นะ เพราะฉะนั้นเราจึงให้ตบแต่งเสียตั้งแต่ชาตินี้ที่มีฐานะสมควรทุกอย่าง ทำได้อยู่ แก้ไขดัดแปลง ไม่ดีตรงไหนให้พากันรีบแก้ไขเสียนะ ตายแล้วแน่ ไม่มีใครเกินพระพุทธเจ้าเรื่องความแน่นอน เรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบทุกอย่างแล้ว ไม่มีอะไรที่จะแก้ไข พูดสาธุทันที เราปฏิบัติเต็มกำลังความสามารถ เราก็ไม่เคยคิดเคยคาดว่าจะรู้จะเห็นในสิ่งที่พระองค์แสดงไว้ ทั้งแก้กิเลส ทั้งสิ่งที่เกี่ยวโยงกันกับจิตใจ เรื่องบาปเรื่องกรรม เรื่องบุญเรื่องอะไร นรก สวรรค์อะไรเหล่านี้ เราก็ไม่เคยคิด แต่เวลามันเกี่ยวโยงถึงกันไม่คิดยังไงก็มันเห็นอยู่นี่ นั่น

รู้แล้วมันก็ได้มาคิดละซี อ๋อๆ ไปเรื่อย ไม่มีที่ค้านพระพุทธเจ้าตรงไหนได้เลย อ๋อๆ พระพุทธเจ้า แหม ศาสดาองค์เอกๆ ไม่มีใครสอนเลย ก็มีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น รู้อันใดเห็นอันใด รู้เห็นเข้าไปนี้ยอมรับทันทีๆ แล้วใครสอนไว้อย่างนี้ นั่น พระพุทธเจ้าสอนไว้แล้วๆ ทั้งดีทั้งชั่วทั้งสูงทั้งต่ำสอนไว้หมด จึงเรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว ไม่มีที่จะแก้ไขดัดแปลงเป็นอย่างอื่นอย่างใดได้เลย จึงเรียกว่าสวากขาตธรรม สมบูรณ์แบบแล้ว จึงได้มาประกาศสอนพี่น้องทั้งหลาย ให้รีบหนา หรือว่าหลวงตาบัวมาโกหกอยู่เหรอเวลานี้

ใครจะรีบให้รีบให้ทำเสียนะเวลานี้ ทุกวันนี้อยู่ในฐานะชีวิตของเรายังมีอยู่ อยู่ในฐานะที่จะดัดแปลงแก้ไขหรือส่งเสริมได้ในสิ่งที่ดีทั้งหลาย ส่วนไม่ดีแก้ไขได้ ผลักออกไปปัดออกไปได้ ให้ทำเสียนะ เวลาจำเป็นจริงๆ จะไม่มีใครมาช่วยเราได้เลย บุญกุศลเท่านั้นช่วย ของเต็มโลกเต็มสงสารไม่มีอะไรมีความหมายเลย มีแต่บุญกับบาปมีความหมายเต็มตัว ถ้าสร้างบาป สร้างเท่าไรก็ไปเลย ไม่ได้ฟังเสียงใครคืออำนาจแห่งกรรม กรรมดีกรรมชั่ว ท่านจึงสอนไว้ว่า นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ ไม่มีอานุภาพใดจะเหลืออานุภาพแห่งกรรมดีกรรมชั่วไปได้ นั่นฟังซิน่ะ ในโลกนี้ไม่มีอานุภาพใดจะเหนืออานุภาพแห่งกรรมดีกรรมชั่วของสัตว์ไปได้ ทำลงไปแล้วเหนือทุกอย่าง บุญกุศลก็เหนือเรา อุ้มเราไป เราจะตบแต่งบุญกุศลไม่ได้ บุญกุศลตบแต่งเรา

เวลานี้เราตกแต่งบุญกุศลในการสร้างคุณงามความดี เอา ตกแต่งให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย พอจากนี้ปั๊บ บุญกุศลจะตกแต่งเราละ ย้อนกลับมาเป็นสมบัติของเรา ทีนี้ความชั่วก็อีกเหมือนกัน ทำด้วยความรักความชอบ ความพออกพอใจก็ทำ ถือเป็นมิตรเป็นสหายพึ่งเป็นพึ่งตายกับความชั่ว เวลาตายแล้วเป็นมหาภัย พลิกกลับมาเป็นมหาภัย อะไรเอะอะเป็นมหาภัยเสียหมดเพราะสร้างไว้แล้วนี่ จับตรงไหนมีแต่เรื่องมหาภัยๆ เป็นฟืนเป็นไฟไปตามๆ กันหมด ให้รีบพิจารณาเสียตั้งแต่บัดนี้

เรายอมรับพระพุทธเจ้านี้ยอมอย่างสุดหัวใจเลย ไม่มีอะไรที่จะค้านพระองค์ได้ ก็คือเอาอันนี้ มีมากมีน้อยเอาอันนี้เป็นพยานกันเลย อ๋อ ตรงไหน ยอมแล้ว ก็พระพุทธเจ้าสอนไว้แล้วๆ อันใดที่เหนือพระพุทธเจ้าสอน ยังไม่เคยเห็น ที่ปฏิบัติที่รู้ที่เห็นมา มีแต่พระพุทธเจ้าสอนไว้แล้วทั้งนั้น เราจะไปรู้พิเศษกว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยมี นั่นเก่งไหมศาสดาองค์เอก อย่าพากันนอนใจนะ เวลานี้กิเลสมันกำลังทับถมหัวใจของสัตว์โลก จะไม่มองเห็นบุญเห็นบาป นรกสวรรค์ ไม่เชื่อบาปเชื่อบุญ มีแต่เรื่องของกิเลสทั้งนั้นลากเข็นลงไปโดยถ่ายเดียว นี่กำลังหนาแน่นนะเวลานี้ หนาแน่นมากทีเดียว

อย่างที่เราเคยพูดขนโค มันกำลังส่งเสริมตัวเอง เขาโคนี้นับวันจะกุดจะด้วนเข้าไป นี่พระพุทธเจ้าพูดไว้กลางๆ เราแยกแยะออกมาแจงออกไปให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายทราบ คือว่าผู้ที่จะไปสวรรค์กับลงนรก ทางไหนมากกว่ากัน พระอานนท์ทูลถามพระพุทธเจ้า ผู้ที่จะไปนรกนั้นเท่ากับขนโค ผู้ที่จะขึ้นสวรรค์นั้นเท่ากับเขาโค ฟังซิ โคตัวหนึ่งมันมีเขาเพียงสองเขา แล้วขนมันเต็มตัว ดีไม่ดีมันจะมีจนกระทั่งเล็บ มันมากหาที่เกิดไม่ได้เพราะขนโคมันมากขึ้นทุกวันๆ หาที่เกิดไม่ได้ก็ไปเกิดที่เล็บโคเอง เข้าใจไหม ดีไม่ดีมันจะไปเกิดที่เขาโคเข้าอีก เขาโคจะกุดด้วนลงไปเพราะขนโคไปเกิดแทรกเข้าไปอีกแล้ว เลยขนโคเป็นใหญ่ เขาโคเลยไม่มี เป็นโคหัวโล้น เข้าใจไหม มองไปที่ไหนมีแต่ขนโคๆ เขาโคแทบจะไม่มีนะ ยิ่งหนาแน่นขึ้นๆ ทุกวันๆ

ใครให้รีบปรับตัวนะ เรื่องกิเลสฉุดลากนี้ อยู่ที่ไหนมุมใดมีหมดเลย แต่เรื่องธรรมจะฉุดลากไม่ค่อยมี ตั้งแต่สร้างวัดสร้างวาสร้างสถานที่ทำความพากความเพียร เพื่อคุณงามความดีทั้งหลาย ขนโคมันยังเข้าไปจนได้ เหยียบไปถูกขนโคเสีย ไปนอนแผ่สองสลึงอยู่กลางทางจงกรม นอนแผ่อยู่กับขนโค เข้าใจไหม ทางจงกรมละขนโค หมอนเสื่อนั่นละขนโค เราก้าวไปจะไปหาเขาโค ไม่ทันไรขนโคมาขวางแล้ว อันนี้ดี วันนี้เหนื่อยมาก นอนเสียก่อน ล้มแผละลงไป นั่นถูกขนโคแล้ว พวกขนโค เป็นอย่างนั้น ให้พากันตั้งอกตั้งใจนะ

เรานี้สุดกำลังแล้วที่มีความเมตตาต่อชาติบ้านเมือง คิดดูอย่างช่วยชาติเอาคอขาดเข้าไปเลย ฟังซิน่ะ ช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย ช่วยชาติคราวนี้ก็เรียกว่าเต็มกำลังความสามารถ เอาธรรมกางไปๆ เดินตามธรรม ธรรมว่ายังไงๆ ก้าวเดินตามนั้น ถ้าธรรมห้ามตรงไหนไม่ฝืน ก้าวเดินตามธรรม ไม่ว่าจะอ่อนโยน ไม่ว่าจะเรียบสุภาพ ไม่ว่าจะเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดขนาดไหนจะต้องก้าวเดินตามธรรมทั้งนั้น จึงไม่เคยหวั่นการแสดงออกทุกกิริยา เพราะได้พิจารณาทางด้านจิตใจแล้วออก ควรหนักหนัก ควรเบาเบา ของธรรมทั้งหลาย เหมือนเขาถากไม้ ต้นเสาต้นนี้เขาจะถากเป็นบ้านเป็นเรือน เสาต้นนี้บางช่วงมันตรง บางช่วงมันก็คดก็งอ นายช่างถากเขาจะไม่ถากเหมือนกันนะ ที่มันเรียบราบอยู่แล้วมันตรงอยู่แล้วเขาก็ถากไปสวยๆ งามๆ ธรรมดาเรียบๆ  ถ้ามันคดมันงอเขาก็ต้องหนักมือ การถากเขาต้องหนักมือ ไม่งั้นมันจะคดจะงอ ดัดคดงอให้มันตรงบ้างพอดูได้ หรือให้ตรงแน่วไปเลย

นี่พูดถึงเรื่องการสอนโลกของเรา เราเอาธรรมมาสอน เราปฏิบัติตัวของเราก็อย่างนั้น เวลาธรรมดาก็มี เวลาจะเด็ด เด็ดจริงๆ เพราะกิเลสมันคดมันงอ จึงต้องเอาตามกิเลส ถ้ากิเลสคดงอต่อสู้เรามาก เราต้องซัดอย่างหนัก ถ้าเรียบๆ ก็เรียบๆ เหมือนเขาถากไม้มันเป็นวรรคเป็นตอน ไม่ใช่จะเสมอกันไปหมด กิเลสมันมีคลื่นเหมือนกัน ทางก็ยังมีคดมีงอ เรื่องกิเลสนี่ร้อยสันพันคม มันจะราบรื่นให้เราถากสบายๆ โอ๊ย น้อยมากนะ มีแต่คดแต่งอนั่นละมากที่สุดของกิเลส เพราะฉะนั้นการแก้กิเลสนี้จึงต้องได้แก้กันอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยร้อยสันพันคม เช่นเดียวกับกิเลสที่มันมีเล่ห์เหลี่ยมมาก ธรรมะต้องมีเล่ห์เหลี่ยมมากแก้กันทัน ถ้าไม่มีเล่ห์เหลี่ยมมากแก้ไม่ได้ ต้องเอาให้หนักๆ อย่างนั้น

เราได้ช่วยโลกนี้ช่วยเต็มกำลังความสามารถของเรา ช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทางด้านธรรมะออก ควรจะเด็ดๆ ไปเลยไม่มีเสียดายอะไรโลก เสียดายธรรมเท่านั้น เดินตามธรรม ผิดถูกชั่วดีธรรมไม่เคยพาล่มจม ถ้ากิเลสนี้พาล่มจมตลอดเวลา เราก้าวเดินด้วยอรรถด้วยธรรมทั้งนั้น คิดดูซิท่านทั้งหลายเคยได้ยินไหม สมบัติเงินทองทั่วประเทศไทยผ่านเข้ามาหาเราเป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียว สมบัติทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาหาใครก็ตามเป็นผู้รับผิดชอบผู้เดียว จะไม่รั่วไหลแตกซึมนี้เป็นไปไม่ได้นะ แต่เรานี้ยันเลย เพราะอำนาจของธรรมนั่นเอง เราเชื่อเราเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ว บริสุทธิ์เต็มที่ จะให้มามัวหมองกับสิ่งเพียงเท่านี้ เป็นไปไม่ได้เลย

ความเมตตาของเรามีคุณค่ามากขนาดไหนต่อโลกต่อสงสาร แล้วยังจะมาหยิบมาฉวยเอาเงินจำนวนเพียง ๑ บาท ๒ บาท ๓ บาท ให้เป็นความเสียหายแก่คนทั้งชาติจมไปด้วยกันนี้เป็นไปไม่ได้นะ เราเปิดเต็มที่เลยเราไม่มีเรื่องที่จะมาคิด ความสกปรกของใจที่ว่าจะหยิบเอาเงินสมบัติของพี่น้องทั้งหลายมาเป็นของตัวเองนี้ บอกไม่มีอย่างเด็ดขาดเลย จะมากจะน้อยเท่าไรจ่ายออกไปตามความเหมาะสม เหตุผลลงกันแล้วๆ เท่าไรควรจ่าย จ่ายเรื่อยๆ เป็นความบริสุทธิ์ใจๆ นี่ละเราช่วยอย่างนั้นช่วยโลก เอาเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ถ้าว่าเทศนาว่าการนอกจากด้านวัตถุที่ได้ช่วยดังที่เห็นกันอยู่แล้ว มีทองคำ เป็นต้นนะ จากนั้นก็ทางด้านจิตใจ แนะนำสั่งสอนทุกแง่ทุกมุมเต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกขั้นของธรรม ไม่ว่าธรรมขั้นใดภูมิใดๆ จนกระทั่งถึงธรรมสูงสุด เราเทศน์เต็มเหนี่ยวของเรา เราพูดจริงๆ พูดให้มันเต็มยศ เราไม่อั้นในหัวใจของเรากับธรรมทั้งหลายไม่มีขอบเขต ครอบโลกธาตุ ครอบสมมุติทั้งหลายไปเลย คือหัวใจที่บริสุทธิ์แล้วนั้นแลครอบ ทีนี้เวลาควรจะแสดงสงเคราะห์ผู้ที่มาเกี่ยวข้อง จะได้รับผลประโยชน์มากน้อยเพียงไร จะออกตามสัดตามส่วนของผู้มาเกี่ยวข้อง ควรหนักก็หนัก ควรแกงหม้อเล็กก็หม้อเล็ก ควรแกงหม้อจิ๋วก็หม้อจิ๋ว พุ่งเลย นี่ละธรรมะหลายขั้นนะ

เราไม่ได้สงสัยธรรมะข้อใดเลยในบรรดาธรรมที่เรามาสอนโลกนี้ เราสอนด้วยความแน่ใจๆ ทุกอย่าง เพราะเราปฏิบัติมาแล้ว รู้ตามธรรมทั้งหลายที่นำมาสอนนี้เรียบร้อยแล้ว การนำธรรมออกมาสอนจึงไม่สงสัยว่าจะผิดไปๆ เพราะฉะนั้นคำเทศนาของเราไม่ว่าจะในหนังสือ ในเทปในอะไรก็ตาม จึงไม่มีคำว่าแก้ไข เราไม่เคย เทศน์ตรงไหนไปเรียกว่าพอแล้วๆ ไม่บอกว่าพร้อมแล้วนะ พอแล้วๆ ออกไปด้วยความพอดีๆ ทุกอย่างเลย นี่เราเทศน์สอนโลก เวลานี้กระจายออกไปทั่วโลกแล้ว ออกทางอินเตอร์เน็ต สำหรับธรรมะขั้นสูงก็ค่อนข้างแน่ใจว่าออกไปโดยลำดับลำดามาแล้ว ตั้งแต่ที่เราเทศน์สอนพระ เทศน์สอนพระบนศาลาจะมีแต่ธรรมะอย่างเด็ดขาดๆ เรียกว่าแกงหม้อจิ๋วๆ ไปเลย หม้อเล็กหม้อจิ๋วๆ ไปเลย นี่เขาถอดออกไปแล้วนี่ ออกทางหนังสือก็มี ทางวิทยุก็มี ออกทางอินเตอร์เน็ตก็มี ล้วนแล้วแต่ธรรมะที่ออกจากหัวใจเราคนเดียวนี่แหละ อีตาบัว ป.๓. นี่แหละ พูดให้มันตรงๆ ก็มัน ป.๓ จริงๆ คือแต่ก่อนมันไม่มี ป.๔ เราเรียนจบแต่ ป.๓ ออกมา เราก็คุยเรื่อง ป.๓ ทุกวันนี้เขาถึง ป.ไหนก็ไม่รู้แหละ เราจำได้แต่ว่าแต่ก่อนไม่มี ป.๔

ป.๓ นี่ไปเทศน์ทั่วโลก ใครจะเชื่อได้หรือไม่เชื่อมันก็เทศน์แล้วนี่จะว่าไง ป.๓ วันนี้จะไปสักกี่กัณฑ์ก็ไม่รู้นะ เทศน์ไม่หยุดไม่ถอย ไม่ทราบว่าเอามาจากไหนบ้าง หรือว่างัดของเก่ามาเทศน์เรื่อย เป็นไงผู้ฟังของเก่า จืดจางเบื่อหน่ายไหม ไม่เหรอ ถ้างั้นจะเป็นของใหม่หรือเป็นของอะไรไม่รู้นะ ไปที่ไหนเทศน์เรื่อย ไม่ทราบว่างัดของเก่าของใหม่มา เทศน์ดะไปเลย ไปที่ไหนเทศน์ไม่หยุดๆ ไม่ว่าภูมิใดๆ สถานชุมนุมชน ไม่ว่าสูงว่าต่ำขนาดไหนๆ มันไปหมดแล้ว ได้เทศน์หมด ในกรุงสยามของเราเทศน์หมดแล้ว ไม่ว่าที่สูงที่ต่ำ เรียกว่าเทศน์หมดแล้ว เต็มกำลังความสามารถในฐานะของธรรมที่ว่าสูงกว่าโลกโดยประการทั้งปวง จึงไม่มีอะไรที่ว่าอันนี้สูงอันนั้นต่ำ หลบอันนั้นหลีกอันนี้ หรือลูบหน้าปะจมูกนี้ไม่มี เราพูดจริงๆ ในหัวใจเราไม่มี มีแต่ความจริงล้วนๆ ความจริงควรออกตรงไหนออกเลยๆ

ยิ่งผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรมอย่างสูงด้วยแล้วยิ่งออกได้เร็ว พุ่งเลย ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่ทันกัน ถ้าเป็นพื้นๆ ก็สอนเป็นพื้นๆ อย่างแกงหม้อใหญ่ จะสอนให้ยิ่งกว่านั้นไม่ได้นะมันขัดกัน แกงหม้อใหญ่ต้องสอนธรรมะให้เหมาะสมกับแกงหม้อใหญ่ แกงหม้อเล็กก็ขึ้นไปแกงหม้อเล็ก ให้เหมาะสม แกงหม้อจิ๋วสมแกงหม้อจิ๋ว ให้ขัดกันอย่างนั้นไม่ได้ แกงหม้อเล็กจะเอาแกงหม้อใหญ่ไปใส่ขัดกัน เหมือนอย่างผู้มีภูมิธรรมสูงเทศน์สอนผู้พึ่งฝึกหัดอบรมอย่างนี้ ผู้ภูมิธรรมสูงก็ฟังธรรมดา แต่จะเอาธรรมะนี้ไปเทศน์สอนผู้มีภูมิธรรมสูงฟังไม่ได้ นั่นเข้าใจไหมล่ะ

นี่ละธรรมะพระพุทธเจ้า ควรที่จะออกหนักเบามากน้อยเพียงไรมันจะเป็นเองๆ ขอให้ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันเถอะน่ะ ไม่ต้องไปถามใครเลย สามโลกธาตุไม่เคยถามใครว่าจะเอาเป็นสักขีพยาน แน่หรือไม่แน่ไม่มี ผางเข้าจุดเดียว อ๋อ ทันทีเลย แม่นยำๆ เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าเพียงองค์เดียวจึงสอนโลกได้ทั้งสามโลกธาตุ เพราะความแม่นยำของศาสดา และธรรมะเป็นธรรมะประเภทแม่นยำเหมือนกัน เข้าหัวใจไหนมันก็แม่นยำตามภูมินิสัยวาสนาของตนนั้นแหละ

เราพูดจริงๆ เราไม่เคยสะทกสะท้านอะไรกับสามแดนโลกธาตุนี้ ตั้งแต่ก่อนมันก็ไม่เคยเป็นอย่างนี้ ก็เพราะอำนาจแห่งธรรมพระพุทธเจ้ามาเปิดกิเลสตัณหาที่ตัวมืดตัวบอดนี้ออก แล้วมันก็กระจ่างขึ้นมาๆ ซัดเสียจนกระทั่งกิเลสหมอบราบหมดแล้ว มันโล่งไปหมดเลย อะไรจะมาขัดในหัวใจนี่ไม่เคยมี ตั้งแต่กิเลสขาดสะบั้นลงไปแล้ว มันก็ชี้ได้เลยว่ากิเลสเท่านั้นมาขัดหัวใจ ไม่ว่าส่วนหยาบ ส่วนกลาง ส่วนละเอียด ขัดได้หมด เป็นหอกเป็นหลาวเป็นเสี้ยนเป็นหนามได้ทั้งนั้น ผงเข้าตาก็เป็นได้ใช่ไหมล่ะ ขัดได้ สิ่งเหล่านี้หมดไม่มีอะไรเหลือแล้วอะไรจะมาขัด นั่น ก็มีกิเลสเท่านั้นเป็นภัยต่อเราต่อโลกทั้งหลาย

นี่ก็ได้ปฏิบัติเอาจนกระทั่งไม่มีอะไรเหลือแล้ว จึงได้มาสอนโลกด้วยความ ถ้าว่าพูดภาษาโลกก็ว่า ไม่สะทกสะท้านหวั่นไหว นี้ยกมาพูดเฉยๆ นะ มันเลยอันนั้น สะทกสะท้านหาอะไร พูดง่ายๆ ของจริงมียังไง เหนือทุกอย่างแล้วนำออกไปสอนโลก จะสะทกสะท้านกับอะไร หรือว่าเอาเงินไปให้เด็ก เด็กกำลังมาขอทาน สะทกสะท้านเด็กเหรอ ฟังซิน่ะ เด็กขอทานกับเรามีเงินไปให้เด็ก สะทกสะท้านเด็กเหรอ ธรรมพระพุทธเจ้าเลิศเลอสุดยอดแล้ว สะทกสะท้านกับอะไรสัตว์โลก นั่น เข้าใจไหมล่ะ เอาละ

(ลูกศิษย์ถามประเภทของพระอรหันต์) ในตำราในครั้งพุทธกาลท่านก็มีเป็นแบบเป็นฉบับไว้เหมือนกัน อย่างที่เราเคยพูดให้ฟังเสมอ อรหันต์มี ๔ ประเภท ประเภทหนึ่ง สุกขวิปัสสโก บรรลุอย่างราบรื่นไปเลย ไม่มีคลื่นมีอะไร ราบรื่นไปเลย เหมือนอย่างลงทางต่ำๆ รถวิ่งทางนั้นเรียบไปเลย เตวิชโช ได้วิชชา ๓ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ ในวิชชา ๓ ฉฬภิญโญ นอกจากสำเร็จแล้วยังมีอภิญญาความรู้ถึง ๖ อย่าง ประเภทที่สาม เหาะเหินเดินฟ้า หูทิพย์ ตาทิพย์ เนรมิตได้หลายอย่างหลายประการ คนเดียวตั้งเป็นพันเป็นหมื่นคนก็ได้ พลิกปั๊บปุ๊บมีคนเดียว พลิกปุ๊บไม่มีคนเลยก็ได้ ท่านเรียกว่า ฉฬภิญโญ เหาะเหินเดินฟ้าได้ ดำดินได้ บินบนได้ หูทิพย์ ตาทิพย์ ประเภทที่สาม

         ประเภทสี่ จตุปฏิสัมภิทาญาณ เป็นผู้แตกฉาน จตุปฏิสัมภิทาญาณ ทั้งสี่ ทั้งสี่นี้คืออะไร อัตถปฏิสัมภิทา แตกฉานในอรรถ ในอรรถคือเหมือนกับว่าของมัดไว้ คลี่ออก กระจายออกไปได้หมด ละเอียดลออจากของมัดไว้นั้น อย่างที่เรียกว่ากระทู้ ๆ มัดไว้ แยกจากนี้แตกกระจายออกไป เรียกว่า อัตถปฏิสัมภิทา แตกฉานในเนื้ออรรถเนื้อธรรมเพียงย่อ ๆ ตีพิสดารไปได้หมดเลย ธัมมปฏิสัมภิทา แตกฉานในธรรมทั้งหลายทั่ว ๆ ไป  นิรุตติปฏิสัมภิทา แตกฉานในการเทศนาว่าการ การพูดการจา การโต้การตอบ ภาษาอะไรคล่องตัวทุกอย่าง นี่เรียกว่า นิรุตติปฏิสัมภิทา แตกฉานในการเทศนาว่าการ การโต้การตอบปัญหาประเภทต่างๆ ตอบทันเหตุทันผลทุกอย่าง ปฏิภาณปฏิสัมภิทา เรียกว่าแตกฉานครอบหมดใน ๔ อย่างนี้ อันนี้ละเอียดยิ่งกว่าอะไรอีก เข้าใจเหรอ เอาละพูดเท่านั้น

         สรุปทองคำและดอลลาร์เมื่อวันที่ ๒๑ เมื่อวานนี้ ทองคำได้ ๒ บาท ๓๗ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๖๗ ดอลล์ ทองคำที่มอบเข้าคลังหลวงแล้ว นี่หมายถึงที่มอบเรียบร้อยแล้ว   ๗,๗๒๕ กิโล ดอลลาร์ที่มอบเข้าคลังหลวงแล้ว ๘,๓๐๐,๐๐๐ ดอลล์ ทองคำและดอลลาร์ที่ได้เพิ่มหลังมอบเข้าคลังหลวงแล้วนั้น ทองคำได้ ๗๔๔ กิโล ๒๗ บาท ๔๕ สตางค์ ยังขาดอยู่อีก ๒๘๖ กิโล จะครบจำนวน ๑,๐๓๐ กิโล ที่จะมอบในครั้งต่อไปนี้ ดอลลาร์ได้ ๘,๕๔๙,๔๐๘ ดอลล์

         รวมทองคำที่ได้แล้วทั้งหมด ทั้งที่มอบแล้วและยังไม่ได้มอบรวมทั้งหมดเลย เป็นได้ทองคำ ๘,๔๖๙ กิโล ยังขาดอยู่อีกประมาณ ๑,๕๓๑ จะครบจำนวน ๑๐ ตัน ดอลลาร์ที่ได้แล้วทั้งหมด ๘,๕๔๙,๔๐๘ ดอลล์ ยังขาดอยู่อีก ๑,๔๕๐,๕๙๒ จะครบจำนวน ๑๐ ล้านดอลล์ นี่เรากำลังตะเกียกตะกาย พอจวนถึงวันนั้นมันจะได้เพิ่มขึ้นอีก เราก็ค่อยพิจารณาไปตามนี้ ประกาศให้ทราบเป็นลำดับๆ ไป จนกระทั่งประกาศตายตัวขาดเท่าไรๆ ก็จะทราบจากเรานี้แหละ เพราะเราเอาเรื่องมารวมอยู่ในหัวอกนี่ทั้งหมดเลย

         เวลานี้เพียงแต่พูดตามระยะเวลาที่ได้มา ๆ และจำนวนที่ได้มาตามเวลานั้น ๆ ได้เท่านี้เวลานี้ ต่อไปนี้เราก็จะก้าวต่อไปอีก ก้าวไปไหนก็เพื่อประดับชาติไทยของเรา นั่นแหละ ไม่เพื่ออะไรแหละ คุณค่าแห่งการหนุนชาติไทยของเรามีอานิสงส์มาก สูงสุดนะ (สาธุ) ไม่ใช่ของเล่น ๆ ใครมายกได้ เรายกชาติไทยเราทั้งชาติมีอานิสงส์มหาศาล ไม่มีอะไรเกินนะ อันนี้มีอานิสงส์มาก ดังที่ท่านแสดงไว้เป็นท้าวสักกเทวราช เวลามาอุบัติมาเป็นมนุษย์นี้ก็เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ไปที่ไหนมีแต่สมบัติเงินทองข้าวของดาดาษเต็มไปหมด เพราะอำนาแห่งการให้ทานเป็นส่วนใหญ่ ๆ ต่อส่วนใหญ่ ๆ นี่ท่านแสดงไว้ในคัมภีร์

         อันนี้เราก็ช่วยคนทั้งชาติ ๆ มีอะไรทุ่มลงไป ก็มาหาเราแหละ ทุ่มออกไปไหนก็ไม่ไป ทุ่มออกไปนี้ก็เป็นสมบัติเพื่อชาติส่วนรวมต่อไป ส่วนบุญกุศลมากน้อยที่เกิดขึ้นจากการบริจาคก็เข้ามานี้ๆ นั่นแหละ ท่านจึงแสดงไว้อย่างพระเจ้าจักรพรรดิ จนถึงกับได้เป็นคู่เคียงของผู้สิ้นกิเลสทั้งหลายได้ ให้โลกทั้งหลายได้กราบไหว้บูชาเป็นขวัญตาขวัญใจเรื่อยมา จนเป็นตำราว่า บุคคลที่ควรจะสร้างเจดีย์กราบไหว้บูชานั้นคือประเภทใดบ้าง ท่านก็แสดงไว้ ๑. พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ๒. พระปัจเจกพุทธเจ้า ๓. พระอรหันต์ ๔. พระเจ้าจักรพรรดิ นั่นเห็นไหม ๔ พระองค์ควรแก่การสร้างเจดีย์สถานที่ต่าง ๆ ไว้กราบไหว้บูชาเป็นขวัญตาขวัญใจ ทั้ง ๔ พระองค์ นี่ท่านแสดงไว้แล้วในตำรา

         เพราะฉะนั้นเราถึงได้เตือน เอะอะๆ มีแต่สร้างเจดีย์ๆ มันเจดีย์อะไร ก็ต้องพิจารณาบ้างซิ เขาเห็นเจดีย์เขาจะนึกน้อมถึงขั้นสูงของบุคคลผู้ที่สูงสุด ๆ ทั้งนั้นแหละ เราสร้างอะไร หมาตายก็สร้างเจดีย์ หมูตายสร้างเจดีย์ อะไรตายก็สร้างเจดีย์ กราบลงไปทีนี้ถูกไอ้ปุ๊กกี้ถูกไอ้หยองจะว่าไง ควรจะพินิจพิจารณาคนเรา ทำอะไรให้มีแบบมีฉบับ เราได้ว่าแล้วนะ ใครจะถือไม่ถือก็แล้วแต่ หลักเกณฑ์มีอย่างนี้ต้องสอนตามหลักเกณฑ์ เอาละจะให้พร

 

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาทุกวัน ได้ที่

www.Luagnta.com หรือ www.Luangta.or.th

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก