จิตต้องอาศัยการรบเร้าและขู่เข็ญ
วันที่ 29 กรกฎาคม. 2508
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๐๘

จิตต้องอาศัยการรบเร้าและขู่เข็ญ

 

ท่านนักปฏิบัติทุกท่านโปรดทราบอย่างถึงใจ ว่าบัดนี้เราได้ก้าวเข้ามาสู่วงพระศาสนาที่เรียกว่า วงแห่งธรรม หน้าที่ของผู้มีความเป็นอยู่ในเพศนี้ แม้จะอยู่ในแผ่นดินอันเดียวกันกับโลกทั่ว ไปก็ตาม แต่ความเป็นอยู่ ความรู้สึก ความประพฤติทุกด้านย่อมมีความแตกต่างกันกับโลก จะยากลำบากฝืดเคือง และสะดวกอย่างไร ต้องเป็นผู้อุตส่าห์พยายามดำเนินไปตามหน้าที่ที่เข็มทิศแห่งธรรมชี้บอกไว้ อย่าปล่อยให้ความอิดหนาระอาใจเข้าแทรกสิงภายในใจ จะอยู่ในวงแห่งธรรมนี้ต่อไปไม่ได้ โลกที่อยู่กันทั่วดินแดนเขาเป็นอยู่ด้วยความฝืดเคือง ความสะดวก ความสุข ความทุกข์ ความยาก ความง่าย เช่นเดียวกับวงแห่งธรรมของเรา เพราะใครอยู่ที่ไหนก็มีเครื่องบีบบังคับให้ทำงาน ทั้งยาก ทั้งง่าย ทั้งหนัก ทั้งเบา อยู่เป็นประจำ

สิ่งที่บีบบังคับนั้น ได้แก่ธาตุขันธ์ คือร่างกายของเราของท่าน ซึ่งต้องอาศัยเครื่องบำรุงอยู่เสมอ ถ้าขาดการบำรุงรักษาแล้ว ชีวิตจิตใจจะสืบต่อกับร่างนี้ไปไม่ได้ ต้องแตกสลายลง เพราะขาดปัจจัยเครื่องอุดหนุน เมื่อสิ่งบีบบังคับให้เราจำต้องทำงานมีอยู่ เรื่องของงานยากบ้าง ง่ายบ้าง หนักบ้าง เบาบ้าง ทุกข์บ้าง สุขบ้าง จำต้องมี ทุกคนต้องยอมรับ จะฝ่าฝืนไม่ได้

อย่าเข้าใจว่าคนนี้ คนโน้น บ้านนี้ บ้านโน้น เมืองนี้ เมืองโน้น ประเทศนี้ ประเทศโน้น จะมีความสะดวกกายสบายใจ เพราะไม่มีการงานจะต้องจัดต้องทำให้เป็นความลำบากกายเป็นกังวลใจ โลกไหนก็เป็นโลกแห่งดินฟ้าอากาศ เป็นโลกแห่งธาตุขันธ์ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น สิ่งเสมอตัวด้วยกัน ไม่มีใครจะฝ่าฝืนหรืออยู่เหนืออำนาจความจำเป็นภายในตัวไปได้ สัตว์ตัวเล็กหรือตัวใหญ่ก็มีความจำเป็นเท่าตัวของเขา มนุษย์ทุกชั้น และสัตว์ทุกประเภทต่างก็มีความจำเป็นเสมอตัว ไม่มีใครจะทนอยู่เฉย   โดยไม่ทำงานเพื่อตัวเองและครอบครัว ต่างก็จำต้องขวนขวายหามาเยียวยาเพื่อลดหย่อนผ่อนเบาของการบีบบังคับจากธาตุขันธ์ลงพอประมาณ เมื่อเป็นเช่นนี้โลกกับธรรมจึงมีการงานเป็นเครื่องดำเนินเช่นเดียวกัน จะผิดกันอยู่บ้างก็เพียงความหนักเบา ซึ่งเป็นไปตามหน้าที่และเพศของตนเท่านั้น

เพราะฉะนั้น ผู้อยู่ในโลกต้องฝืนความลำบากด้วยการทำงาน เพื่อหารายได้เกี่ยวกับการครองชีพ เพราะมีสิ่งบีบบังคับให้เป็นไปอยู่ตลอดเวลา ไม่มีการผ่อนผันว่าเช้า สาย บ่ายเย็น แม้การครองชีพจะเป็นไปด้วยความสมบูรณ์เพียงพอกับความต้องการไม่มีความฝืดเคือง แต่โรคภายในกายยังมีทางเกิดขึ้นได้ อาการใดแสดงความผิดปกติขึ้นมา อาการนั้นแสดงว่ามีความบกพร่องและต้องการสิ่งเยียวยาตามความจำเป็นของตน ผู้เป็นเจ้าของจะนิ่งนอนใจอยู่ไม่ได้ ต้องวิ่งเต้นขวนขวายเพื่อหาทางแก้ไขจนสุดวิถีทาง ไม่เช่นนั้นก็กำเริบ มากกว่านั้นก็ถึงตาย แล้วใครจะอยากตายเล่า เมื่อยังไม่ถึงขั้นสุดวิสัยก็ต้องแก้ไขกันจนสุดความสามารถ ถ้าพยายามแก้ไขเท่าไรก็มีแต่จะไปท่าเดียว ไม่ยอมฟังเสียงใครแล้วก็ปล่อย และไสเข้าเตาไฟไปตามคติธรรมดา เพราะคนและสัตว์เกิดมาทางเดินของชีวิตก็มีเพียงเท่านั้น จะให้เป็นอื่นไปไม่ได้

โลกกับธรรมจะแยกไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มีงานย่อมไม่ได้ จำต้องทำงานเช่นเดียวกันทั้งสองฝ่าย ต่างแต่ที่แยกให้เป็นงานทางโลกงานทางธรรมเท่านั้น ไม่มีโลกไหนจะอยู่เฉย โดยไม่ต้องทำงาน และไม่ประสบความยากลำบาก ความทุกข์ ความฝืดเคือง เพราะโลกนี้เป็นที่อยู่ของผู้ฝืดเคือง เป็นที่อยู่ของผู้ยุ่งยาก เป็นที่อยู่ของผู้บกพร่อง ต้องแสวงหามาซ่อมแซม และเยียวยาเสมอ ถ้าเป็นผู้โง่เขลาเบาปัญญา และเกียจคร้านไม่สามารถปกครองตนได้ ก็ยิ่งมีความทุกข์ลำบากเป็นทวีคูณ เพราะฉะนั้น ความเคลื่อนไหวไปมาของคนและสัตว์ ซึ่งเป็นไปอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน ทั้งในน้ำบนบก ตามสถานที่ต่าง โดยไม่มีวันเสาร์ วันอาทิตย์ วันพระ วันโกน ก็เพราะเรื่องของธาตุขันธ์นี้ทั้งนั้น ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่โตในโลกมนุษย์เรา

คำว่า โลก หมายถึงส่วนรวม คือ รวมทั้งคนดี คนชั่ว คนโง่ คนฉลาด คนมี คนจน คนประเภทใดก็รวมอยู่ด้วยกัน รวมทั้งสัตว์ ไม่ว่าสัตว์น้ำ สัตว์บก ตลอดวัตถุต่าง ทั้งของมีคุณ ของมีโทษ ของมีราคาถูก ของมีราคาแพง และของไม่มีราคา รวมอยู่ในโลกอันนี้ทั้งนั้น ของหลายอย่างรวมกันเข้าในแผ่นดินอันเดียวกัน เรียกว่าโลก แต่โปรดทราบไว้เสมอว่า จะโลกไหนก็คือโลกธาตุขันธ์ จึงเป็นโลกวิ่งเต้นขวนขวายเหมือนกัน เพราะไม่มีโลกอิสระให้พวกเราอยู่ พอจะมีความเป็นอิสระไม่ต้องทำอะไรเหมือนโลกอื่นๆ เขา

พวกเราบวชในพระศาสนาที่เป็นวงหนึ่งจากโลกทั่ว ไป จำเป็นต้องมีงานทำประจำเพศของตน ถ้าเราบวชในพระศาสนาเห็นว่าเป็นความคับแคบลำบาก ไม่สามารถจะประพฤติตนให้เป็นไปตามหลักพระธรรมวินัยได้ เราจะไปอยู่โลกไหนจึงจะสามารถปกครองตนได้ เพราะขณะที่เราอยู่ในธรรมเราก็ไม่สามารถ เมื่อเราไปอยู่ในโลกเราจะหาความสามารถมาจากไหน เพราะความสามารถ และความไม่สามารถก็มีอยู่กับเราคนเดียวนี้ โปรดขบคิดปัญหาเรื่องของตัวเสมอ อย่านิ่งนอนใจ และอยู่ไปพอสืบวันสืบคืนโดยไม่ได้รับประโยชน์ เราอาศัยร่มเงาพระพุทธศาสนา มีที่อยู่ที่อาศัย มีที่หลับนอน มีเครื่องบริโภคใช้สอยด้วยความสะดวกสบาย ไม่ฝืดเคืองปัจจัยสี่ นี้เป็นมาเพราะอะไร ถ้าเป็นมาจากพระพุทธเจ้า ท่านทรงปฏิบัติต่อพระองค์อย่างไรบ้าง

ถ้าคำว่า พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ นี้หมายถึงตัวเรายอมรับเอาท่านเป็นครูจริง ก็ควรดูเยี่ยงอย่างที่พาดำเนินมา เท่าที่ปรากฏมาในพระประวัติและในสวากขาตธรรมทั่ว ไป ไม่เคยปรากฏความท้อแท้อ่อนแอ ความเกียจคร้าน ความไม่อดทน ความนิ่งนอนใจ ความเห็นแก่ความสะดวกโดยไม่คำนึงเหตุผล เข้าทำหน้าที่เบิกทางเพื่อความตรัสรู้แก่พระพุทธเจ้าเลย

ฉะนั้น จึงไม่มีนามแฝงปรากฏอยู่ในปฏิปทาเครื่องดำเนินของพระพุทธเจ้าว่าปฏิปทาเกียจคร้าน เป็นต้น แต่ทรงอุบัติขึ้นมาเพราะความขยันหมั่นเพียรและอาจหาญแกล้วกล้าต่อการปลดเปลื้องพระองค์ โดยไม่มีความหวั่นไหวต่อโลกธรรมภายในพระทัย ที่คอยฉวยโอกาสร้าวรานพระองค์อยู่ตลอดเวลา จนปรากฏเป็นองค์พุทธะที่บริสุทธิ์ขึ้นมา แล้วทรงประทานธรรมที่บริสุทธิ์แก่ไวไนยให้รู้ร่องรอย และเห็นแจ้งตามหลักธรรมโดยลำดับ จนเกิดความเชื่อเลื่อมใส ยอมสละสมบัติอันมีค่าออกบวชตามเสด็จก็มี ผู้ถวายชีวิตเพื่ออุปถัมภ์ดูแลพระศาสนาก็มี แต่ละฝ่ายนับจำนวนไม่น้อยเลย

แม้ผู้ออกบวชก็เป็นไปด้วยความเชื่อเลื่อมใสในธรรมจริง ปฏิบัติหวังพึ่งเป็นพึ่งตายต่อหลักธรรมไม่มีทางปลีกแวะเป็นอย่างอื่น มุ่งตรงต่อ สุปฏิปนฺโน อุชุ ญาย สามีจิฯ เพื่อความดับทุกข์ประจักษ์ใจไม่อาลัยเสียดายในชีวิต แม้จะแตกสลายลงเพราะความเพียร ก็มอบเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชาไปเลย ผู้ให้ความอุปัฏฐากดูแลซึ่งเป็นนักใจบุญก็ดำเนินตามหน้าที่และเพศของตน ไม่คำนึงถึงความสิ้นเปลืองใด พระศาสนาก็ปรากฏว่ากระเตื้องเลื่องลือประหนึ่งโลกธาตุหวั่นไหว เนื่องจากคำว่า พุทโธ องค์ศาสดาทรงดำเนินเป็นตัวอย่าง และวางร่องรอยไว้อย่างพร้อมมูล

พวกเราเป็นช้างเท้าหลัง คอยก้าวไปตามร่องรอยที่พระองค์ทำกรุยหมายไว้อย่างชัดเจน ยังจะถือว่าเป็นความลำบากยากเย็นแล้วก็หมดทางที่จะช่วยเหลือ แม้จะไปอาศัยครูอาจารย์และหมู่เพื่อน ก็จะทำให้ท่านและหมู่คณะลำบากและหนักใจ เพราะตัวไม่สามารถในหน้าที่ซึ่งตกเป็นภาระของตัว ถ้าเป็นไม้ก็เป็นไม้ประเภทที่คดงอมาก ทำให้ขวางบ่าขวางคอสำหรับผู้แบกหาม

ทุกท่านที่มาสู่ที่นี่ก็ดี จะไปสู่ที่อื่นก็ดี จงเป็นผู้เบากาย เบาใจ อย่าอืดอาดเหมือนเรือบรรทุกของหนัก ให้เป็นคนหูไว ตาไว ใจสอดส่องมองหาอรรถหาธรรมที่จะมาเกี่ยวข้อง จะมาจากครูอาจารย์ให้อุบายในสิ่งต่าง และในวาระต่าง ก็ตาม จะมาจากหมู่คณะผู้ใดผู้หนึ่งก็ตาม จงคอยสังเกตสอดรู้อยู่เสมอ เพราะธรรมที่จะเป็นอุบายให้เราได้รับความฉลาดมีอยู่ทั่วไป ถ้าเราไม่ประพฤติตัวในลักษณะหมูตัวอ้วนนอนจมโคลนรอคอยจะขึ้นเขียง ต้องได้รับความฉลาดจากครูอาจารย์และหมู่คณะไปวันละเล็กละน้อย จนกลายเป็นนิสัยของคนมีสติปัญญารอบตัวไปได้จากความเป็นคนชอบสังเกต เพราะทุกสิ่งไม่ว่าทางดี ทางชั่ว อาศัยการทำบ่อยก็ชินไปเอง โปรดจำคำข้อนี้ไว้อย่างฝังใจ

การทำความเพียรเพื่อตัวเองไม่ให้เสียเวลาและเนิ่นช้า ต้องทำความพยายามรู้นิสัยของตนไปด้วย คือเวลาเราบำเพ็ญเพียรด้วยความตั้งใจ และมีสติประจำอยู่กับความเพียร เราต้องเร่งและหนักมือขึ้นไปเป็นลำดับเพื่อเห็นผลปรากฏ ถ้าทำขนาดที่ทำแล้วยังไม่ปรากฏผล ก็ต้องขยับเวลาเพิ่มและเร่งสติกับใจเข้าเป็นอันเดียวกัน ทั้งเวลาทำความเพียรและเวลาปกติจิตกับสติไม่ยอมให้เผลอจากกันตลอดเวลา จิตจะฝืนสติผู้ควบคุมไปไม่ได้ จำต้องยอมจำนน และหยั่งลงสู่ความสงบจนได้ นี่คือวิธีทำความเพียรเพื่อรู้ธรรมอันมีอยู่กับใจที่ปราศจากอารมณ์เบื้องต้น ถือเอาความสงบและเย็นใจเป็นธรรมหรือเห็นธรรม เพราะธรรมมีหลายชั้น จากนั้นถ้าไม่ละความเพียรจะเห็นธรรมในลักษณะต่าง ภายในใจอย่างแน่นอน

ผู้บำเพ็ญและรู้เห็นธรรมเป็นขั้น ย่อมมีที่ยึดเหนี่ยวของใจ ใจจะไม่วอกแวกคลอนแคลนอย่างที่เคยเป็นมา  เพราะรสของธรรมมีอำนาจ จะเป็นทำนองพกเงินไปแล้วเจอทอง เงินย่อมลดคุณค่าและขาดความสนใจลงในขณะที่ไปเจอทอง นี่ทุกสิ่งที่เคยกลุ้มรุมใจมาโดยเจ้าตัวก็เข้าใจว่าเป็นของดีด้วย แล้วยึดเป็นอารมณ์จนฝังใจ แต่พอไปเจอบ่อแห่งสันติความสงบเข้า อารมณ์ที่เคยเกาะเกี่ยวโดยใจเคยถือว่าเป็นของดีก็ค่อยหายจางไปเป็นลำดับเช่นเดียวกัน ใจย่อมมีความหนักแน่นต่อธรรมเป็นลำดับ และนับวันเห็นผลเพิ่มปริมาณเป็นระยะ ถ้าไม่เพลินจนเกินตัว และติดอยู่ในธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง ก็มีหวังผ่านพ้นไปได้โดยไม่มีปัญหา

นี่พูดสรุปผลของการปฏิบัติด้วยความตั้งใจจริงจะต้องเป็นอย่างนี้ ข้อสำคัญโปรดอย่าทำเพียงลูบ คลำ แล้วตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาบังคับธรรมให้อยู่ใต้อำนาจก็แล้วกัน การตั้งกฎเกณฑ์มีหลายประเภท แต่จะเป็นประเภทใดก็คือ ความคิดผิดทั้งนั้น เช่นคิดว่า เราทำความเพียรพยายามมาถึงขนาดนี้แล้วควรจะได้รับผลตามต้องการ เป็นต้น ผู้มีความคิดเห็นเช่นนี้ แม้การทำความเพียรก็จะทำพอลูบ คลำ เท่านั้น แต่จะเข้าใจว่าตนมีความเพียรกล้ายิ่งกว่าครู คือศาสดา แล้วก็ตั้งคะแนนเอาเองและตำหนิธรรม สาปแช่งธรรมต่าง นานา ว่าตนทำแทบตายไม่เห็นได้ผลอะไรจากธรรมเลยแม้แต่นิดเดียว เราไม่ควรบำเพ็ญต่อไปให้เสียกำลังและเวลาเปล่า สึกออกไปเป็นฆราวาสผู้ครองเรือนยังดีกว่านี้ แล้วก็เผ่นไปตามอารมณ์ที่ขึ้นสมองอย่างสุดขีดโดยไม่มีเบรกห้ามล้อเลย

หากว่าคนประเภทที่ทำความรกรุงรังให้แก่ศาสนธรรม สึกออกไปเป็นฆราวาสและสร้างเนื้อสร้างตัวให้เจริญรุ่งเรืองด้วยโภคสมบัติ เพราะความเกียจคร้านอ่อนแอเป็นผู้นำดังที่เคยเป็นมาแล้ว ธรรมของพระพุทธเจ้าก็ต้องล้มละลายฉิบหายไปเท่านั้นเอง ตามธรรมดาแล้วคนที่แสนเกียจคร้านอ่อนแอ จะไปทำงานอะไรให้สำเร็จประโยชน์ได้ เพราะตามปกติโลกต้องอาศัยธรรมนำไปใช้เป็นเครื่องดำเนิน เพื่อความเจริญของบ้านเมือง เพราะโลกมิได้เจริญด้วยความเกียจคร้านอ่อนแอเป็นผู้นำ คนที่เคยตั้งคะแนนเอาเอง และกดขี่ธรรมโดยวิธีที่กล่าวนี้ ยังจะไปตั้งคะแนนให้โลกอีกตามเคย สุดท้ายจะไม่มีโลกอยู่ นี่โรคเกียจคร้านได้ฝังลงที่หัวใจของผู้ใดแล้ว ต้องทำผู้นั้นให้เป็นคนล้มละลาย ตั้งหลักฐานไม่ได้จนวันตาย

ที่กล่าวมานี้คือโทษแห่งความเกียจคร้าน ผลกลายเป็นบุคคลที่ล้มละลาย โปรดจำให้ดี มีคติในใจ และนำไปบริกรรมภาวนาว่า ที่เราทำขนาดนี้แต่ไม่เห็นผลปรากฏ เพราะความสามารถและการกระทำยังไม่มีกำลังพอ ต้องเพิ่มกำลังความเพียรเข้าไปจนเห็นผลปรากฏชัด เมื่อเหตุสมควรแค่ไหน ผลจะปรากฏขึ้นมาเองโดยไม่มีใครบังคับได้ แม้พระพุทธเจ้าก็ไม่เคยตรัสไว้เลยว่า เป็นผู้คอยให้คะแนนแก่ผู้ปฏิบัติทั้งหลาย ท่านมอบให้เป็นหน้าที่ของเหตุซึ่งผู้นั้นบำเพ็ญได้แค่ไหน ผลจะเป็นของผู้นั้นขึ้นมาตามลำดับของเหตุที่บำเพ็ญได้มากน้อย

นี่หลักธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้ ลูกของพระตถาคตไม่ใช่คนขี้เกียจอ่อนแอ ไม่ใช่คนชอบตำหนิโน้น ตำหนินี้โดยไม่มองดูตัวว่าดีหรือชั่วแค่ไหน ไปที่นั่นอากาศไม่ดี ไปที่นี้ที่อยู่ไม่สบาย ไปที่โน้นอาหารไม่ดี ฉันไม่อร่อยและไม่ถูกกับธาตุขันธ์ ไปที่นั้นหมู่เพื่อนไม่ดี นี่คือคนลืมตน ไม่ได้มองดูตัวว่าเป็นอย่างไรจึงหาจุดแก้ไขตนไม่ได้ แท้จริงสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องของเขาต่างหากและเป็นของเคยมีอยู่ประจำโลกมาตลอดกาล คำว่าโลกต้องมีทั้งดีทั้งชั่วปะปนกันตลอดมา แต่ผู้มีปัญญาสนุกเลือกเฟ้นเอาตามต้องการ ผู้โง่เขลาก็จะได้แต่เที่ยวตำหนิโลกตำหนิธรรมโดยไม่มีขอบเขตและความพอดี ความสงบเย็นใจเลยหาทางเกิดขึ้นไม่ได้แม้แต่นิด เพราะมองเตลิดเปิดเปิงไปเสียหมด ไม่ย้อนกลับมามองดูตัวเสียบ้าง ต่อไปก็จะอยู่กับโลกไม่ได้

ไปหาครูอาจารย์ที่ไหน ก็คอยไปจ้องมอง คอยดูแต่โทษของท่าน ท่านองค์นี้เป็นอย่างไรบ้าง ท่านองค์นั้นเป็นอย่างไรบ้าง ท่านทำดีขนาดไหน ไม่ดีขนาดไหน คอยจ้องมองดูอยู่ทำนองนั้น ตามนิสัยของคนผู้ลืมตน ถ้าไปถูกองค์ที่ท่านดี แต่เราก็ไม่ได้มองดูตัวเองว่าเป็นอย่างไรอีก ถ้าไปถูกองค์ที่ตนไม่ชอบจริตนิสัยก็ไปตำหนิท่านเป็นอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนั้น โดยไม่ได้มองดูตัวว่าตัวเรานี้มันตัวเท่ากิ้งก่าจิ้งเหลนบ้างไหม ทำไมจะใหญ่โตกว่าภูเขาทั้งลูก เที่ยวเหยียบย่ำทับถมครูอาจารย์ไปเสียหมด ภูเขาลูกนั้นคือทิฐิมานะ เข้าใจว่าตัวนี้ดียิ่งกว่าใครๆ และมีความฉลาดพอตัว ฉะนั้นตัวดียิ่งตัวฉลาดพอ มันเลยกลายเป็นตัวหยิ่งจนตามรู้ไม่ทัน เพราะมองเห็นแต่ข้างนอกจนลืมตัว เลยหาหลักเกณฑ์อะไรไม่ได้

ไปที่ไหนโลกก็ร้อน อยู่กับครูอาจารย์และหมู่เพื่อนก็แคบไปหมด เพราะความรู้มากกว่าวัย ใหญ่โตกว่าธรรม อยู่ไหนก็อยู่ไม่ได้เพราะร้อนใน เนื่องจากใจส่งไปจนเลยขอบเขต นี่คือนักบวชไม่ตั้งอยู่ในความสงบ ผลที่ปรากฏจึงเป็นเหมือนไข้ร้อนในสุมอยู่ตลอดเวลา ถ้ายาแก้ไม่ถูกมีหวังตายกันทุกราย ผู้เป็นนักบวชจึงเป็นผู้สงวนตน จิตเป็นสิ่งที่หักห้ามได้ไม่เหลือขอ คือความสำรวมระวังที่ท่านกล่าวว่า สติ สพฺพตฺถ ปตฺถิยา สติจำต้องปรารถนาในที่ทั้งปวง นี่ไม่ใช่ธรรมเล็กน้อย พอจะมองข้ามไปไม่เหลียวแล โปรดทราบว่าคนเป็นบ้าเพระขาดสติ ถ้าไม่ต้องการเป็นคนประเภทที่กล่าวนี้ควรสนใจในสติ

การปฏิบัติบำเพ็ญตน ไม่ว่าใครบำเพ็ญและบำเพ็ญอยู่ที่ไหนก็ชื่อว่าทำงาน ต้องมีความลำบากเหมือน กัน ถ้าเราจะถือเอานิสัยที่เคยสะดวกสบายมาแต่สมัยเป็นเด็ก ซึ่งอยู่กับพ่อแม่ที่ท่านเคยอนุโลมตามใจจนเกิดความเคยชินมาใช้ในหลักธรรม ก็จะกลายเป็นข้าศึกต่อธรรม เพราะธรรมไม่ใช่บิดามารดา ซึ่งจะคอยอนุโลมและคล้อยตามเราเสียทุกอย่าง แม้จะมีธรรมขั้นต่ำ ขั้นสูง ที่เรียกว่าอนุโลม ปฏิโลม ปะปนกันไป เพื่อนิสัยของผู้บำเพ็ญก็มิให้เลยขอบเขตของธรรม

ความเป็นฆราวาสกับความเป็นนักบวช แม้จะอยู่ในโลกอันเดียวกันก็มีความแตกต่างกันในทางความประพฤติอัธยาศัยและหน้าที่การงาน จะนำนิสัยของฆราวาสมาใช้ในเพศของนักบวชย่อมขัดข้องกัน เราเป็นฆราวาสเคยได้รับความสะดวกในการไปการมา การบริโภคใช้สอย และปล่อยตามสบายใจทุกอย่าง แต่เวลาสละเพศมาเป็นนักบวช ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยแล้วจะทำอย่างนั้นย่อมไม่ได้ เพราะการปฏิบัติตามหลักของพระธรรมวินัยก็ชื่อว่ามาฝึกฝนทรมานตน จะหาความสะดวกและปล่อยตามใจได้ที่ไหนในเวลาเช่นนั้น

ฉะนั้น หลักนิสัยจึงเป็นสิ่งสำคัญในตัวของบุคคลและสัตว์ ถ้านิสัยชอบสะดวกสบาย และชอบประพฤติตามใจตัวเคยฝังใจแล้ว เวลาออกมาบวชก็ทำตัวให้อ่อนแอไม่มีความเข้มแข็งต่อหน้าที่การงาน เลยหาหลักเกณฑ์และหาชิ้นดีไม่ได้ จนกลายเป็นคนขวางโลกขวางธรรมโดยไม่รู้สึกตัว สุดท้ายก็เป็นโมฆบุรุษ เปล่าจากประโยชน์ในวงผ้ากาสาวพัสตร์

ความชอบธรรมตามหลักของนักบวชและนักปฏิบัติ ต้องเป็นนักไตร่ตรองดูเหตุดูผล และดูความประพฤติของตัวอยู่เสมอ บกพร่องตรงไหน รีบแก้ไขเป็นลำดับ ไม่ยอมนอนจมอยู่กับความหมักหมมนั้น และไม่คำนึงว่ายาก หรือ ง่าย เข้ามาเกี่ยวข้องกับวงงานที่ดำเนิน จะยากหรือง่ายก็ทำให้ถูกต้องตามธรรม และสมบูรณ์ขึ้นตามเจตนาที่ตั้งไว้ ไม่ยอมถอยหลังให้กิเลสหัวเราะเยาะเป็นอันขาด เพราะเราเคยอยู่ใต้อำนาจของเขามานานแสนนานแล้ว พอจะทราบผลดี ชั่ว สุข ทุกข์จากเขา ไม่เป็นที่น่าสงสัย โปรดใช้ความสังเกตตัวเองอย่างใกล้ชิด

จิตถ้าได้รับการบำรุงในทางที่ชอบ จะนับวันเจริญก้าวหน้าไม่ถอยหลัง เพราะคำว่าจิต ไม่ว่าจิตใครที่ปรากฏเป็นรูปร่างขึ้นมาในโลก ต้องเป็นจิตที่มีกิเลสอาสวะเป็นเครื่องดองเหมือนกัน อย่าเข้าใจว่าจิตของใครจะเก่งกล้าสามารถไปเองโดยที่ไม่ได้รับการอบรม จะฉลาดแค่ไหนก็ฉลาดอยู่ในวงของกิเลสเป็นผู้ควบคุมนั่นแล เหมือนนักโทษในเรือนจำจะเป็นประเภทลหุโทษหรือครุโทษ ก็นับเข้าในจำนวนบุคคลผู้ต้องโทษและถูกคุมขัง ทั้งเป็นบุคคลประเภทที่หมดความหมายในความเป็นอิสระแก่ตนเองเช่นเดียวกัน

คนเราไม่พยายามอบรมตนเองด้วยธรรมเท่าที่ควรก่อน จะผ่านพ้นความโง่ไปไม่ได้ แม้จะฉลาดก็ฉลาดเพื่อโง่ และนำทุกข์เดือดร้อนมาสู่ตนเองอยู่นั่นแล คำว่าธรรมนี้ไม่จำต้องเขียนติดเบอร์ไว้ จะให้ชื่อให้นามหรือไม่ก็ตาม ถ้าทำถูกทำดี ธรรมก็คือความถูกความดีนั่นเอง เราเป็นนักบวชตั้งหน้ามาฝึกหัดนิสัยตัวเองโดยเฉพาะ เรื่องระเบียบขนบธรรมเนียม ซึ่งเป็นประเพณีของโลกที่ผ่านมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ต้องยึดมาเป็นอารมณ์เกี่ยวข้องในวงของพระและในวงปฏิบัติของพระ นอกจากจะพยายามระบายออกไปจากใจเท่านั้น เพราะสิ่งที่เคยเป็นกังวลและอุปสรรคแก่ใจ ฝืนคิดไปมากเท่าไรก็เป็นความทุกข์มากเท่านั้น

ขึ้นชื่อว่าความผิดแล้วต้องพยายามปล่อยวาง ไม่ควรนำมาเกี่ยวข้องภายในใจ ไม่เช่นนั้น จะเป็นทำนองบวชเข้ามาก่อไฟเผาตัว ทุกข์ก็ยอมรับว่าทุกข์ เพราะทุกคนที่อยู่รวมกัน ใช่จะเป็นทุกข์แต่เราคนเดียว เช่นในวัดนี้มีพระกี่รูป ก็ต้องทุกข์ด้วยกัน เพราะเป็นนักบวช และอาศัยความเป็นอยู่จากชาวบ้านเหมือนกัน อยู่ในวงล้อมแห่งดินฟ้าอากาศ อยู่ในวงล้อมแห่งธาตุขันธ์ ซึ่งเป็นเครื่องบีบบังคับอยู่ตลอดเวลา อยู่ในวงล้อมของกิเลสเครื่องบีบบังคับภายในใจเหมือนกัน ใครจะมีความสุขแค่ไหน ก็คงขนาดท่านๆ เราๆ นี่เอง ไม่ควรสงสัย นอกจากจะพยายามฝึกหัดอบรมตนเองให้ถูกตามหลักธรรมเท่านั้น จะมีทางปลดเปลื้องตนออกจากสิ่งกดขี่บังคับไปได้วันละเล็กละน้อย จนกลายเป็นผู้ทรงความสะดวกไว้ได้ภายในใจ

อยู่ที่ไหนก็สะดวก อยู่โคนต้นไม้ก็สะดวก อยู่อัพโภกาสกลางแจ้งปราศจากเครื่องมุงบังก็สะดวก อยู่ในถ้ำในเหว ซอกห้วยลำธารก็สะดวก อดบ้าง อิ่มบ้างก็สะดวก อาหารหวานคาวทุกประเภทได้มารับประทานพอยังชีวิตให้เป็นไปในวันหนึ่ง เท่านั้นก็สะดวก และสะดวกตามๆ กันไปหมด ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องใด ที่จะก่อกวนความสงบ มีเข็มทิศมุ่งต่อทางพ้นทุกข์อย่างเดียว ประพฤติธรรมเป็นไปด้วยความสม่ำเสมอ เป็นผู้มีหวังหลุดพ้นไปได้วันหนึ่งข้างหน้าโดยแน่นอน

ดังนั้น ผู้จะทำความสุขอันสมบูรณ์ให้แก่จิต คือเป็นผู้ทวนกระแส คือฝืนอารมณ์และแก้อารมณ์ที่เป็นข้าศึกแก่ใจ และพยายามส่งเสริมอารมณ์ที่เป็นธรรมให้มีกำลังภายในใจ จะมีความเยือกเย็นสบาย มองเห็นหมู่เพื่อนก็เป็นมิตรสหาย มองเห็นครูอาจารย์ก็เป็นที่เคารพกราบไหว้ มองเห็นผู้คนก็เป็นที่น่าสงสาร  ผูกความสมานมิตรเป็นและมิตรตายร่วมโลกกันได้อย่างสนิทใจ อย่างไรโปรดอย่าลืมคำว่า อย่านำความยุ่งยากลำบากเข้ามาเป็นเครื่องบริกรรม จะทำให้เกิดความท้อถอยทางความเพียร และจะเป็นผู้เหินห่างธรรม คือความสิ้นทุกข์ซึ่งควรจะได้รับจากความเพียรในเร็ววัน

และโปรดระวังถึงพระบรมศาสดาผู้เป็นครู พระองค์เสด็จออกบวชปรากฏชื่อลือนามสะเทือนสะท้านทั่วไตรโลกธาตุว่า เป็นผู้มีความขยันหมั่นเพียรไม่มีใครเสมอเหมือน จนคว้าเอาธรรมอันยอดเยี่ยมมาครองได้ แต่พวกเราบวชในศาสนาของพระองค์ทำไมจะให้เขาเล่าลือว่าเป็นคนเกียจคร้านอ่อนแอ ไม่สมนามเป็นศิษย์พระตถาคต มิหนำยังจะนำเอาความแพ้กลับบ้าน ไม่มีอย่างเลย และไม่มีความสง่างามอะไรพอจะให้เป็นเกียรติแก่เรา และวงพระศาสนาจากการแพ้ทัพกลับบ้านเลย จิตต้องอาศัยการรบเร้าและขู่เข็ญจากเราเสมอ ฉะนั้น ผู้เป็นเจ้าของจำต้องพาจิตทำงานโดยอุบายวิธีต่าง มีทั้งการปลอบโยน มีทั้งการบังคับขู่เข็ญแฝงกันไปตามโอกาสที่ควรเพื่อให้จิตก้าวเดิน ไม่เช่นนั้นจิตจะนอนสูบแต่เฮโรอีน (อารมณ์เสพติดของใจ) ตลอดวันตลอดคืน แล้วขนทุกข์มาทับถมจนมองหาตัวของตัวไม่เจอ

ที่ทำการสั่งสอนหมู่เพื่อนมาก็เป็นเวลาหลายปี สอนหมดสติปัญญาความสามารถไม่ว่าธรรมชั้นไหน นำมาสอนจนหมดเปลือกไม่มีอะไรเหลืออยู่ภายในตัว นอกจากนั้นยังอัดเทปและถอดออกพิมพ์อีกไม่รู้กี่เล่ม แต่นี้เป็นเพียงส่วนย่อย ส่วนที่เทศน์ให้หมู่เพื่อนฟังในที่ต่าง ซึ่งมิได้อัดเทปไว้นั้น นับเป็นเวลาสิบกว่าปีจะมีจำนวนมากเท่าไร ผู้เทศน์ไม่ได้สนใจนับอ่าน สำหรับท่านที่มาอาศัยก็พยายามสอนเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่มีปิดบังลี้ลับไว้แม้แต่น้อย ใครจะเชื่อก็เชื่อ ใครไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ ใครจะดำเนินก็ดำเนิน ใครไม่ดำเนินก็สุดแต่ใจเท่านั้น ผู้เทศน์ก็ไม่ได้ดีได้ชั่วอะไรจากความเชื่อหรือไม่เชื่อ และจากการดำเนินหรือไม่ดำเนินตามนั้น

การเทศน์ก็เป็นการทำงานประเภทที่หนักไม่น้อยเลย และยังมีทางลดสุขภาพลงเพราะการออกกำลังนั้นด้วย อย่าเข้าใจว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยพอจะเห็นเป็นความนอนใจ ไม่ไตร่ตรองจากธรรมที่แสดงให้ฟังแล้ว โปรดทราบว่าผู้เทศน์คือผู้ทำงานหนักเพื่อหมู่ชน อย่าเข้าใจว่าเป็นเรื่องสนุกสนาน ในการเทศน์และการฟังแบบโรงลิเกละคร เพราะการปฏิบัติมามิได้ทำแบบโรงหนังโรงละคร จะนำธรรมมาเทศน์แบบนั้นได้อย่างไร แม้ผู้ฟังก็ไม่ควรฟังแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าจะฟังแบบธรรมกันละก็ ควรจะนำไปไตร่ตรองด้วยดี เพราะธรรมที่แสดงจะหมุนปลายเข็มลงสู่องค์อริยสัจ มีอริยสัจอยู่ที่ไหน ธรรมก็หมุนไปที่นั่น

ถ้าผู้ฟังเข้าใจว่าธรรมดังกล่าวมีอยู่ในตัวด้วย ก็เท่ากับท่านเทศน์เรื่องของตัวโดยเฉพาะ แล้วก็ได้ฟังอย่างสนิทใจโดยไม่ต้องหลงโลกหลงธรรมว่ามีอยู่ที่ไหนกันอีก นี่พูดถึงเรื่องการสอนหมู่คณะที่มาเกี่ยวข้อง สอนหวังความรู้ความฉลาดอันแหลมหลักแก่หมู่เพื่อนจริงๆ  ท่านผู้ฟังจะมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง และจะปฏิบัติต่อตัวเองอย่างไร สำหรับผู้เทศน์ไม่สามารถจะทำให้หมู่เพื่อนดีหรือชั่วได้ เพียงแต่เป็นผู้แนะนำเท่านั้น แม้การแสดงธรรมให้ท่านผู้ฟังจบแล้ว ก็เป็นเรื่องของตัวโดยเฉพาะเหมือนกัน ใครจะมาตำหนิให้เสียก็ไม่มีอะไรจะเสีย จะมาชมให้ดีก็ไม่มีอะไรจะดี นอกจากจะชั่วจะดีอยู่กับผู้ตำหนิผู้ชมนั้นเท่านั้น

เพราะเรื่องทั้งนี้ออกจากใจของผู้นั้น ผลจะเป็นของผู้นั้นรับเอง ผู้อื่นไม่มีสิทธิจะรับแทนได้ เพราะไม่ใช่ธนาณัติพอจะมอบฉันทะให้ผู้อื่นรับแทนได้ ผู้แสดงมีความหิวกระหายอยากฟังผลการปฏิบัติของหมู่คณะอยู่มาก และผลที่เกิดจากการแนะนำสั่งสอนของตนด้วยความเสียสละเพื่อหมู่คณะ ยังหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าหมู่เพื่อนจะเป็นผู้นำพระศาสนาต่อไป ดังนั้น จงพยายามปรับปรุงตัวให้ดี เพราะเป็นหลักสำคัญยิ่งกว่าอื่นใด ถ้าปรับปรุงตัวให้ดีเต็มที่แล้ว แดนพ้นทุกข์ที่ให้ชื่อว่าพระนิพพาน ซึ่งเป็นเพียงข่าวในมโนภาพมาแต่ก่อน จะหมดปัญหากันลงที่ใจดวงบริสุทธิ์นั้น

ข้อสำคัญโปรดขบคิดปัญหาดวงใจให้แตก เพราะปัญหายุ่งยากในไตรโลกธาตุรวมอยู่ที่ใจดวงเดียวเป็นผู้รับภาระแบกหาม ถ้าขบคิดปัญหาดวงใจแตกแล้ว ปัญหาทั้งมวลที่กล่าวมาก็สิ้นสุดลงทันที ผู้ต้องการพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง โปรดแก้ปัญหาดวงใจให้ได้ นิพพานซึ่งเคยถูกเป็นเมืองบ่น จะกลายเป็นแดนพ้นทุกข์ขึ้นมาที่ดวงใจของผู้แก้ปัญหาเสร็จสิ้นลงแล้ว

การแสดงธรรมก็เห็นสมควรแก่เวลา ท่านผู้ฟังซึ่งเป็นนักปฏิบัติมารวมกันเป็นจำนวนมาก โปรดแยกธรรมส่วนใหญ่ที่แสดงจบลง นำไปปรุงให้เป็นโอชารส เหมาะสมกับจริตนิสัยของตน จนสำเร็จผลขึ้นประจักษ์ใจเป็นลำดับตามนัยที่แสดง เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้

 

www.Luangta.com or www.Luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก