พ่อแม่ครูอาจารย์เป็นแบบอย่าง
วันที่ 10 กันยายน 2505 เวลา 19:00 น. ความยาว 55.3 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๐๕

พ่อแม่ครูอาจารย์เป็นแบบอย่าง

 

การแสวงหาทรัพย์ภายในกับทรัพย์ภายนอกมีลักษณะเช่นเดียวกัน คนฉลาดหาทรัพย์ภายนอกก็ไม่ขัดข้อง หาได้อย่างสะดวกสบาย แต่ถ้าเป็นคนโง่แล้วลำบากมาก จะเห็นได้ในที่ทั่วๆ ไป เช่น คนทุกข์คนจนมีจำนวนมาก คนมั่งมีมีจำนวนน้อย นี่ก็พอสังเกตให้เห็นแล้วว่าคนโง่มีจำนวนมาก คนฉลาดมีจำนวนน้อย เพราะเหตุนั้นคนทุกข์คนจนจึงมีจำนวนมากกว่าคนมั่งคั่งสมบูรณ์ การแสวงหาทรัพย์ภายในคือคุณงามความดีก็เช่นเดียวกัน ย่อมขึ้นอยู่กับความฉลาดเป็นสิ่งสำคัญกว่าสิ่งอื่น ถ้าเป็นคนโง่แล้วแม้จะเข้าไปนั่งชิดกับชายสบงจีวรของพระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลาย ผลจะพึงได้รับของเขาก็คือความโง่นั่นเอง จะได้ความฉลาดหรือคุณงามความดีจากพระพุทธเจ้าและสาวกนั้นเป็นการลำบากมากสำหรับคนโง่

ทรัพย์ภายในก็ต้องขึ้นอยู่กับความฉลาด ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถแสวงหาทรัพย์ภายในให้เป็นความสุขของใจได้ ทรัพย์ภายนอกเราทั้งหลายก็พอจะทราบกันแล้ว นับแต่เงินทองข้าวของและสิ่งที่มีวิญญาณไม่มีวิญญาณ เรียกว่าทรัพย์ทั้งนั้น เมื่อตกเป็นกรรมสิทธิ์ของใครก็เรียกว่าทรัพย์ของคนนั้น คุณงามความดีที่ให้นามว่าบุญซึ่งเป็นทรัพย์ภายในก็เช่นเดียวกัน ผู้ไม่ฉลาดแม้จะไปแสวงหาบุญกุศล บำเพ็ญคุณงามความดีกับเพื่อนเขา ผลที่จะพึงได้รับก็ขึ้นอยู่กับความโง่และความฉลาดของตน ความฉลาดมีน้อยบุญกุศลที่จะพึงได้รับก็มีน้อย

เฉพาะนักบวชของเรา บวชมาในพระพุทธศาสนา มุ่งหน้าจะบำเพ็ญตนให้พ้นทุกข์ เหมือนคนผู้มุ่งความเป็นเศรษฐีโดยถ่ายเดียว อนึ่ง เจตนาของคนในโลกมีอยู่ ประเภท คือ

คนประเภทที่ คนบางพวกเกิดขึ้นมาท่ามกลางแห่งความยากจนค่นแค้นเพราะพ่อแม่เป็นคนโง่ และขัดสนจนทรัพย์สมบัติเงินทองไม่มีจับจ่าย เป็นอยู่ด้วยการขอทานเขามารับประทาน ตื่นเช้าเที่ยวขอทานตามตรอกตามซอกมุมถนน ตามหน้าบ้านเขา รับประทานพอปากพอท้องบ้าง ไม่พอบ้าง ลูกก็รวมมาสายกรรมอันเดียวกัน เพราะวาสนาขนาดนั้นก็ต้องมาเกิดกับพ่อแม่ผู้อาภัพเช่นนั้น ลูกจึงไม่มีแก่ใจที่จะคิดถึงความมั่งมี คิดถึงความเป็นเศรษฐีเหมือนอย่างโลกผู้มั่งมี เพราะพ่อแม่เป็นแดนเกิด เป็นตัวพิมพ์ให้ลูกๆ เห็นอยู่แล้ว ลูกเกิดมาก็เป็นคนโง่ และเกียจคร้านเหมือนพ่อแม่ อยู่กับพ่อแม่ก็ทุกข์จนเที่ยวพาขอทานเขากินวันหนึ่ง อิ่มบ้างไม่อิ่มบ้าง นี้ก็ถือว่ายังดีอยู่

แต่พ่อแม่บางคนทุกข์จนแล้วยังไม่พอ ยังเที่ยวหาฉกลักปล้นจี้เอาของเขามากิน สิ่งของหรืออาหารทุกชิ้นที่ได้มาเลี้ยงลูกก็สอนลูกในตัวว่า สิ่งที่ได้มาเลี้ยงลูกนี้คืออะไร และได้มาจากไหน ลูกก็ได้รับการศึกษาจากพ่อแม่อีกเหมือนกัน และไม่ได้สิ่งของบริสุทธิ์มากิน แต่ได้มาด้วยความทุจริต คือฉกปล้นเขามาทั้งนั้น พอลูกเติบโตขึ้นมาไม่ต้องคิดหาการหางานทำ และความรู้วิชาตามวัยที่จะควรศึกษาหาความรู้ความฉลาดใส่ตัว เพราะพ่อแม่สอนไว้เรียบร้อยแล้ว คือการฉก ปล้นจี้ ยักยอก ฉ้อโกง ตีชิงวิ่งราว และความขี้เกียจขี้คร้านมีสันดานไม่เป็นที่ไว้วางใจ

ทั้งนี้เพราะพ่อแม่ตั้งตัวเป็นกระดานดำอันเต็มไปด้วยตัวหนังสือ คือความประพฤติและมารยาททุกๆ อาการที่เคลื่อนไหวอยู่แล้ว ลูกๆ ทุกคนเกิดมาได้รับการศึกษา หัดทำ หัดพูด หัดคิด ทุกอาการเป็นการศึกษาจากพ่อแม่เสียจนเพียงพอ เพราะตัวหนังสือและหลักวิชาทุกๆ แขนงมีอยู่ในกระดานดำ คือพ่อแม่พร้อมมูลแล้ว ตัวขี้เกียจขี้คร้าน ตัวคดโกง ตัวขี้ฉ้อโกหก ตัวฉกปล้นจี้ ชื่อว่าความทุจริตทุกๆ แขนง มีอยู่ในตัวหนังสือที่เขียนอยู่บนกระดานดำ คือพ่อแม่ทั้งนั้น ลูกๆ ก็หัดอ่านและวาดเขียน เรียนถ่ายจากพ่อแม่ บรรจุความรู้ประเภทไฟเผาโลกไว้ในตัวเสร็จ

พอใหญ่โตขึ้นมาบ้างก็เริ่มทำหน้าที่แทนพ่อแม่ โดยเริ่มลักเล็กขโมยน้อยเป็นลำดับไป ค่อยๆ กลายเป็นคนชั่วประพฤติตัวเป็นเสือร้าย ทำความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านชาวเมืองให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า นี่จุดสำคัญจุดหนึ่งที่เป็นไฟไหม้บ้านไหม้เมืองแบบดับไม่ไหว เหตุที่กลายเป็นคนเสียหายอย่างใหญ่หลวงทั้งนี้เพราะพ่อแม่เป็นแดนเกิดก็ดี เพราะเกิดจากนิสัยของเด็กเสียเองก็ดี เพราะการคบกับคนชั่วสันดานชอบทุจริตก็ดี คนประเภทหนึ่งคิดไปในแถวนี้

คนประเภทที่ คิดว่า แม้เราไม่ได้เป็นเศรษฐี แต่มีพอใช้พอรับประทานเสมอบ้านเมืองเขา และเป็นพลเมืองดีเหมือนเขา ก็พอมีหน้ามีตาเสมอบ้านเมืองเขาบ้าง คนจำพวกนี้มีความขยันหมั่นเพียรพอสมควรไม่ค่อยเกียจคร้าน เป็นไปด้วยความขยันหมั่นเพียรพอประมาณ สมบัติเงินทองเครื่องใช้ พอเป็นพอไปเสมอบ้านเมืองและพลเมืองดีทั่วๆ ไป เมื่อลูกเกิดขึ้นมาก็ถือพ่อแม่เป็นบทเรียน ยึดพ่อแม่เป็นกระดานและตัวหนังสือ ศึกษาความประพฤติการงาน ตลอดจนมารยาททุกอย่าง รับถ่ายทอดวิชาจากพ่อแม่ไปใช้ ก็กลายเป็นพลเมืองดีมีสมบัติพอจับจ่ายใช้สอยไม่ฝืดเคือง เขามีอะไรก็พอมีกับเขา ไม่ทำความอับอายขายหน้าพ่อแม่ญาติวงศ์และตัวเอง จะคบค้าสมาคมกับใคร ก็ทำด้วยความองอาจและสง่าผ่าเผย ไม่เป็นคนอับแสงต่อวงศ์ญาติและสังคมทั่วๆ ไป เป็นคนทำตัวให้เป็นไปในแถวแห่งความคิดของตนจนกลายเป็นพลเมืองดี และมีสมบัติใช้ไม่อดอยากขาดแคลน คนประเภทที่ คิดแถวนี้

คนประเภทนี่ มีความรู้สึกแปลกจากคนสองจำพวกที่กล่าวมา โดยคิดว่าอย่างไรก็จะให้มีสมบัติต่างๆ เหนือโลกเขาทั้งสิ้น และก็เริ่มสมหวังแต่ต้นทาง เพราะโอกาสวาสนาอำนวย ให้เขาได้เกิดในตระกูลมั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติและศีลธรรม ความขยันหมั่นเพียรและความเฉลียวฉลาดได้ศึกษาจากพ่อแม่ เพราะพ่อแม่พาซื้อขายด้วยความขยันหมั่นเพียร หมุนตัวเป็นเกลียวอยู่ด้วยการงานและกิจการทุกแขนง พ่อแม่ทำลูกต้องดู พ่อแม่พูดถึงเรื่องการงานอันใด  ลูกซึ่งเป็นนักศึกษาอยู่โดยหลักธรรมชาติต้องฟังและสำเหนียกศึกษาไปด้วยทุกๆ อย่าง ทั้งบรรดากิจการในบ้านหรือนอกบ้าน ใกล้หรือไกล

เพราะลูก เป็นทั้งนักศึกษา และคนรับใช้ที่ไว้ใจและสนิทที่สุดกว่าใครๆ พ่อแม่จะมองข้ามไปไม่ได้ และเป็นหัวหน้างานของคนงานในบ้านนอกบ้าน และโรงงานต่างๆ ที่เป็นสมบัติของพ่อแม่จัดตั้งขึ้น กิจการทุกอย่างที่พ่อแม่จะต้องรับผิดชอบในหน้าที่ของตน ลูกต้องเป็นนักศึกษาและเป็นคนงานอยู่ในวงงานนั้นๆ พร้อมทั้งตาก็คอยดู หูก็คอยฟังและคิดอ่านทางใจไปพร้อมๆ กัน กิจการทุกอย่างนั้นทางคดีโลกมีการค้าขายเป็นต้น ทั้งคดีธรรมมีการให้ทาน รักษาศีล ทั้งสวดมนต์ไหว้พระภาวนาเป็นต้น เป็นกิจที่ลูกจะศึกษา และรับถ่ายทอดได้จากพ่อแม่ทั้งนั้น

ฉะนั้นพ่อแม่ของเด็กจึงไม่ควรประมาทในความประพฤติดีชั่ว ว่าเด็กจะไม่สามารถศึกษา และรับถ่ายทอดจากตนได้ แล้วทำไปตามความชอบใจ เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะการทำดีและการทำชั่วต่อศาสนา พระมหากษัตริย์ รัฐธรรมนูญ ที่ทำๆ กัน ต้นเหตุเป็นมาจากการศึกษาในภาวะเป็นเด็กทั้งนั้น อย่าเห็นว่ามาจากอื่น ใครไม่เคยเอาคนแก่ไปเข้าโรงเรียนกัน นอกจากสมัยวัฒนธรรมเท่านั้น ที่ถูกเราควรทราบว่าเด็กเริ่มรับการศึกษาหลักธรรมชาติตั้งแต่วันตกคลอดเป็นลำดับมา จนถึงวันพ่อแม่ส่งเข้าโรงเรียนอย่างเปิดเผย

หลักธรรมชาติพึงทราบว่ามีอยู่ในที่ทั่วๆ ไป พอจะให้การศึกษาแก่ผู้สนใจทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ได้ตลอดกาล ทั้งไม่เหมือนตัวหนังสือและวิชาการซึ่งอาจมีขึ้นเป็นบางกาล แล้วเปลี่ยนแปลงและสาบสูญไปในบางสมัย ฉะนั้นพ่อแม่จึงเป็นแม่พิมพ์ของลูกๆ สำคัญยิ่งกว่าใคร ทั้งการเลี้ยงดู ทั้งการให้ความรัก และความสนิทสนมแก่เด็กซึ่งเกิดกับเรา ทั้งให้การศึกษาในหลักธรรมชาติ และหลักวิชาที่เด็กควรจะเรียนจากพ่อแม่เพื่อเป็นพื้นเพของเด็ก

เพราะเด็กทุกคนเตรียมพร้อมแล้วที่จะเป็นนักศึกษา และถ่ายทอดจากผู้ใหญ่และเพื่อนๆ ของเด็กด้วยกัน ส่วนจะเป็นเด็กดีหรือชั่วนั้นขึ้นอยู่กับการศึกษา และถ่ายทอดของเด็กที่ได้รับมาจากที่ต่างๆ เมื่อเข้ามาบรรจุไว้ในใจแล้วจึงปรากฏเป็นความกดดันออกมาทางความประพฤติให้ดีบ้างชั่วบ้าง ดังที่เราเห็นๆ กันทั่วไป ทั้งนี้พึงทราบว่าออกมาจากการศึกษาในหลักธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญ และหลักธรรมชาตินี้ไม่ค่อยมีโรงร่ำโรงเรียนสั่งสอนกัน แต่ผู้ศึกษามักจะยึดได้เร็วกว่าครูสอนในโรงเรียนเสียอีก

ฉะนั้นเด็กๆ ทุกคนซึ่งอยู่ในบ้านหรืออยู่ที่ไหนๆ ผู้ปกครองจึงควรสนใจเป็นพิเศษเสมอ แม้เด็กที่ทำงานช่วยพ่อแม่อยู่ในบ้าน พ่อแม่พาซื้อพาขายเป็นงานอาชีพอยู่ในบ้าน เด็กก็เรียนวิชาค้าขายกับพ่อแม่ไปในตัว พ่อแม่มีความหนักเบาไปในแง่ไหน ลูกต้องรับถ่ายทอดจากพ่อแม่อยู่โดยดี เราจะเห็นได้จากพ่อแม่ของเด็กถือศาสนาอะไร จะผิดถูกดีชั่วไม่สำคัญ แม้พระภูมิเจ้าที่ซึ่งมีอยู่ในที่ทั่วไป พ่อแม่พาถืออะไร จะเป็นศาสนาหรือลัทธิอะไร ลูกๆ ต้องรับถ่ายทอดไปปฏิบัตินับถือสืบๆ กันไป ถ้าพ่อแม่รักศีลรักธรรม ลูกๆ ก็ถือเอาเป็นแบบฉบับ และรักศีลรักธรรม และปฏิบัติตามที่พ่อแม่เคยทำมา นี่คนประเภทที่ มีความขยันหมั่นเพียรมาก ผลปรากฏให้ดีเด่นกว่าคนทั้งสองประเภทที่กล่าวมา

เมื่อแยกเป็นประเภทแล้ว คนประเภทที่ เป็นคนเกียจคร้านและโง่ที่สุด ทั้งทำตัวให้เป็นคนเลวทราม เป็นที่ดูหมิ่นเหยียดหยามของพลเมืองดีทั่วๆ ไป คนประเภทที่ มีความขยันหมั่นเพียรและมีสมบัติพอประมาณ ส่วนคนประเภทที่ มีความมุ่งหมายจะให้มั่งมีเหนือโลกเขาทั้งนั้น ทั้งมีความขยันหมั่นเพียรมากเพราะตั้งจุดไว้สูง จะอยู่เฉยๆ ไม่ได้
 Add Image
View HTML Source

 Add Image
View HTML Source

 Add Image
View HTML Source

 Add Image
View HTML Source


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก